เล่ม 1 ตอนที่ 243 พลิกโฉมหน้าสถิติไปตั้งเท่าไหร่

ราชินีพลิกสวรรค์

ตู้ม!

ทุกคนรู้สึกถูกระเบิดสมองกลายเป็นสีขาวโพลนจนได้ยินเสียงดังแว่วๆ ในหู

98,350 คะแนน!

นี่มันเป็นจำนวนพลิกฟ้าขนาดไหนเนี่ย

เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้ทั้งในอดีตและอนาคต!

“ข้าเคยจำได้ คะแนนสอบสะสมสูงสุดการสอบรวมกันสามครั้งในสถาบันของเราไม่เกินสามหมื่นคะแนน แต่เจียงหลีเพิ่งจะเข้าร่วมสอบครั้งแรกก็ทำได้ถึงเก้าหมื่นกว่าคะแนนไปแล้ว!”

“พลิกฟ้า นี่มันพลิกฟ้าเกินไปแล้ว ต่อไปมีนางอยู่ในการสอบ ข้าจะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด เห็นได้ชัดว่าถูกจัดการอย่างราบคาบ”

“คะแนนน่าหวั่นเกรงเช่นนี้จะต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์สถาบันของเราแน่”

“นับว่านางมีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรก”

“มีชื่อเสียงตั้งแต่สู้ครั้งแรกอะไรกัน เมื่อนางฆ่าศิษย์ร่วมสำนักต่อหน้าธารกำนัลโดยไร้ความผิด นางก็มีชื่อเสียงแล้วมิใช่หรือ”

“…”

หลังจากที่ตกละตึงกันไป ผู้คนก็ค่อยกลับคืนสติแล้วเริ่มอภิปรายอย่างออกรสชาติ

มีเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดปากเงียบและใบหน้าหมองหม่นคือคนที่เข้าร่วมการทดสอบ แต่ถูกคัดออก หัวใจของพวกเขากำลังมีหยดเลือดหลั่งริน อีกทั้งคะแนนเก้าหมื่นกว่าคะแนนของเจียงหลีก็มีส่วนของพวกเขาที่อุทิศไปเช่นกัน!

ฝ่าฟันภารกิจอย่างยากลำบากมาตั้งมากมาย สุดท้ายก็เสร็จพวกเจียงหลีหมดเลย

“อันดับที่สอง เจียงเฮ่าได้ไปหนึ่งหมื่นห้าพันเจ็ดร้อยคะแนน อันดับที่สาม ลู่เสวียนได้ไปเก้าพันเก้าร้อยยี่สิบคะแนน”

คะแนนของเจียงเฮ่าและลู่เสวียนก็ประกาศออกมาแล้ว แต่เนื่องจากคะแนนของเจียงหลีเป็นที่น่าตกใจมากจึงไม่มีใครสังเกตว่าทั้งสองคนมีสถิติคะแนนเดียวที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

“ยินดีด้วย” มู่ชิงเกอยิ้มให้เจียงหลี

เจียงหลีหันกลับมามองคนที่มอบรอยยิ้มละไมให้นาง ราวกับกำลังจะบอกนางว่าในโลกใบนี้ นางใช้ชีวิตเป็นอย่างดีและเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเช่นกัน

“อาหลี ยินดีด้วยนะ”

“อาซ้อเล็ก ยินดีด้วย”

เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่เจียงหลีบดบังรัศมีแต่อย่างใด แต่พวกเขากลับยินดีด้วยกันกับนางจากใจจริง

“ยินดีด้วยเหมือนกัน” เจียงหลียิ้มตาหยีให้กับสองคนนั้นเช่นกัน

“เงียบให้หมด”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์จอแจทำให้ผู้อำนวยการสอบไม่ใคร่พอใจนัก เขาประกาศรายละเอียดในม้วนกระดาษยังไม่จบนะ ขณะเดียวกันเขายังไม่ลืมใช้สายตาร้อนแรงมองไปที่เจียงหลีแวบหนึ่งซึ่งทำให้นางประหลาดใจ

ทุกคนเงียบเสียงลงอีกครั้ง เขาจึงกล่าวต่อ “คะแนนของเจียงหลี พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน พลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติคะแนนสะสมของสถาบันไป๋หยวนทั้งสามแห่งในหนานฮวง!”

