เล่ม 1 ตอนที่ 242 โอ้โห! นี่มันพลิกฟ้าแล้ว

ราชินีพลิกสวรรค์

สายตาที่จับจ้องเหล่านั้นแน่นอนว่ามาจากผู้เข้าร่วมทดสอบที่ตกรอบพวกนั้น

ในนั้นมีเฉียนจวิ้นกับโจวยวนที่เป็นเหมือนหนังหน้าไฟ

เจียงหลีเลิกคิ้วยิ้มยียวน “ทำไม ยังอยากสู้กันอีกรอบหรือ”

เกินไป!

เกินไปแล้ว!

แววตาโกรธเกรี้ยวจ้องทะลุนางไม่หยุด พวกเขาอยากสู้กันอีกรอบจริงๆ แต่กลับไม่อยากตายอีกครั้ง อย่างไรเสียยามนี้ออกมาจากอาณาเขตของบททดสอบแล้ว หากตายแล้ว เช่นนั้นก็คงได้ตายจริงๆ ตายอย่างเขียด

“ผู้อำนวยการสอบ นี่คือเจียงหลีผู้ที่ฆ่าคนในสนามสอบอย่างไร้ความปราณี ข้าหวังว่าจะชิงคะแนนสอบของนางคืนมาได้” จู่ๆ เฉียนจวิ้นก็เอ่ยปากพูด

ผู้อำนวยการสอบขมวดคิ้ว

เจียงหลียิ้มเยาะ “กฎเกณฑ์การสอบยอมรับผลคะแนนข้าแล้ว เจ้าเป็นใครถึงกล้าอวดดีอยากแย่งชิงคะแนนของข้า องค์ชายรองแห่งซีเฉียน ที่แท้ก็ยอมแพ้มิได้เชียวหรือ”

“เจ้า!” เฉียนจวิ้นหรี่ตายิ้มเย็นเยือก “เจียงหลี ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้วงของการสอบ เจ้าพูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง มิฉะนั้นเจ้าคงได้ตายอย่างอนาถแน่”

“ข้าไม่พูดแล้วเจ้าจะลบล้างอดีตได้หรือ อย่าพูดเหมือนตัวเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดาไปหน่อยเลย ข้ามักดูถูกพวกหน้าตัวเมียเสียด้วย” เจียงหลีตีหน้าเหยียดหยาม

เฉียนจวิ้นหน้าถมึงทึง แววตาอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด

“ในระหว่างการทดสอบ หากเจ้าไม่ปลุกระดม สหายร่วมสำนักมากมายจะพลอยตกรอบตามไปด้วยได้อย่างไร ถึงแม้แต่ละคนจะเลือกเอง เช่นนั้นก็ต้องยอมแพ้ให้ได้ ปล่อยวางให้เป็น” เจียงหลีเอ่ยยิ้มตาหยี แววตาสุกใสเป็นประกายค่อยๆ กวาดมองผู้เข้าร่วมทดสอบรอบๆ

ทุกคนหลบเลี่ยงสายตาของนางที่มองผ่านมาอย่างทำตัวไม่ถูก ท่าทีพยาบาทเหล่านั้นพาลลดลงไปไม่น้อย

อันที่จริงหากพวกเขาไม่ละโมบโลภมาก หากพวกเขาไม่ได้อยู่ในพวกเขาทั้งสองฝ่าย ไม่ได้เลือกเฉียนจวิ้น บางทีพวกเขาอาจจะไม่ต้องตกรอบ เป็นไปได้ว่าอาจเข้าไปอยู่ในรายชื่อสิบอันดับแรก

ตอนนี้จะพูดอะไรก็สายไปเสียแล้ว การทดสอบจบลงไปแล้วไม่มีใครเข้ารอบสิบอันดับแรก ก็เท่ากับว่าคะแนนเป็นศูนย์ พวกเขาทำได้เพียงกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

แต่พวกเขาภาวนาว่าการทดสอบคราวหน้าอย่าได้เจอะได้เจอดาวร้ายอย่างเจียงหลีนี่อีกเลย!

