ตอนที่ 125 พระธาตุ

มือที่เพิ่งไปฉี่มาสั่นเล็กน้อย ตอนนี้นักพรตเฒ่าเสียใจมากที่โดดงานมาดื่มเหล้า อยู่ในร้านหนังสือรอบริการผีอย่างตั้งใจเป็นงานที่ดีและน่ายกย่องไม่ใช่เหรอ!

มาดื่มเหล้าทำห่าอะไร!

นักพรตเฒ่าไม่ใช่คนทั่วไป ถึงแม้เขาจะสู้สวี่ชิงหล่างไม่ได้ และตัวเองก็ไม่มีคาถาอะไร ได้แต่เป็นหมอดูปลอมที่หากินไปวันๆ แต่อย่างน้อยเขาก็เคยรับใช้ ‘ผี’ มาถึงสองรุ่น จึงมีสายตาที่เฉียบแหลมพอสมควร กับเรื่องแปลกพิลึกกึกกือก็มีประสบการณ์เยอะมาก

การเรืองแสงเป็นชั้นจางๆ บนฟันของหมอฝึกหัดหนุ่ม ก็เหมือนกับรอยยิ้มของปีศาจในตอนกลางคืน ทำให้ตื่นตระหนก ก๊อกน้ำที่เพิ่งปล่อยน้ำไปเมื่อครู่ ดูเหมือนจะถูกเปิดอีกครั้ง หากไม่ระวังอาจจะมีน้ำหยด

ก่อนหน้านั้นนักพรตเฒ่าบอกให้เขาเอาผงเรืองแสงโรยบนตัวศพ แล้วหมอฝึกหัดหนุ่มก็ทำตามจริงๆ

จากนั้นผงเรืองแสงก็มาปรากฏที่ฟันของเขา ความคิดที่เชื่อมโยงกันมันทำให้คนตัวสั่นระริก

นักพรตเฒ่าไม่ได้ถามแบบโง่ๆ “โอ้ว เจ้ามีอารมณ์ขันดีนะ ใช้ยาสีฟันแบบเรืองแสงแปรงฟันด้วย”

“มีอะไรเหรอครับ” หมอฝึกหัดหนุ่มเห็นนักพรตเฒ่ามองตัวเองตลอดเวลา จึงถามอย่างสงสัย

นักพรตเฒ่าเอามือกุมท้องตัวเองทันที แล้วพูดขอโทษ “ขอโทษ เหมือนข้าจะปวดท้องกะทันหัน สงสัยน่าจะกินของผิดสำแดง”

“ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาลครับ เพราะยังไงที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ผมทำงานมาก” หมอฝึกหัดหนุ่มประคองนักพรตเฒ่า แล้วพูดอย่างสงสัย “ทำไมคุณตัวสั่นขนาดนี้ครับ”

“แม่งเอ๊ย ปวดตับ ตับแข็งแล้ว ตับแข็งแล้วแหละ ข้าต้องกลับไปกินยา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเป็นโรคหลอดเลือดสมองแตก แล้วเป็นโรคหัวใจขึ้นมา”

นักพรตเฒ่าพูดจาไร้สาระ สรุปโดยรวมคือ ข้าจะกลับแล้ว!

ต่อให้ต้องบอกว่าตัวเองเป็นโรคอื่นที่รักษาไม่หาย เขาก็ต้องกลับ โลกนี้อันตรายเกินไปแล้ว ร้านหนังสือปลอดภัยที่สุด ตอนนี้นักพรตเฒ่าพลันนึกถึงท่าทางตอนที่โจวเจ๋อนอนอาบแดดอย่างขี้เกียจ ช่างให้ความรู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน และก็ยังมีคุณถังที่พูดจาเย็นชาทุกครั้ง แต่ก็รู้ว่าต้องปลอบใจคนอย่างไร!

“ผมไปส่งคุณกลับดีกว่าครับ” หมอฝึกหัดหนุ่มพูด

“ไม่ต้อง เจ้าก็เหนื่อยแล้ว ควรที่จะพักผ่อน เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกใช่ไหม จะสะเพร่าไม่ได้ เพราะเจ้าต้องรักษาคน”

นักพรตเฒ่าพูดจบโดยไม่รอให้หมอฝึกหัดหนุ่มตอบ เมื่อดิ้นหลุดจากการประคองของอีกฝ่าย ก็วิ่งไปทางร้านหนังสือ

ภายใต้แสงที่สาดส่อง นักพรตเฒ่าวิ่งหนีโดยไม่เหลียวหลัง เพราะกลัวว่าหมอฝึกหัดหนุ่มจะวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ตรงซอยที่เล็กและมืดตรงนั้นเหมือนเดิม ไม่ได้ขยับตัว

