บทที่ 243 สกิลขั้นสูง
เซียวเฟิงใช้เวลาสองวันในการสำรวจชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพและป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึก
หลังจากฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดบนชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพแล้ว เขาก็กลับไปที่ป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกพร้อมของสวมใส่เต็มกระเป๋า และเริ่มเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญของสกิลต่าง ๆ ของตัวเองหลังจากเจอมอนสเตอร์แบบสุ่ม ในขณะเดียวกันเขาไม่ได้ละเลยการอัปสกิลหลอม ไอเทมระดับเริ่มต้นถูกเซียวเฟิงทำลายอย่างต่อเนื่อง โดยทิ้งเศษเหล็กไว้ในกระเป๋าของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้แต่ของสวมใส่ระดับเขียวก็ยังถูกเซียวเฟิงหลอม แต่เขาไม่คิดจะเอาของสวมใส่หายากระดับน้ำเงินหรือสูงกว่ามาหลอม เขาแยกของพวกนั้นทั้งหมดออกและส่งให้เฉียนโตวโตว
ซือเยี่ยจิ๋งกำลังยุ่งกับการสอบปลายภาคในสองวันนี้ เธอมักจะเข้าสู่ระบบในเวลากลางคืน ดังนั้นเซียวเฟิงจึงสำรวจแค่ชั้นสองของป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกกับเธอในตอนกลางคืน และมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญในเวลาอื่น
ท้ายที่สุด ค่าประสบการณ์ของมอนสเตอร์บนชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพก็เพียงพอที่จะทำให้เซียวเฟิงอัปเลเวลได้ ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลต่อการหาเลเวลของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เจอนักบวชออร์คในป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกเลย และเขาไม่สนใจบอสตัวอื่น ๆ ที่ไม่ดร็อปหนังสือสกิลสำหรับนักบวช
ทว่าเขาก็ยังไม่พบวิธีที่จะปลดสกิลพรางตัวของผู้พิทักษ์มือสังหารบนชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพได้ เซียวเฟิงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องหลีกเลี่ยงผู้พิทักษ์และรอมอนสเตอร์และบอสตัวอื่น ๆ เกิดใหม่ ในกรณีนั้น ผู้พิทักษ์มือสังหารก็จะหายตัวไปเอง
ในขณะเดียวกัน ด้วยค่าความเข้าใจของเซียวเฟิง ประสิทธิภาพในการเพิ่มค่าความเชี่ยวชาญในช่วงสองวันที่ผ่านมายังค่อนข้างสูง หลังจากการแจ้งเตือนของระบบหลายครั้ง เซียวเฟิงก็ได้อัปสกิลส่วนใหญ่ของเขา
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลโฮลี่ไลท์ของคุณได้อัปเป็นเลเวล 3 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลอวยพรชีวิตของคุณได้อัปเป็นเลเวล 3 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลอวยพรการป้องกันของคุณได้อัปเป็นเลเวล 3 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลอวยพรอาวุธของคุณได้รับการอัปเป็นเลเวล 3 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลอวยพรความกล้าของคุณได้รับการอัปเป็นเลเวล 3 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
[ติ้ง! ยินดีด้วย! สกิลการหลอมของคุณได้รับการอัปเป็นเลเวล 2 แล้ว! ผลของสกิลได้รับการพัฒนา!]
สกิลที่สร้างความเสียหายสองสกิลทั้งหอกแสงศักดิ์สิทธิ์และค้อนแห่งการพิพากษายังคงอยู่ที่เลเวล 2 และสกิลสำหรับรักษาสถานะเชิงลบสองสกิลทั้งการทำให้ชำระล้างและสกิลปัดเป่า ก็ยังคงอยู่ที่เลเวล 2 และเลเวล 1 ตามลำดับ นอกนั้นความเชี่ยวชาญของสกิลอื่น ๆ ของเซียวเฟิงก็ได้อัปเป็นระดับสูงแล้ว!