“เจียงหลี! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เฉียนจวิ้นฉุนขาด โจวยวนที่อยู่ข้างเขาก็จ้องเจียงหลีเขม็งด้วยนัยน์ตาอาฆาตแค้น

“เจ้าก็รนหาที่ตายเหมือนกัน” เจียงหลียังคงยิ้มยียวนอยู่อย่างนั้น

เพียงแต่ ใครๆ ต่างก็เห็นความเฉียบคมในแววตาของนาง

“พอได้แล้ว!” ท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างสองคน ในที่สุดผู้อำนวยการสอบจึงเอ่ยปากห้าม

เขามีสีหน้าเรียบนิ่งไม่สบอารมณ์

การจัดการสอบของเขามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เดิมทีจะต้องมีผู้เข้ารอบสิบคน ตอนนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น อีกทั้งคนอื่นยังมีคะแนนเป็นศูนย์ เขาจึงรู้สึกลำบากใจมากเช่นกัน

แต่ก็เป็นดั่งที่เจียงหลีกล่าวมา กฎเกณฑ์การสอบยอมรับผลคะแนนของนางแล้วนั่นคือเรื่องจริง

“พวกเจ้าเงียบให้หมด การสอบครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว คนที่ผ่านเข้ารอบคือเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียน ชื่อของเขาทั้งสามคนบันทึกลงทะเบียนแล้วมิสามารถแก้ไขได้ หากพวกเจ้าไม่พอใจก็กลับไปฝึกฝนให้หนักกว่านี้ ปีหน้าค่อยมาสอบใหม่ อีกอย่างบุญคุณความแค้นระหว่างการสอบ หลังการสอบจบสิ้นทุกอย่างถือเป็นโมฆะ หากทางสถาบันรู้เข้าว่ามีผู้ใดแก้แค้นเป็นการส่วนตัว กระทำเรื่องที่ผิดกฎก็เตรียมตัวแบกรับความพิโรธของสถาบันได้เลย” ผู้อำนวยการสอบเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ประโยคสุดท้ายทำเอาเจียงหลีถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างประหลาดใจ สีหน้าของเฉียนจวิ้นและโจว

ยวนมืดหม่นกว่าเดิม

“สมควรทำเช่นนี้ มิฉะนั้นทุกครั้งการสังหารที่เกิดจากการสอบถูกนำออกสู่ภายนอกสถาบันไป๋หยวนแห่งนี้ก็จะว่างเปล่าเนื่องจากการต่อสู้ภายใน” มู่ชิงเกอยิ้มขำ

“แต่ข้าเดาว่าเฉียนจวิ้นนั่นคงไม่เชื่อฟังหรอก” เจียงหลีกวาดสายตามองเฉียนจวิ้นแล้วหัวเราะเบาๆ

มู่ชิงเกอเบนสายตามองเขา “ต่อให้เจ้าอยากยุติใจจะขาดแค่ไหนเดี๋ยวเขาก็รนหาที่เอง”

“ใช่น่ะสิ เดี๋ยวเขาก็รนหาที่เอง ข้าคงไม่ต้องเปลืองแรง” แววตาของเจียงหลีเย็นเยียบ เฉียนจวิ้นไม่ปล่อยความแค้นนี้ไปง่ายๆ แล้วนางจะปล่อยไปได้อย่างไร

“พอแล้ว ดูท่าทางพวกเจ้าตอนนี้สิยังสมเป็นศิษย์สถาบันไป๋หยวนของข้าอยู่อีกไหม แค่การสอบคราวนี้ทำให้พวกเจ้าสู้มาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร” เมื่อเห็นทุกคนก้มหน้าก้มตาอย่างสลดหดหู่ ผู้อำนวยการสอบจึงอดพูดไม่ได้

ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีม้วนกระดาษสีทองโผล่ขึ้นมากลางอากาศแล้วค่อยๆ ตกลงมาหาผู้อำนวยการสอบ

“นั่นคืออะไร” เจียงหลีเอ่ยถามอย่างฉงน

“ได้ยินมาว่าทุกครั้งหลังการสอบจะประกาศสถานการณ์คะแนนสะสมของสิบอันดับแรก น่าจะเป็นม้วนกระดาษนี่แหละ” เจียงเฮ่าอธิบายอยู่ข้างนาง

เจียงหลีกระตุกมุมปาก ไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ

ลู่เสวียนสังเกตเห็นความลำบากใจของนางจึงใช้โอกาสนี้พูดติดตลก “ลำบากเจ้าแล้ว วันๆ รู้แค่เรื่องฝึกฝนกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้”

