ภาคที่ 2 การแข่งขันแพทย์แผนจีน บทที่ 23 บังเอิญว่าผมความจำดี

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 23 บังเอิญว่าผมความจำดี

“การแข่งขันในส่วนที่สองจะเป็นการแข่งขันจำแนกตัวยา!” พิธีกรพูด “การคิดคะแนนในรอบนี้จะมาจากตัวยาที่ได้รับการปรุงสำเร็จ นอกจากจะทดสอบการจำแนกยาของพวกคุณแล้ว ยังเป็นการทดสอบความชำนาญและคลังความรู้เกี่ยวกับตัวยาของทุกคนด้วย”

“กติกาก็คือ ทุกคนจะได้รับชื่อตำรับยาคนละ 100 ชนิด โดยที่มีแต่ชื่อ แต่เราจะไม่บอกส่วนผสมของการปรุงยาให้พวกคุณ”

“เมื่อได้รับชื่อตำรับยาของแต่ละคน พวกคุณก็ต้องหาส่วนผสมนำมาจัดให้ครบชุดยาทั้งหมดภายในเวลาสามชั่วโมง โดยที่ยาแต่ละตำรับจะต้องถูกจัดใส่ถุงที่พวกเราเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งถุงแต่ละใบจะมีชื่อตำรับยาและชื่อผู้เข้าแข่งขันติดอยู่อย่างชัดเจน”

“ทางทีมงานได้จัดเตรียมถุงและป้ายชื่อให้กับผู้เข้าแข่งขันทุกคนเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าแข่งขันมีหน้าที่นำส่วนผสมของตำรับยาแต่ละชนิดบรรจุลงไปในถุงให้ครบตามกำหนดเวลา และทางรายการมีสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นรถเข็นให้พวกคุณได้ใช้ผ่อนแรง”

โหดเกินไปไหมเนี่ย?

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนหน้านิ่วคิ้วขมวด

แค่จดจำชื่อส่วนผสมของตำรับยาให้ครบ 100 ชนิดก็รากเลือดแล้ว แต่นี่ทางทีมงานยังจะคิดคะแนนจากการนำตำรับยาไปปรุงสำเร็จอีกหรือ?

นี่ไม่ใช่งานยากระดับธรรมดาแล้ว

ต้องเรียกว่าเป็นงานที่ยากในระดับอภิมหาโหดหินมากกว่า

ต่อให้เมื่อคืนนี้มีผู้เข้าแข่งขันแอบใช้โทรศัพท์มือถือตรวจสอบข้อมูลก่อนล่วงหน้า ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ!

“เอาละ เริ่มแจกจ่ายถุงใส่ยาและป้ายชื่อให้ทุกคนได้”

พิธีกรออกคำสั่ง

หลังจากนั้น ทีมงานผู้จัดเตรียมการแข่งขันก็จัดแจงแจกจ่ายถุงและป้ายชื่ออย่างละ 100 ชุดให้แก่ผู้เข้าแข่งขันทุกคน

ไม่กี่อึดใจให้หลัง

กลุ่มผู้เข้าแข่งขันก็สำรวจสิ่งที่ตนเองได้รับ

ซูเย่ก้มหน้ามอง สิ่งที่อยู่ในมือเขาคือถุงเก็บของลักษณะโปร่งใส พร้อมด้วยแผ่นสติ๊กเกอร์เขียนข้อความตัวใหญ่ที่พร้อมสำหรับฉีกมาติดบนถุงใสได้ตลอดเวลา

“การแข่งขันจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้”

ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือนของพิธีกร

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 49 คนรีบแยกย้ายไปตามหาสมุนไพรตามตำรับยาที่ตนเองได้รับ

มีแต่ซูเย่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมและมองสติ๊กเกอร์ป้ายชื่อตำรับยานิ่งเฉย ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่

ในรถตู้ที่ควบคุมการบันทึกภาพ

“เขาทำอะไรของเขาน่ะ?” เมื่อเห็นซูเย่ยังยืนอยู่ที่เดิม ผู้กำกับจ้าวเหมียนก็ถึงกับตะลึงงัน