ไม่ใช่ว่าเซียวเฟิงไม่ต้องการอัปสกิลเหล่านั้น แต่ค่ามานาของเขาไม่เพียงพอและเขาก็ไม่สามารถเพิ่มความเชี่ยวชาญของสกิลได้ด้วยการฆ่าบอสที่มีชื่อสีเหลือง ดังนั้นจึงทำได้แต่มุ่งความสนใจไปที่การอัปสกิลบัฟหลาย ๆ อย่างและสกิลโฮลี่ไลท์เท่านั้น
หลังจากอัปสกิลเป็นระดับสูงแล้ว เอฟเฟกต์ของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สกิลโฮลี่ไลท์ (ขั้นสูง: 0/1000)
เอฟเฟกต์: เพิ่มพลังชีวิตของพันธมิตรด้วยการฟื้นฟู 20% ของพลังชีวิตสูงสุดของเป้าหมาย + ค่าจิตวิญญาณของตัวเอง
คูลดาวน์: 30 วินาที
การใช้มานา: 30 หน่วย
อวยพรชีวิต (ขั้นสูง: 0/1000)
เอฟเฟกต์: เพิ่มพลังชีวิตสูงสุดของเป้าหมายที่เป็นพันธมิตรด้วย 150% ของค่าความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นระยะเวลาสั้น ๆ
ระยะเวลา: 60 วินาที
คูลดาวน์: 30 วินาที
การใช้มานา: 50 หน่วย
พรแห่งการป้องกัน (ขั้นสูง: 0/1000)
เอฟเฟกต์: เพิ่มค่าพลังป้องกันและค่าป้องกันเวทของเป้าหมายที่เป็นที่เป็นพันธมิตรด้วยพลังป้องกัน 20% เป้าหมาย + ค่าความแข็งแกร่งของตัวเอง 20%
ระยะเวลา: 60 วินาที
คูลดาวน์: 30 วินาที
การใช้มานา: 50 หน่วย
อวยพรอาวุธ (ขั้นสูง: 0/1000)
ผลกระทบ: เพิ่มค่าความเสียหายให้กับอาวุธ
ระยะเวลา: 60 วินาที
คูลดาวน์: 30 วินาที
การใช้มานา: 50 หน่วย
อวยพรชีวิต (ขั้นสูง: 0/1000)
เอฟเฟกต์: เพิ่มค่าป้องกันเวทของเป้าหมายที่เป็นพันธมิตรด้วย 20% ของค่าป้องกันเวทของเป้าหมาย + ค่าพลังเวทของตัวเอง 20%
ระยะเวลา: 60 วินาที
คูลดาวน์: 30 วินาที
การใช้มานา: 50 แต้ม
สกิลฮีล สกิลโฮลี่ไลท์ และสกิลบัฟทั้งสี่พัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสกิลโฮลี่ไลท์ที่เพิ่มการฟื้นฟูถึง 20% หลังจากอัปเป็นระดับสูง นั่นก็คือความเสียหายที่ทำต่อมอนสเตอร์ธาตุมืดและอันเดดก็สูงถึง 20%
ตอนนี้ถ้าเซียวเฟิงเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์หรือบอสของคุณสมบัติทั้งสองนี้ เขาสามารถฆ่าพวกมันได้จากการใช้สกิลสี่หรือห้าครั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือใช้เวลาน้อยกว่า 3 นาที ประสิทธิภาพการจัดการมอนสเตอร์แบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว
นอกจากนี้คทานักปราชญ์ที่เสียหายสามารถลดเวลาคูลดาวน์ของสกิลโฮลี่ไลท์ได้ 10% ซึ่งเท่ากับ 3 วินาที
เซียวเฟิงก็เลยมีความคิด เขาสนใจจะไปล่าฝูงมอนสเตอร์ในภูเขากระดูก ซึ่งก็คือกองทัพโครงกระดูกทั้งหลาย
ตอนนี้ประสิทธิภาพการล่ามอนสเตอร์ของเขาเพิ่มขึ้น เขาสามารถฆ่ากองทัพโครงกระดูกได้ตราบเท่าที่เขาทนได้สักสองหรือสามนาที
ทว่า… เมื่อมองดูนักธนูโครงกระดูก พลหอกโครงกระดูก และนักเวทโครงกระดูกจากระยะไกล เซียวเฟิงก็ไม่มั่นใจอยู่ดี การโจมตีระยะไกลอย่างท่วมท้นจนไม่สามารถประเมินได้ ต่อให้มอนสเตอร์แต่ละตัวจะสร้างความเสียหายได้เพียง 10 แต้ม แต่มอนสเตอร์แบบนี้นับสิบตัวก็จะฆ่าเซียวเฟิงได้