แค่กๆเจียงหลีกระแอมไอปกปิดความเขิน “ข้ายังไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีคะแนนเท่าไหร่” ตอนสุดท้าฆ่าไปกี่คนนางเองก็นับไม่หวาดไหวแล้วไม่รู้ด้วยว่าคะแนนของคนเหล่านั้นมีสะสมเท่าไหร่ ฉะนั้นตอนนี้นางก็รอประกาศผลอย่างตื่นเต้นเช่นกัน

แน่นอนว่าในสนามตอนนี้ นอกจากผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมทดสอบ เหล่าสาวกและลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวนจะสนใจคะแนนแล้วก็ยังมีพวกของเจียงหลีอีกสามคนที่ตื่นเต้นรอคอยเหมือนกัน ส่วนผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นน่ะหรือ หึ ไม่ตื่นเต้นหรอก!

วูบ!

ผู้อำนวยการสอบคว้าเอาม้วนกระดาษสีทองร่วงลงมาแล้วถือมันไว้อย่างมั่นคง

เมื่อเห็นฉากนี้ผู้คนรอบทิศจึงค่อยๆ เงียบเสียงลง

เฉียนจวิ้นมองม้วนกระดาษสีทองด้วยหน้าเคียดแค้นอยากจะเข้าไปฉีกมันทิ้งกับมือ

แต่ทว่า ที่นี่ไม่ใช่พระราชวังซีเฉียน ถึงเขาจะเป็นองค์ชายที่ได้รับความโปรดปรานเพียงใด เขาก็ไม่สามารถกระทำการอุกอาจในที่นี้ได้

ผู้อำนวยการสอบค่อยๆ คลี่ม้วนกระดาษทองในมือออก

เมื่อเขาเห็นรายละเอียดข้างในนั้นชัดเจน

ไม่สิ หากจะให้พูดจริงจังล่ะก็ ตอนเขาเห็นคะแนนของเจียงหลีที่มาเป็นอันดับแรก ดวงตาของเขาหรี่ลง ความประหลาดใจแสดงออกมาทางสีหน้า

ท่าทางราวกับฟ้าผ่าเช่นนั้นทำเอาผู้คนที่อยู่ด้านล่างแท่นพิธีอดสงสัยไม่ได้ว่าสรุปแล้วได้คะแนนเท่าไหร่

ทันใดนั้น ผู้อำนวยการสอบก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเจียงหลีอย่างไม่อยากเชื่อ มองเสียจนเจียงหลีเองยังรู้สึกขนลุก นางกะพริบตาปริบๆ ดูใสซื่อบริสุทธิ์

“ผู้อำนวยการขอรับ ตกลงแล้วได้กี่คะแนน”

“นั่นน่ะสิขอรับผู้อำนวยการ ท่านรีบประกาศเสียที พวกเรากำลังรออยู่นะขอรับ”

“…”

คนที่เร่งเร้าคือเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายที่ไม่ได้เข้าร่วมการสอบ

ผู้อำนวยการสอบเรียกสติตัวเองกลับคืนแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายตาเรียบนิ่งกวาดมองโดยรอบก่อนถึงจะประกาศออกมาเสียงทุ้มต่ำ “การสอบครั้งนี้ ผู้ที่ได้ที่หนึ่งของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนก็คือ เจียงหลี!”

ไม่มีข้อกังขาในจุดนี้

“คะแนนสะสม” เขาหยุดไปชั่วขณะ ยิ่งทำให้ทุกคนระดมความอยากรู้อยากเห็น

แม้กระทั่งเจียงหลีเองก็รู้สึกใจเต้นตุบตับๆ

“คะแนนสะสมทั้งหมด 98,350 คะแนน”

“…”

“…”

บรรยากาศรอบทิศเข้าสู่ความเงียบแปลกๆ

อะไรนะ!

เมื่อครู่นี้พวกเขาคงหูฝาด เท่าไหร่นะ!

เมื่อเห็นบรรยากาศเงียบเป็นป่าช้าเยี่ยงนี้ ผู้อำนวยการจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “การสอบครั้งนี้ผู้ที่ได้ที่หนึ่งของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนก็คือเจียงหลี ด้วยคะแนนสะสมทั้งหมด 98,350 คะแนน!”

 …………………..