แม้แต่โปรดิวเซอร์หวังและตากล้องก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน

ขณะนี้ ซูเย่กำลังคิดคำนวณอยู่ในใจด้วยความเร็วไว

ในพระราชวังแห่งความทรงจำของเขา มีชื่อตำรับยาลอยขึ้นมา 100 ชนิด

และชื่อตำรับยาเหล่านั้นก็มีชื่อของส่วนผสมระบุไว้ครบถ้วน

แต่เท่านั้นยังไม่พอ

ด้านหลังตัวอักษรซึ่งแจ้งถึงส่วนผสมนั้น ยังมีตัวเลขที่ระบุอัตราส่วนที่ต้องใช้สำหรับการปรุงยาอีกด้วย

อึ่งคี้ 28 ชิ้น

จื้อกันเช่า 39 ชิ้น

หลังคำนวณส่วนผสมทั้งหมดเสร็จ ซูเย่ถึงได้ยิ้มออกมาแล้วเดินไปข้างหน้า

ภายใต้การจับจ้องของกล้องบันทึกภาพ ชายหนุ่มเข็นรถเข็นตรงไปยังโต๊ะที่อยู่หัวแถว

เมื่อจดจ่อสายตาอยู่ที่กองจื้อกันเช่า ซูเย่ก็เริ่มกระบวนการของตนเอง

เขาหยิบพวกมันใส่ในถุงใสใบหนึ่ง

เป็นจำนวน 39 ชิ้นพอดีเป๊ะ

หลังจากนั้น

เขาก็ตรงไปยังกองสมุนไพรถัดไป ซึ่งก็คือโป่งรากสน

เขาหยิบมา 26 ชิ้น

หลังจากเห็นการกระทำของชายหนุ่ม จ้าวเหมียนที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านหน้าจอบันทึกภาพก็ถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อย

“เก็บภาพซูเย่เอาไว้ให้ได้มากที่สุด!”

จ้าวเหมียนออกคำสั่งผ่านทางวิทยุสื่อสาร

ถึงเขาจะยังไม่รู้ว่าซูเย่กำลังทำอะไรอยู่ แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน

ไม่นานหลังจากนั้น ตากล้องอีกสองคนก็เดินแยกออกมาเพื่อตามถ่ายภาพซูเย่โดยเฉพาะ

แม้จะรู้ว่าตนเองได้รับความสนใจ แต่ซูเย่ก็ยังคงหยิบสมุนไพรกองแล้วกองเล่าด้วยความรวดเร็วเช่นเดิม ไม่ได้ถูกขัดจังหวะแม้แต่น้อย

20 นาทีให้หลัง

ซูเย่ก็ได้ส่วนผสมทุกอย่างที่เขาต้องการ

ในเวลา 20 นาทีเหล่านี้ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ล้วนเห็นการกระทำของซูเย่

ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร?

พวกเขาได้แต่เลิกคิดฟุ้งซ่านและก้มหน้าก้มตาหาสมุนไพรของตนเองต่อไป

หวังจี้เชาก็ชำเลืองมองไปที่ซูเย่เช่นกัน แต่เขาไม่ได้สนใจ

เมื่อได้สมุนไพรทั้งหมดที่ต้องการเรียบร้อย ซูเย่ก็เริ่มการแบ่งแยกตำรับยา

เขาเทถุงใส่สมุนไพรที่อยู่ในรถเข็นลงมาบนพื้นดิน

จากนั้นตนเองจึงนั่งลงบนพื้นเช่นกัน

เขานำสติ๊กเกอร์ซึ่งเป็นป้ายชื่อตำรับยาออกมาทยอยติดลงไปบนถุง

เมื่อเห็นดังนั้น

ทุกคนก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไร

“เป็นไปได้ยังไง หมอนี่เก็บส่วนผสมสำหรับตำรับยาครบทั้งร้อยชนิดแล้วเหรอ?”

“ไม่น่าใช่หรอกมั้ง?”

“แค่สูตรยาตำรับเดียวก็จำกันแทบไม่ไหวแล้ว แต่นี่เขาจำสูตรยาทั้ง 100 ชนิดได้ยังไง? แถมยังหาส่วนผสมเจอเร็วขนาดนี้อีก?”

ระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดสงสัยอยู่ในหัวใจ

ซูเย่ก็ยกมือขึ้น

เขาขอกระดาษกับปากกาจากผู้คุมสอบ

เมื่อได้กระดาษกับปากกาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนแผ่นกระดาษ และนำกระดาษแผ่นนั้นติดไปกับป้ายตำรับยาที่อยู่บนถุง

และซูเย่ก็เริ่มทำอย่างเดียวกันนี้กับถุงต่อไป

อย่าบอกนะว่าหมอนี่กำลังเขียนวิธีการปรุงยาของตำรับยาแต่ละชนิด?

แต่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?

ทันใดนั้น ความสงสัยก็จางหายไปจากหัวใจของทุกคน เนื่องจากพวกเขาเข้าใจแล้ว!

การจำแนกสัดส่วนของส่วนผสมในตำรับยาเหล่านี้อาจจะดูเสียเวลาก็จริง แต่ถ้าระบุจำนวนส่วนผสมให้เรียบร้อย ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมาก!

และมันยังทำให้การปรุงตำรับยาเหล่านี้ง่ายขึ้นด้วย!

ทันใดนั้น

ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็เข้าใจในการกระทำของซูเย่ก่อนหน้านี้ทั้งหมด

การเดินหาส่วนผสมของตำรับยาทีละชนิดคือเรื่องที่เสียเวลามาก เพราะเมื่อได้ครบตำรับแรกแล้ว พวกเขาก็ต้องเดินกลับไปหาส่วนผสมสำหรับตำรับยาที่สองอีกรอบ

และต้องทำซ้ำๆ เช่นนี้ไป 100 ครั้ง

แต่ถ้าพยายามนึกให้ออกก่อนว่าส่วนผสมของตำรับยาทั้ง 100 ชนิดนั้นมีอะไรบ้าง ก็จะช่วยประหยัดเวลาได้หลายเท่า!

ให้ตายสิ ทำไมพวกเขาคิดไม่ถึงนะ!

ก็เพราะทางทีมงานนั่นแหละชอบจัดเตรียมทุกอย่างให้สับสนอยู่เรื่อย!

หลายคนแอบต่อว่าทีมงานอยู่ในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นและขอกระดาษกับปากกาด้วยเช่นกัน

หวังจี้เชาพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเจ็บใจ และเริ่มก้มหน้าก้มตาเขียนข้อความลงไปบนกระดาษ

ในระหว่างที่ทุกคนเพิ่งจะมานั่งทบทวนว่าตนเองต้องตามหาส่วนผสมใดบ้าง ซูเย่ก็กำลังเขียนรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมดแปะลงไปบนถุงตำรับยาแต่ละถุงอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ ความรวดเร็วของซูเย่ที่ปรากฏอยู่ในกล้องบันทึกภาพนั้นยอดเยี่ยมราวกับว่าเขาแทบไม่ต้องเสียเวลานึกทบทวนเลย

เขาแปะกระดาษลงไปบนป้ายชื่อทีละถุง ทีละถุง

30 นาทีต่อมา

ซูเย่ก็จัดตำรับยาทั้ง 100 ชนิดเสร็จแล้ว!

หลังจากนั้น เขายกมือขึ้น

ขวับ!

ทุกสายตาหันมาจ้องมองที่ซูเย่

ผู้คุมสอบสองคนเดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยของถุงสมุนไพรด้วยความประหลาดใจ

เมื่อผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เบิกโตอย่างไม่อยากเชื่อ

ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?

ซูเย่จัดตำรับยาทั้ง 100 ชุดเสร็จแล้ว ในขณะที่พวกเขายังเขียนรายการส่วนผสมไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ!

แม้แต่หวังจี้เชาก็ยังมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป

เดิมทีเขาเข้าใจว่าที่ซูเย่ยืนนิ่งในตอนแรกก็เพราะตกตะลึงไม่รู้ว่าสมควรทำอย่างไรดี ที่ไหนได้ นี่กลับเป็นแผนการที่ซูเย่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก

เมื่อคิดทบทวนดูให้ดี หวังจี้เชาถึงได้รู้ว่าฝ่ายตนเองนั่นแหละที่ประมาทมากเกินไป!