นอกจากนี้ กองทัพโครงกระดูกหลายจุดก็ประกอบไปด้วยมอนสเตอร์นับพันตัว ดังนั้นเซียวเฟิงจึงคิดทบทวนและตัดสินใจที่จะไม่เหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่ล่ามอสเตอร์ขั้นสูงก่อนที่เขาจะสามารถป้องกันตัวเองได้ดีพอ
เรื่องนี้ไม่เหมือนกับการต่อสู้กับกิลด์กลอรี่ ไม่ว่ากิลด์กลอรี่จะมีผู้เล่นกี่คน มันก็ไร้ประโยชน์หากพวกเขาไม่สามารถฝ่าพลังป้องกันของเซียวเฟิงได้
แต่อย่างไรก็ตาม พลังโจมตีของมอนสเตอร์ก็ไม่สามารถมองข้ามได้เซียวเฟิงจะเสียพลังชีวิตอย่างแน่นอนเมื่อโดนมอนสเตอร์รุมโจมตี
นอกจากนั้น สกิลหลอมของเขายังได้เลื่อนไปเป็นเลเวล 2 แล้ว นอกจากอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% แล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก
สำหรับสกิลจิปาถะอีกสองสกิล ทั้งสกิลการสอดแนมขั้นสูง และสกิลการรวบรวมเบื้องต้น เนื่องจากเซียวเฟิงไม่ได้ทำอะไรกับค่าความเชี่ยวชาญของสองสกิลนี้ พวกมันก็เลยยังคงอยู่ที่เลเวลเดิม
[ติ้ง! เพื่อนของคุณ ไนท์ คูนเนอร์ ส่งคำขอโทรถึงคุณ! คุณยอมรับหรือไม่”]
แผงสกิลของเซียวเฟิงยังเปิดอยู่เมื่อเขาได้ยินการแจ้งเตือนการล็อกออนของซือเยี่ยจิ๋งและได้รับคำขอโทรจากเธอ
“รอเดี๋ยว ฉันกำลังไป”
ก่อนที่ซือเยี่ยจิ๋งจะพูด เซียวเฟิงก็ชิงพูดก่อน เช่นเดียวกับที่ทำในสองวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มทิ้งเครื่องหมายมิติไว้ในตำแหน่งที่ซือเยี่ยจิ๋งออกจากระบบ หลังจากที่เธอเข้าสู่ระบบ เขาก็จะเทเลพอร์ตตัวเองไปที่นั่นและฆ่ามอนสเตอร์กับเธอ
อย่างไรก็ตาม มีบอสมากมายในป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกและมอนสเตอร์ก็เป็นระดับสูงเช่นกัน แต่พวกมันกระจัดกระจายกันเกินไปและให้ค่าประสบการณ์ที่ไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ซือเยี่ยจิ๋งหล่นจากอันดับ 2 ไปอันดับ 7 ในอันดับเลเวล
สิ่งเดียวที่เก็บเกี่ยวได้คือเซียวเฟิงกับเธอเจอบอสออร์คมือสังหารและได้หนังสือสกิลขั้นสูงสำหรับมือสังหาร ‘ระบำแห่งความตาย’ มา เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับซือเยี่ยจิ๋ง เธอบอกว่ามันคุ้มค่าที่จะตกจากรายการอันดับเลเวลหากเธอจะได้หนังสือสกิลอีกสักเล่มเป็นการแลกเปลี่ยน
นอกเหนือจากมูลค่าอันน่าทึ่งของหนังสือสกิลขั้นสูงที่เธอสามารถใช้ได้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังได้หนังสือสกิลระดับเริ่มต้นมากกว่า 10 เล่ม ตอนที่เธอตามเซียวเฟิงเพื่อล่ามอนสเตอร์ หนังสือสกิลเหล่านี้มีมูลค่าอย่างน้อยสองสามพันเหรียญทอง
เป็นเพราะเธอต้องสอบปลายภาคจึงสามารถเข้าระบบได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น มิฉะนั้น พัฒนาการเธอคงจะเพิ่มเป็นสองเท่า
“ตาเฮงซวย! นายย้ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซือเยี่ยจิ๋งตะโกนด้วยความโกรธจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์โดยไม่คาดคิด
“เอ่อ?” เซียวเฟิงตกใจและมองดูนาฬิกา มันเป็นหลังเวลาอาหารเย็น
ในตอนนี้ ซือเยี่ยจิ๋งเข้าสู่ระบบช้ากว่าเมื่อวาน เธอคงจะไปที่อพาร์ตเมนต์ที่เซียวเฟิงเคยอาศัยอยู่มาก่อนหรือเปล่า?
“ตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันต้องถามความเห็นเธอเกี่ยวกับการย้ายที่อยู่น่ะ?” เซียวเฟิงตอบคำถามด้วยคำถามและน้ำเสียงที่สับสน
“ฉัน…ฉัน…”
ซือเยี่ยจิ๋งรู้สึกประหม่าทันทีและพูดด้วยความมั่นใจว่า “ฉันมีวันหยุดหลังสอบ ฉันจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านนาย ฉันไม่รู้ว่านายย้ายไปโดยไม่บอกฉัน ฉันเคาะประตูตั้งนานก็ไม่มีใครตอบเลย”
“ทำไมเธอถึงเดินเตร่ไปมาแทนที่จะกลับบ้านในวันหยุดล่ะ” เซียวเฟิงกล่าวอย่างโกรธเคือง เขาเปิดใช้งานแหวนห้วงมิติและปรากฎตัวต่อหน้าซือเยี่ยจิ๋ง
“ฉันไม่กลับบ้าน วันหยุดฤดูร้อนนี้ ฉันต้องทำงานและช่วยลูกพี่ลูกน้องของฉันพัฒนากิลด์ให้เติบโต” ซือเยี่ยจิ๋งรีบถอยออกมาและพูดหลังจากที่เซียวเฟิงปรากฏตัวขึ้น
“มันไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน เธอยังอยากจะล่ามอนสเตอร์อยู่หรือเปล่า?” เซียวเฟิงไม่รู้สึกอยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอ
“ใช่! แน่นอนฉันอยาก ไปตามหาออร์คมือสังหารกันเถอะ!” ซือเยี่ยจิ๋งเปลี่ยนเรื่องทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแทน
แน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่ไปหาออร์คมือสังหารกับเธอ แต่เขาเดินเข้าไปในชั้นสองของป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกแทน พร้อมกับค้นหาออร์คผู้ประกอบพิธีกรรม
ป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกเป็นแผนที่พิเศษ หากไม่มีพิกัดหรือทิศทาง พวกเขาก็จะไม่มีสามารถจำทิศทางได้แม้จะสำรวจป่ามาสองวันแล้วก็ตาม
เห็นได้ชัดว่าชั้นสองของป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกนั้นใหญ่กว่าชั้นหนึ่งมากเพราะว่าตอนนี้เซียวเฟิงยังไม่เห็นทางเข้าของชั้นสาม
อาจเป็นเพราะว่าป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกมีเพียงสองชั้นแทนที่จะเป็นสามชั้น หรือเพราะเซียวเฟิงยังไม่ได้เข้าใกล้ชั้นสาม โดยทั่วไปแล้ว ทางเข้าของป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกค่อนข้างถูกซ่อนไว้ ซึ่งยากต่อการมองเห็นแม้ว่าจะอยู่ตรงหน้าก็ตาม มีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่สามารถค้นพบมันได้ด้วยความสามารถในการรับรู้อันทรงพลังของตัวเองในระยะที่ใกล้พอ
“หืม? ดูสิ! มีนายพลออร์คมากมายเลย!”
ทันใดนั้น ซือเยี่ยจิ๋งก็จ้องไปที่จัตุรัสวงแหวนที่มีการออกแบบพิเศษตรงหน้าและตะโกนด้วยเสียงเบา
เห็นได้ชัดว่าสถานที่นี้ไม่ธรรมดาซึ่งแตกต่างจากพื้นดินธรรมดาและถูกปกคลุมด้วยหินสี่เหลี่ยม นอกจากนี้ กลุ่มของนายพลออร์คก็รวมตัวกันและเดินไปที่นั่น! นายพลออร์คเป็นบอสเลเวล 30!
“เร็วเข้า! เราจะรวยถ้าเราฆ่าพวกมันทั้งหมด!”
ซือเยี่ยจิ๋งระงับความตื่นเต้นของเธอและพูดกับเซียวเฟิงด้วยเสียงเบาราวกับว่าเธอกลัวจะทำให้นายพลออร์คตกใจด้วยเสียงของเธอ อันที่จริง พวกนายพลออร์คเป็นบอสเป็นกลางที่มีชื่อสีเหลือง พวกมันจะไม่โจมตีทั้งสองแม้ว่าผู้เล่นจะยืนอยู่ตรงหน้าพวกมันก็ตาม
หลังกวาดสายตาไปทั่วสถานที่ เขารู้สึกเสียดายที่ไม่มีออร์คผู้ประกอบพิธีกรรมในหมู่บอสเลย แต่เขาไม่สามารถหันหลังกลับและจากไปเพราะเหตุผลนั้นได้
เนื่องจากสถานที่นี้ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ทางเข้าชั้นสามอาจอยู่ข้างหน้าพวกเขา
“ไปกันเถอะ”
เซียวเฟิงยกมือขึ้นและเพิ่มบัฟให้กับซือเยี่ยจิ๋ง จากนั้นหญิงสาวก็ทำสิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงอึ้งทันที