แต่สิ่งที่เรืองแสงนั้นยังคงมองเห็นรางๆ เหมือนอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้นกำลังยิ้มเล็กน้อยมาทางนักพรตเฒ่าที่กำลังวิ่งหนีอยู่

นักพรตเฒ่าวิ่งมาถึงร้านหนังสือในอึดใจเดียว เขาผลักประตูแล้วคุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง อ้าปากหายใจพะงาบๆเขาวิ่งกลับมาอย่างเต็มกำลัง เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะร้อน อีกครึ่งหนึ่งเป็นเพราะตกใจ

โจวเจ๋อกำลังนั่งจัดของอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ เห็นนักพรตเฒ่ากลับมาสภาพนี้ จึงหัวเราะพูดว่า “เป็นอะไร“

“เถ้าแก่ เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อกี้ข้าเห็นอะไรมา หมอนั่น ฟันของหมอนั่นมีแสงสะท้อน!”

นักพรตเฒ่าเล่าเรื่องราวที่ตัวเองได้ประสบพบเจอ พร้อมกับทำไม้ทำมือประกอบ พูดเหมือนกับว่าตัวเองหนีออกมาจากเงื้อมมือของปีศาจได้ไม่ง่าย ใช้อิทธิฤทธิ์ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทำให้ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก สายน้ำไหลย้อนกลับ พระจันทร์เปลี่ยนสี!

ซึ่งน่ากลัวจริงๆ! แต่โจวเจ๋อยังทำสีหน้าสงบนิ่งเหมือนคนไม่รู้สึกอะไร แล้วทำงานในมือต่อไป

หลังจากพูดจบแล้ว นักพรตเฒ่าหยิบน้ำบนโต๊ะมาดื่มหมดแก้ว เพื่อปรับจิตใจให้สงบ แล้วถามว่า “เถ้าแก่เจ้าไม่รู้สึกอะไรสักนิดเลยเหรอ”

“เขาอาจจะแค่เล่นพิเรนทร์กับคุณก็ได้”

“เล่นพิเรนทร์” นักพรตเฒ่าตีหน้าเศร้า “ถ้าหากไม่ใช่ล่ะ”

“อย่างนั้นเขาก็เป็นพวกที่ชอบกินศพ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณไปแจ้งความได้ เหมือนจะมีโทษฐานทำลายศพอยู่นะ สามารถฟ้องร้องได้”

“จากนั้นล่ะ” นักพรตเฒ่าถามต่อ

“จากนั้นอะไร”

“เถ้าแก่เจ้าไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ” นักพรตเฒ่าพูดด้วยความแปลกประหลาดใจมาก

“ผมจำเป็นต้องทำอะไรเหรอ” โจวเจ๋อย้อนถาม

“…” นักพรตเฒ่า

“คุณกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ และไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร อีกอย่าง ถ้าหากเขากินศพจริงๆ เขายังจะตั้งใจโรยผงเรืองแสงแล้วกินศพเหรอ เขาโง่หรือเปล่า”

“เถ้าแก่ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นการล้อเล่น” นักพรตเฒ่าพูดอย่างจริงจัง “ข้ารู้สึกว่าเพื่อความสงบสุขของสังคม พวกเราจะนิ่งดูดายไม่ได้ ถ้าหากเขาเป็นผู้ป่วยที่ชอบกินศพคนจริงๆ ตอนนี้แอบกินศพในโรงพยาบาลยังพอได้ แต่ถ้าวันหลังขโมยศพไม่ได้แล้วอยากกินจะทำยังไง ใครสามารถรับประกันได้ว่าวันหลังเขาจะไม่ทำเรื่องเลยเถิดยิ่งกว่านี้”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า เขารู้สึกว่านักพรตเฒ่าพูดมีเหตุผลเหมือนกัน จากนั้นจึงยื่นมือตบศีรษะของเจ้าลิงน้อยเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่างนั้นคุณก็พาพี่ลิงไปปราบปีศาจ คืนความสดใสให้โลกใบนี้”

เจ้าลิงน้อยแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจมาก ตวัดค้อนพลาสติกของเล่นที่อยู่ในมือของตัวเองอย่างเต็มแรง

“เจี๊ยกๆๆ!”

