บทที่ 287: ราชาแมลงแห่งหายนะ (1)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 287: ราชาแมลงแห่งหายนะ (1)

ไม้ขกสังปั๊งดันฐานของกองตู้เอาไว้ ทำให้สามารถรักษาสมดุลของมันไว้อย่างหมิ่นเหม่ หม่าลิ่วรู้สึกได้ว่าภายในหัวของเขาตื้อไปหมดขณะที่เขารีบโพล่งออกไปอย่างร้อนรน “หยุด… หยุดเดี๋ยวนี้ ! อย่างไรพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน มาพูดกันดี ๆ เถอะ…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเย่ก็กดแรงลงบนอาวุธของตนมากกว่าเดิมเล็กน้อย ส่งผลให้กองตู้ที่เอนเอียงอยู่แล้วพร้อมจะถล่มลงมาทุกเมื่อ หม่าลิ่วอ้าปากด้วยความหวาดกลัวและรีบตะโกนสุดเสียง “ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้มีตู้สีแดงทั้งหมดสิบตู้ แต่ละตู้จะมีภาพของตี้ทิงอยู่ที่มุมขวาบนเพื่อบ่งบอกถึงความสำคัญของมัน มันคือตู้ที่เอาไว้เก็บของที่สำคัญที่สุด !! แค่นี้ ! ข้าบอกแล้ว ! เพราะฉะนั้น—…”

แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ ฉินเย่ก็ดึงไม้ขกสังปั๊งออกมาและกองตู้ไม้เศร้าโศกทั้งหมดก็ถล่มลงมาราวกับดินถล่ม

“เจ้า…” เวลาดูเหมือนกับจะหยุดชะงักไป ก่อนที่จะมีโอกาสได้พูดจนจบ ตู้ใบแรกที่ตกลงมาก็กระแทกเข้าที่อกของเขาโดยตรง

แต่หม่าลิ่วก็ไม่มีเวลาพอให้รวบรวมพลังหยินภายในร่างของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ภายในเสี้ยววินาทีต่อมา ตู้อีกหลายใบก็ถล่มลงมาราวกับหินถล่ม กองทับกันบนร่างของเขาและส่งผลให้ร่างของเขาร่วงออกไปจากศาลาแห่งการรู้แจ้งพร้อมด้วยสายตาเหลือเชื่อ

ความตกตะลึงฉายชัดไปทั่วไปหน้าขณะที่เขาเอื้อมมือออกไปอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากของเขาสั่นเทาเล็กน้อย ราวกับกำลังถาม ข้าบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้แล้วมิใช่หรือ ?

“ข้าพูดหรือว่าจะไว้ชีวิตเจ้าเพื่อแลกกับข้อมูลพวกนั้น ?” ฉินเย่มองอีกฝ่ายร่วงลงไปยังกลุ่มแมลงแห่งหายนะที่รออยู่ด้านล่าง เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าอาจจะมีทางออกให้เจ้าหากเจ้าชายแห่งหลานหลิงไม่ได้วางแผนที่จะก่อกบฏ แต่ตอนนี้น่ะหรือ… ?”

เด็กหนุ่มเปลี่ยนร่างเป็นพายุนรกและพุ่งกลับไปยังกองตู้อื่น ๆ “ขอให้ไปอย่างสงบ ระวังหนามกุหลาบด้านล่างด้วย”

ฟึ่บ… ร่างดำของหม่าลิ่วหายไปในฝูงแมลงแห่งหายนะด้านล่าง ส่งผลให้แมลงตัวอื่น ๆ ที่บินอยู่บริเวณใกล้เคียงพุ่งเข้าหาร่างของเขาราวกับปลาปิรันย่า ภายในไม่กี่วินาที แมลงแห่งหายนะก็มาเกาะกลุ่มกันอย่างรวดเร็วจนดูราวกับก้อนดินขนาดใหญ่ในจุดที่หม่าลิ่วร่วงลงไป

ฉินเย่ไม่ได้สนใจผลจากการกระทำของตนเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมุ่งหน้าไปยังกองตู้ไม้และค้นหาเป้าหมายของตน ตู้ไม้สีแดง

ด้วยจำนวนของแมลงแห่งหายนะที่อยู่ด้านล่าง การกำจัดพวกมันนั้นแทบจะไม่ใช่ทางเลือก ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้มีเพียงคว้าทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้มากที่สุดก่อนจะรีบหนีไปจากที่นี่ เขากวาดตามองอย่างเร็วที่สุด และไม่นานก็มองเห็นแถวของตู้รูปทรงพิเศษ