ซี๊ดดด!

อย่างนี้นี่เอง!

หลังจากประกาศผลสรุปนี้ออกมาทำเอาใครหลายคนอดสูดเอาอากาศเข้าปากอย่างตกใจเสียมิได้

แล้วสายตาของเฉียนจวิ้นที่มองไปยังเจียงหลีมีความอาฆาตแค้นมากกว่าเดิม

เกียรติยศเยี่ยงนี้สมควรเป็นของเขาต่างหาก!

“เจียงหลีขึ้นมา” หลังอ่านประกาศผลคะแนน สายตาที่ผู้อำนวยการมองเจียงหลีพลันอ่อนลงอยู่มิน้อย

เสมือนมองดูไข่ในหินก็มิปาน

เจียงหลีเลิกคิ้วฟังคำแล้วเดินขึ้นไปบนแท่นพิธีมายืนอยู่ข้างๆ ผู้อำนวยการ

“เด็กดี! ทำได้ไม่เลวๆ!” ผู้อำนวยการมีสีหน้าเมตตาเอ็นดู เจียงหลีทำให้สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียน

ของพวกเชิดหน้าชูตาได้ขนาดนี้ ทำไมพวกเขาถึงจะไม่ดีใจล่ะ

ก่อนหน้านี้พวกเขาหดหู่ใจที่ไม่เคยขยับเข้าใกล้สถาบันชื่อดังสิบอันดับแรกเลย หายเข้ากลีบเมฆตั้งแต่เห็นลำดับคะแนนตั้งแต่แรกแล้ว

การแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกอึดอัดมากและกระตุกมุมปากรุนแรง

“มา หยิบป้ายคำสั่งอันนี้ไว้ อยากเข้าไปรับรางวัลกับสถาบันยามไหนก็ไปยามนั้น” ทันใดนั้นผู้อำนวยการก็หยิบป้ายคำสั่งออกมายื่นให้เจียงหลี

มีรางวัลด้วยหรือ

เจียงหลีรับป้ายคำสั่งมาอย่างงงๆ

“เก็บไว้ให้ดี ป้ายคำสั่งนี้เจ้าสามารถรวบรวมหินวิญญาณได้สามแสนก้อนตามต้องการ”

โอ้โห!

หินวิญญาณสามแสนก้อน!

นี่คือทรัพยากรการฝึกบำเพ็ญมหาศาลเมื่อเทียบกับครอบครัวเล็กๆ

แม้กระทั่งเจียงหลียังอดตื่นเต้นไม่ได้ จนหายใจเร็วถี่

ปีนั้นที่ตระกูลเย่ว์พังพินาศเพราะนาง ลู่เจี้ยก็เอาทรัพยากรการฝึกทั้งหมดของตระกูลเย่ว์มอบให้แก่นาง แต่ก็มีหินวิญญาณแค่ประมาณหนึ่งแสนก้อนเท่านั้น

“ผู้อำนวยการขอรับ การสอบแข่งขันมีรางวัลตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นั่นสิ ทำไมพวกข้าไม่เคยได้ยินเลย”

“…”

น้ำเสียงอิจฉาริษยาดังขึ้นมา

ผู้อำนวยการถอนสายตากลับมากวาดมองไปยังที่เกิดเสียงด้วยแววตาเฉียบคมแล้วสบถออกมาเสียงเยือกเย็น “หากพวกเจ้าพลิกโฉมหน้าบันทึกสถิติได้อย่างเจียงหลี พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน”

เมื่อคำนี้กล่าวออกไป เสียงที่ไม่พอใจก็มลายหายไป

ทุบสถิติทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ยามนี้สถิติสูงสุดก็คือเจียงหลี ยังมีใครกล้าทำเช่นนางได้บ้าง

จู่ๆ เจียงหลีก็ตระหนักขึ้นมาได้รอยยิ้มพลันขี้เล่นซุกซนขึ้นมาทันที

ที่แท้ รางวัลหินวิญญาณสามแสนก้อนนี้ไม่ใช่เพราะนางสอบได้ที่หนึ่ง แต่เป็นเพราะนางทำลายสถิติของสถาบันไป๋หยวนแห่งหนานฮวง