เขาสมควรจะนึกถึงวิธีนี้ได้ก่อนซูเย่ด้วยซ้ำ!

มานึกได้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว!

หลังจากส่งชุดตำรับยาของตนเองเสร็จ ซูเย่ก็กวาดตามองทุกคน

เขาพบว่ามีผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากยังเขียนรายชื่อส่วนผสมยาไม่เสร็จ

เมื่อเห็นทุกคนเร่งมือเขียนด้วยความร้อนรน มุมปากของชายหนุ่มก็เกิดรอยยิ้มไม่รู้ตัว

“ยังมัวยืนมองอะไรอีก?”

“รีบเข้าไปสัมภาษณ์เร็วเข้า!”

ผู้กำกับจ้าวเหมียนหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาสั่งงานจากรถบันทึกภาพ

เมื่อโปรดิวเซอร์หวังได้ยินดังนั้น เขาก็รีบวิ่งออกไปข้างหน้าทันที ตอนนี้เขาเกือบจะกลายเป็นโปรดิวเซอร์ส่วนตัวของซูเย่ไปแล้ว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายสักเท่าไหร่

“นักศึกษาซูเย่ คุณคือผู้เข้าแข่งขันคนแรกที่จัดตำรับยาเสร็จ และใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น พอจะบอกเคล็ดลับได้ไหมครับว่าคุณทำได้ยังไง?”

โปรดิวเซอร์หวังสัมภาษณ์ซูเย่โดยที่มีกล้องถ่ายหน้าซูเย่ตลอดเวลา…

“คือว่า” ซูเย่ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผมนึกรายชื่อส่วนผสมเอาไว้ในหัวให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ หลังจากนั้นถึงได้เดินไปหยิบสมุนไพรที่ต้องการ”

“คุณจำส่วนผสมของตำรับยาทั้งหมดได้เลยเหรอครับ?”

โปรดิวเซอร์ถามด้วยความตกตะลึง “นั่นมันตำรับยา 100 ชนิดเลยนะครับ แถมคุณยังไม่ต้องใช้ปากกากระดาษหรือโทรศัพท์มือถือด้วย แล้วคุณสามารถจำส่วนผสมทั้งหมดนี้ได้ยังไง?”

ตอนแรก

โปรดิวเซอร์หวังก็ไม่ได้สะดุดใจอะไร

แต่มาคิดดูตอนนี้

สิ่งที่ซูเย่ทำได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!

จำนวนส่วนผสมที่ต้องใช้ในตำรับยาทั้ง 100 ชนิดมีไม่ใช่น้อยๆ มิหนำซ้ำ ส่วนผสมของตำรับยาแต่ละชนิดยังไม่เหมือนกันอีกด้วย

หลังจากคำนวณอัตราส่วนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องเดินหาส่วนผสมเหล่านั้นให้เจอ

แต่ความยุ่งยากทั้งหมดนี้

ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างหน้ากลับสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!

เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน?

“ผมอาศัยความจำเอาน่ะครับ”

ซูเย่ยิ้ม ยกมือชี้ไปที่หัวของตัวเอง

“ดูเหมือนว่าคุณซูเย่จะมีความจำดีไม่น้อยเลยนะครับ!”

โปรดิวเซอร์หวังอุทานออกมา

“อย่าเรียกว่าความจำดีเลยครับ”

ซูเย่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ให้เรียกว่าคนอื่นจำได้เก่งไม่เท่าผมดีกว่า!”

โปรดิวเซอร์หวังพูดอะไรไม่ออก

ประโยคแรกเหมือนจะถ่อมตัว…

แต่ประโยคหลังนี่มันพวกยกหางตัวเองชัดๆ!

ไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ยินคำตอบของซูเย่ พวกเขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“ทีนี้มีอะไรอยากจะพูดกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ บ้างไหมครับ?” หลังจากนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ โปรดิวเซอร์ก็ถามออกมาอีกครั้ง

ซูเย่หันกลับไปชูกำปั้นให้กับทุกคนและตะโกนว่า “สู้ๆ นะ!”