มันเป็นตู้สีแดงที่ถูกซ่อนอยู่ด้านหลังของกองตู้ทั้งหมด และถูกยึดกับผนังด้วยสายโซ่เหล็ก ขณะที่เข้าไปใกล้ เขาก็มองเห็นภาพของตี้ทิงสลักอยู่ที่มุมขวาบนของตู้พวกนี้ ไม่เหมือนกับตู้อื่น ๆ พวกมันไม่ได้มีลิ้นชักให้ดึงออกมา แต่กลับใช้เป็นประตูบานเลื่อนแทน นอกจากนี้ บานประตูพวกนั้นก็ถูกแปะไปด้วยแผ่นยันต์ที่ลำแสงของมันได้จางหายไปนานแล้ว

ในที่สุดก็เจอ… ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและรีบเลื่อนหนึ่งในบานประตูเปิดทันที

ด้านในตู้ถูกจัดแบ่งในลักษณะที่แปลกประหลาด มันมีสัญลักษณ์ยันต์แปดเหลี่ยมสลักอยู่ที่ผนังด้านในของตู้ ในขณะที่โซ่แปดเส้นที่ทำจากวัสดุอะไรก็ไม่ทราบพันรอบถุงเอกภพที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่เหมือนกับถุงอื่นๆ ถุงเอกภพใบนี้มีหมายเลข ‘1’ ปักไว้ด้วยดิ้นสีทอง

ด้วยการเหวี่ยงไม้ขกสังปั๊งในมืออย่างมั่นใจ ถุงเอกภพเป็นอิสระจากพันธนาการทั้งหมดและร่วงลงสู่มือของเขาทันที แต่ขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนตัวไปยังประตูของตู้ถัดไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ขณะที่ร่างหยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า

ครืดดด… เสียงที่ไม่ต่างกับการขยับของโซ่ดังขึ้นตัดผ่านความเงียบภายในห้อง ฉินเย่หันหลังกลับไปมองที่ตู้ใบแรกที่เพิ่งเดินผ่านมา

บานประตูเลื่อนยังคงเปิดกว้าง และฉินเย่ก็เห็นว่าโซ่แปดเส้นที่พันรอบถุงเอกภพเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย สัญลักษณ์ยันต์แปดเหลี่ยมที่อยู่บนผนังด้านในของตู้เริ่มหมุนอย่างช้า ๆ และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเสียงเมื่อครู่นี้มาจากโซ่ที่ขยับเล็กน้อยซึ่งเป็นผลมาจากสัญลักษณ์นี้

ภายในศูนย์ข้อมูลนั้นถูกปกคลุมด้วยความเงียบ และเสียงลากเบา ๆ ของโซ่ก็สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน มันเริ่มจากเบา ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้าย หลังจากผ่านไปประมาณสิบวินาที ทั่วทั้งศาลาแห่งการรู้แจ้งก็ดังกึกก้องไปด้วยเสียงของโซ่ตรวน ราวกับมีหุ่นเชิดขนาดใหญ่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน !

ครืดดด… เสียงบางอย่างดังมาจากด้านล่างของอาคาร ยิ่งเวลาผ่านไป มันก็ดังและชัดขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเย่รู้สึกได้ว่าพื้นเบื้องล่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อย และจากนั้นเสียงอู้อี้ก็ดังขึ้นให้ได้ยินจากที่ไกล ๆ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่าง… ได้ผลุดขึ้นมาจากพื้นดิน !

อันที่จริง เขาสามารถบอกได้ด้วยว่าเสียงอู้อี้ที่ว่านั้นดังมาจากใต้เท้าของเขา โคร่ม… โคร่ม… โคร่ม… โคร่ม ! เสียงดังกล่าวดังอย่างสม่ำเสมอ มันดูอู้อี้และทื่อในตอนแรก แต่มันก็เปลี่ยนเป็นชัดขึ้นในเวลาไม่นาน ! ภายในไม่กี่วินาที ฉินเย่รับรู้ได้ทันทีว่ามันคือเสียของอะไรบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาจากชั้นล่างของอาคาร

นอกจากนี้สิ่งที่พุ่งขึ้นมาก็พุ่งทะลุชั้นต่อชั้น โครงสร้างของอาคารไม่สามารถขัดขวางการพุ่งขึ้นมาของมันได้

ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ หัวสมองของเขาเริ่มทำงานหนักขึ้น สัญญาณเตือนวิกฤตเป็นตายดังขึ้นผนังโดยรอบเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่เสียงแตกพื้นไม้ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เด็กหนุ่มไม่มีเวลาให้ชั่งน้ำหนักการตัดสินใจ ร่างของเขากระโจนและกลิ้งไปตามพื้น หลังจากนั้นไม่นาน พื้นที่เขาเคยยืนอยู่เมื่อครู่ก็ระเบิดออก และสิ่งที่ยาวสีดำทะมึนก็พุ่งผ่านกลุ่มควันพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่สูงแสบหู !