นักพรตเฒ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แทบหน้าคว่ำ เห็นได้ชัดว่ายังตกใจไม่หาย

ผ่านไปสักพักหนึ่ง นักพรตเฒ่าจึงเงยหน้ามองโจวเจ๋อ พบว่าเขากำลังเตรียมของกินเล่นกับเหล้า จึงถามด้วยความสงสัย “เถ้าแก่ เจ้ากำลังเตรียมอาหารมื้อดึกเหรอ”

“ของเซ่นไหว้”

“ของเซ่นไหว้ เช็งเม้งก็ผ่านไปแล้ว จะเอาไปที่หลุมศพเหรอ”

“อืม”

“เอาให้ใคร”

“ให้ผม”

“เอ่อ…”

“วันนี้เป็นวันเกิดของผม” โจวเจ๋ออธิบาย

นักพรตเฒ่างงเล็กน้อย รู้สึกว่า ‘คนเป็นๆ’ พูดต่อหน้าเขาว่าจะเอาของไปเซ่นไหว้ตัวเอง รู้สึกไม่เข้ากันอย่างแรง แถมยังจะทำบุญวันเกิดให้ตัวเองอีกด้วย

โจวเจ๋อเก็บข้าวของ สะพายเป้หนึ่งใบเดินออกจากเคาน์เตอร์

“เถ้าแก่ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าไหม” นักพรตเฒ่าพูดเอาใจ “เจ้าไม่มีใบขับขี่”

โจวเจ๋อลังเลพักหนึ่งแล้วจึงพยักหน้า

ถ้าหากตอนที่ขับรถไปเจอตำรวจตรวจสอบ แล้วตัวเองไม่มีใบขับขี่คงจะยุ่งยากจริงๆ

นักพรตเฒ่าขับรถนิสสันของสวี่ชิงหล่างออกมา พาโจวเจ๋อไปสุสานสาธารณะ

สุสานสาธารณะปิดแล้ว แต่รั้วของที่นี่ไม่สูงมาก แค่กระโดดนิดหน่อยก็เข้าไปได้แล้ว

นักพรตเฒ่าเข้าใจว่าทำไมโจวเจ๋อถึงมาตอนค่ำ เพราะมีแค่ตอนค่ำที่โดยรอบเงียบสนิทไม่มีคนเท่านั้น ถึงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแบบนั้น

ภายในสุสาน ป้ายหลุมฝังศพแต่ละอันวางเรียงอยู่ตรงนั้น ชีวิตของใครหลายคน สุดท้ายก็ต้องจบลงที่นี่เป็นสถานีสุดท้าย ค่ำแล้วแต่กลับยังมีเสียงกระซิบกันดังมาจากในสุสานเป็นพักๆ เหมือนมีคนกำลังพูดอยู่ตรงนั้น นักพรตเฒ่าเริ่มคิดว่าตัวเองหูฝาด แต่พอตั้งใจฟังอีกทีกลับพบว่ามีเสียงจริงๆ เขาจึงยื่นมือลูบเป้ากางเกงของตัวเองทันที

“เถ้าแก่ มีกลิ่นปีศาจ!”

โจวเจ๋อไม่สนใจ แล้วชี้นิ้วไปที่ชั้นวางของเล็กๆ บนนั้นมีกล่องใบหนึ่ง มีลำโพงอยู่ข้างใน ผิวชั้นนอกเป็นโซลาร์เซลล์ เสียงดังมาจากตรงนั้นนั่นเอง

นักพรตเฒ่างงอยู่บ้าง จึงเข้าไปมองด้วยความสงสัย บนนั้นยังมีหนังสือคู่มือ ทุกวันจะมีรายการอะไรออกอากาศตอนไหน มีข่าวเช้า มีรายการที่เกี่ยวกับอารมณ์ มีข่าวต่างประเทศและข่าวท้องถิ่น ฯลฯ

“เฮ้ย มีความเป็นมนุษย์ขนาดนี้เชียว”

นักพรตเฒ่าเมื่อก่อนเคยได้ยินว่ามีคนทิ้งคิวอาร์โค้ดไว้หน้าหลุมฝังศพของตัวเอง ตอนนั้นก็รู้สึกว่าล้ำหน้ามากแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีคนเอาของพวกนี้มาวางไว้ข้างหลุมฝังศพของตัวเองเพื่อแก้เซ็งด้วย

โจวเจ๋อหาหลุมฝังศพของตัวเองเจอแล้ว บนนั้นมีรูปภาพของเขา และบรรยายเกล็ดประวัติชีวิตของเขา

เทศกาลเช็งเม้งเพิ่งจะผ่านไป หน้าป้ายหลุมฝังศพยังมีพวงหรีด ของเล่น รวมทั้งจดหมายจำนวนหนึ่ง มีของเพื่อนร่วมงานของเขา และยังมีของเพื่อนตัวน้อยจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

โจวเจ๋อนั่งลงหน้าหลุมศพของตัวเอง แกะจดหมายทีละซอง ในนั้นเป็นคำพูดของเพื่อนตัวน้อยที่พูดกับเขา เพื่อแสดงความคิดถึงของตัวเอง

เริ่มประโยคว่า ‘พี่โจว’ ‘พี่โจวที่รัก’ เนื่องจากเป็นจดหมายของเด็กๆ ที่ยังรู้จักตัวหนังสือไม่หมด ดังนั้นจึงใช้พินอินเขียนแทนเยอะกว่า