เมื่อคำพูดของชายหนุ่มลอยมาเข้าหู… ผู้เข้าแข่งขันที่กำลังจดรายชื่อส่วนผสมมือเป็นระวิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

สู้ๆ กับผีน่ะสิ!

ทำเป็นเก่งให้ได้ตลอดก็แล้วกัน!

ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันขณะนี้

หวังจี้เชาผู้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับซูเย่ถึงขั้นยกนิ้วกลางให้เมื่อได้ยินการให้กำลังใจจากเขา

และการกระทำของหวังจี้เชาก็ถูกถ่ายไว้ในกล้องบันทึกภาพ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

“เสร็จแล้วครับ”

การแข่งขันผ่านไปได้สองชั่วโมงครึ่ง ในที่สุด หวังจี้เชาก็ยกมือขึ้นในอากาศ

ผู้คุมสอบรีบเดินเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของถุงสมุนไพร

หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้เข้าแข่งขันทยอยยกมือทีละคนสองคน

เมื่อครบกำหนดสามชั่วโมง

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 50 คนต่างก็ส่งตำรับยาของตนเองครบถ้วน

บางคนยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแม้จะส่งชุดยาช้ามากก็ตาม

ในขณะที่บางคนถึงจะส่งเร็ว แต่กลับมีสีหน้าเศร้าหมอง

ซูเย่ชำเลืองมอง

ทั่วสนามฟุตบอล มีทั้งคนที่กำลังดีใจและคนที่กำลังเสียใจ

“ผลการแข่งขันประจำวันนี้จะถูกประกาศเวลาหนึ่งทุ่มตรง!” ผู้กำกับจ้าวเหมียนเดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “พวกเราหาอะไรกินกันก่อน จากนั้นค่อยเดินทางกลับสตูดิโอ หลังจากไปถึงที่นั่นแล้ว พวกเราจะประกาศผลการแข่งขันทั้งสองส่วนในวันนี้”

เมื่อได้ยินว่าจะมีการประกาศผลการแข่งขันในช่วงหัวค่ำ ทันใดนั้น ทุกคนก็แสดงสีหน้าตึงเครียดออกมา

คืนนี้จะต้องมีอีก 20 คนที่ต้องตกรอบ

18:00 น.

ในที่สุด ทุกคนก็กลับมาถึงจุดหมายปลายทาง

กว่าจะรับประทานอาหารค่ำกันเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ล่วงเลยไปถึง 20:00 น. แล้ว

ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ในสตูดิโอ

ตอนนี้ ทุกอย่างในสตูดิโอถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว

“ทุกคนยืนบนเวที เราจะมาถ่ายตอนจบของอีพีสองกัน”

ผู้กำกับออกคำสั่ง

พิธีกรเดินขึ้นไปบนเวที

เช่นเดียวกับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 50 คน

บางคนมีสีหน้าตึงเครียด บางคนมีสีหน้าตื่นเต้น

“เอาละ” พิธีกรยืนอยู่บนแท่นของตนเองและหันหน้าเข้าหาผู้เข้าแข่งขันทั้ง 50 คน “ต่อไปนี้ ทางผู้กำกับจะเป็นคนประกาศผลการแข่งขันในวันนี้”

แน่นอนว่า

ผู้กำกับจ้าวเหมียนไม่ได้เดินขึ้นไปบนเวที

เขายังคงนั่งอยู่ข้างล่างและประกาศว่า “การแข่งขันในส่วนแรกมี 100 คะแนน ขอเชิญทุกคนดูคะแนนของตนเองบนหน้าจอได้เลยครับ”

สิ้นเสียงของผู้กำกับ

ทุกคนที่อยู่บนเวทีก็หันไปมองหน้าจอขนาดใหญ่

ในเวลาเดียวกันนี้

รายชื่ออันดับผู้เข้าแข่งขันก็ปรากฏขึ้นมา

สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังชื่อที่อยู่ลำดับแรกสุด

ใครคือคนมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งกันนะ?