ฮ่าๆๆๆๆๆ! จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากที่ไม่ไกลนัก

เจียงหลีหันไปมองจึงเห็นเฟิงสิงอวิ๋นเหาะกลางอากาศแล้วลงแท่นพิธีอย่างสง่างาม “เด็กน้อย คราวนี้ทำได้ไม่เลว สมกับเป็นลูกศิษย์ของพี่ใหญ่ข้าจริงๆ”

นี่ต้องการมาหาเรื่องกันหรือ เจียงหลีกะพริบตากระหยิ่มยิ้มในใจ

แน่นอนว่าทันทีที่เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยประโยคนั้น สีหน้าของผู้อำนวยการพลันดำดิ่ง “เฟิงสิงอวิ๋น ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร”

เฟิงสิงอวิ๋นตีหน้าซื่อ “คำพูดของข้าชัดเจนดีมิใช่หรือ เจียงหลีมาเล่าเรียนที่สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนก็เท่ากับว่านางคารวะเป็นศิษย์ของหนานอู๋เฮิ่นพี่ใหญ่ข้า”

คำพูดนี้ฟังดูเหมือนว่าผลคะแนนของเจียงหลีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนเลยสักนิด

มาหาเรื่องกันจริงๆ ด้วย เจียงหลีรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า

“เหลวไหล มาถึงสถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนของข้าทั้งทีก็คือนับว่าเป็นศิษย์สถาบันของข้า นางเข้าร่วมทดสอบก็เป็นการสอบในวิทยาเขตของข้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ามิทราบ” ผู้อำนวยการต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

เจียงหลีในตอนนี้เป็นดั่งแสงส่องประกายแห่งวิทยาเขตซีเฉียน จะออมมือให้ผู้อื่นโดยง่ายได้เยี่ยงไร

“เอะ คำพูดนี้ของเจ้าช่างไม่สมเหตุสมผล ก่อนการสอบพวกใจไม่เห็นสนใจใยดีเด็กน้อยของข้าเลย ตอนนี้ความมองเห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของนางก็เลยอยากอาศัยวัตถุนอกกายอย่างหินวิญญาณเพื่อเอาชนะใจนางหรือ” เฟิงสิงอวิ๋นพูดพลางแกว่งพัด

น้ำเสียงราวกับปกป้องทำให้เจียงหลีหันไปมองเขา

เด็กน้อยของข้า ทำให้นางใจอ่อนลงทันที

ฟางสิงอวิ๋นมองมาที่นางเช่นกันด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม ให้นางอย่าได้หุนหันพลันแล่น

เจียงหลีเข้าใจและยืนอย่างสงบระหว่างทั้งสองคนแล้วถือป้ายคำสั่งไว้ในมือ เหลวไหล หินวิญญาณมอบให้นางแล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร

แม้ว่านางไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนของเฟิงสิงอวิ๋น แต่นางก็รู้สึกว่าเฟิงสิงอวิ๋นจะไม่มีวันทำร้ายนาง

“เจ้าหมายความอย่างไร หาว่าพวกเรามิเคยสนใจใยดีอย่างนั้นหรือ” ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว

เฟิงสิงอวิ๋นยกยิ้ม สะบัดพัดอ้อยอิ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องอื่นไม่พูดถึง เอาแค่สองเรื่อง เด็กน้อยของพวกข้าจากไกลหมื่นลี้เพื่อมาวิทยาเขตซีเฉียน แล้วมีอาจารย์คอยชี้แนะให้นางบ้างไหม นางอาศัยลองผิดลองถูกฝึกฝนด้วยตัวเองทั้งนั้น อีกทั้งคราวก่อนที่มีศิษย์ของสถาบันถูกฆ่าตาย เด็กน้อยของข้าก็โดนเป็นแพะรับบาป สุดท้ายเรื่องจบโดยไม่ข้อสรุป คนที่รังแกเด็กน้อยของพวกข้าเป็นคนนอกหรืออย่างไร”

…………………..