โจวเจ๋อนั่งหน้าป้ายหลุมฝังศพของตัวเอง นั่งอ่านเงียบๆ ไม่ร้องไห้และไม่มีน้ำตาคลอเบ้า

เมื่ออ่านสักพักแล้ว โจวเจ๋อจึงหยิบเหล้าและของกินเล่นออกมาวาง จากนั้นก็ยื่นมือของตัวเองหยิบมากินช้าๆ และค่อยๆ ดื่ม

ปกติเขากินของลำบากมาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่พออ่านจดหมายที่เด็กๆ เขียนให้ตัวเขาแล้วกินไปด้วย เกือบจะได้ผลเหมือนดื่มน้ำบ๊วย

ถึงแม้จะกลืนยากเหมือนเดิม ถึงแม้จะสะอิดสะเอียนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาพยามยามไม่อาเจียนออกมา

นักพรตเฒ่านั่งยองๆ อยู่ข้างๆ มองเถ้าแก่ของตัวเองกินของเซ่นไหว้ ก็ไม่พูดอะไร เพราะนักพรตเฒ่าเข้าใจ

เขาตายแล้วแต่กลับยังมีชีวิตอยู่

ของเซ่นไหว้เดิมทีก็เอามาให้ตัวเขาเอง ให้เขาเอาไว้ใช้

ลมกลางคืนพัดเย็นสบาย พัดไปรอบๆ ตอนนี้เหมือนจะเป็นเวลาที่เงียบสงบของจริง

โจวเจ๋ออ่านจดหมายจบแล้วจึงบิดขี้เกียจ มองไปที่หลุมศพของตัวเอง เขายังจำวันนั้นได้ดี ตัวเองถูกส่งเข้าเตาเผาแล้วไฟขนาดใหญ่ก็กลืนกินตัวเอง ลบร่องรอยในชาติที่แล้วของตัวเองจนหมดสิ้น ใต้ป้ายหลุมฝังศพ มีอัฐิของตัวเองวางอยู่

“เถ้าแก่ ข้าจะแอบขุดเอามาเป็นของที่ระลึกให้เจ้าดีไหม” นักพรตเฒ่าออกความเห็นอยู่ข้างๆ

โจวเจ๋อส่ายหน้า สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป เขาไม่มีความยึดติดมากขนาดนั้น เมื่อก่อนอาจจะมี แต่ตอนนี้ค่อยๆ ปล่อยวางแล้ว

แต่เผอิญโจวเจ๋อพบว่าตำแหน่งที่ตั้งป้ายหลุมฝังศพมีรอยหนึ่งที่เล็กมาก เขารีบใช้ไฟฉายของโทรศัพท์ส่องดูทันที

นักพรตเฒ่าเห็นดังนั้นจึงหมอบลงไปดูด้วย จากนั้นพูดว่า “ป้ายหลุมฝังศพนี้เพิ่งถูกคนเปิดเมื่อไม่นาน!”

โจวเจ๋อเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างโดยสัญชาตญาณ เขาไม่คิดที่จะเอาอัฐิของตัวเองกลับไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้อัฐิของตัวเองเกิดอุบัติเหตุอะไร

เพราะไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นของของเขา

เล็บทั้งสิบงอกออกมาทันที โจวเจ๋อใช้เล็บของตัวเองทิ่มเข้าไปตามรอยงัด ซึ่งประหยัดเวลากว่าใช้พลั่ว

ไม่ช้าฐานใต้ป้ายก็ถูกขุดเปิดออก มีกล่องใส่อัฐิสีดำอยู่ในนั้น หลังจากหยิบกล่องใส่อัฐิออกมา พบว่าข้างในยังมีน้ำหนักอยู่ ซึ่งหมายความว่ายังมีของอยู่ในนั้น

โจวเจ๋อใช้เล็บงัดกุญแจ จากนั้นก็เปิดกล่องใส่อัฐิ ข้างในกล่องมีของอยู่ ทว่าไม่ใช่อัฐิ แต่เป็นเม็ดเล็กๆ ใสๆ จำนวนหนึ่ง

“แม่เจ้าโว้ย เถ้าแก่ เจ้าถูกเผาจนกลายเป็นพระธาตุแล้ว”

โจวเจ๋อยื่นมือหยิบเม็ดเล็กๆ ออกมาเม็ดหนึ่ง แค่บีบเบาๆ ก็แตกแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็พูดด้วยเสียงเข้มที่มาพร้อมกับความโกรธและความน่ากลัว

“คุณเคยเห็นพระธาตุที่ทำจากพลาสติกเหรอ”

…………………………………………………………………………