มันดูราวกับมังกรที่พุ่งขึ้นมาจากน้ำ หรือไม่ก็นกฟินิกซ์ที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า พร้อมกับเสียงที่ระเบิดที่ดังสนั่น มันพุ่งทะลุไปถึงชั้น 30 ด้วยความเร็วสูงสุด อันที่จริง มันเร็วมากจนไม่ต่างอะไรกับเงาดำที่หายวับไปเลยสักนิด เงาดังกล่าวตามมาด้วยคลื่นเสียงกระแทกที่รุนแรงก่อนที่สายลมกระโชกแรงจะพัดเข้ามาในศาลาแห่งการรู้แจ้ง ส่งผลให้เสื้อคลุมของฉินเย่กระพืออย่างบ้าคลั่ง

เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นมัน แม้ว่าสิ่งของดังกล่าวจะเร็วมากและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของมันได้

มันคือหอก !

หอกที่พุ่งขึ้นมาจากฐานของอาคาร หอกที่กว้างประมาณหนึ่งเมตรและยาว 15 เมตร ด้วยความเร็วเท่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยืนขวางทางมันถูกทำลาย รวมถึงแมลงแห่งหายนะที่โชคร้ายกว่าสิบตัวที่ถูกแทงด้วยปลายหอกอันแหลมคมด้วยเช่นกัน

และบังเอิญ พวกมันยังเป็นสิ่งที่ทำให้หอกทั้งเล่มกลายเป็นสีดำสนิทอีกด้วย หอกเล่มดังกล่าวพุ่งผ่านกระดองแข็ง ๆ ของพวกมัน และพวกมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

ไม่น่าเชื่อเลยว่าหอกที่พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างหลายสิบเมตรจะสามารถพุ่งทะลุชั้นที่ 30 ของอาคารและยังสามารถมีพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นได้อยู่

ฉินเย่คิดไม่ออกเลยว่ากลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้อาคารแห่งนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใด

แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนที่เขาจะได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างของเด็กหนุ่มก็ต้องสั่นเทาอย่างรุนแรง และเขาก็สบถออกมา “ชิบหาย…”

โคร่ม… โคร่ม… โคร่ม… โคร่ม ! …เสียงอู้อี้และทื่อดังมาจากด้านล่างของเขาอีกครั้งในลักษณะเดียวกันกับก่อนหน้านี้ ตามมาด้วยเสียงระเบิดที่ดังมาตามชั้นต่าง ๆ ของอาคาร

เสียงแตกและเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน และพวกมันก็สร้างความหวาดกลัวให้ฉินเย่เป็นอย่างมาก ฟันของเขาเริ่มกระทบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังคงเอื้อมมือไปคว้าถุงเอกภพทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ ก่อนกลายร่างเป็นพายุพลังหยินและพุ่งทะลุหลังคา ไม้ขกสังปั๊งในมือเปล่งประกายแสงสีดำออกมา และเขาก็แทงมันไปที่หลังคาด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพื่อทำการระเบิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่กว้างกว่าสิบเมตรพร้อมกับพุ่งออกไป !

เขาทำทั้งหมดนั่นทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีกลุ่มแมลงแห่งหายนะจำนวนมากรออยู่ด้านล่าง

เพราะเขารู้ดีว่าตนคงจบเห่ทันทีหากยังคงอยู่ในศาลาแห่งการรู้แจ้งไปนานกว่านี้ !

อันที่จริง เขาไม่อยากจะอยู่ในรัศมีร้อยเมตรของอาคารที่กำลังพังทลายลงด้วยซ้ำ !

ยมทูตขาวดำสามารถบินไปมาในระยะสั้น ๆ ได้ เสื้อผ้าของเขากระพืออย่างแรง และไม้ขกสังปั๊งก็เปลี่ยนร่างเป็นร่มขนาดใหญ่ที่ลอยไปในอากาศ ห่างออกมาจากศาลาแห่งการรู้แจ้ง และมันก็เป็นหลังจากนั้นที่หอกจำนวนมากพุ่งออกมาจากอาคารขนาดใหญ่ราวกับน้ำพุแห่งความตาย

เฉียดฉิว…. เขาคงตายไปแล้วหากเขายังคงอยู่ในอาคารนานกว่านี้แม้แต่หนึ่งนาที

ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด ตัวอาคารที่เอียงอย่างน่าหวาดเสียวได้พ่นหอกจำนวนนับร้อยพุ่งออกมาจนเกิดเป็นรูโหว่หลายร้อยรูบนอาคาร หอกทั้งหมดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและตกลงมาด้านล่างราวกับฝนดาวตกแห่งหายนะ นี่เป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

“!!!…” ฉินเย่อ้าปากค้างและหลับตาลง หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้ในมือของเขามีถุงเอกภพอยู่สิบกว่าถุง แต่เขาก็ยังไม่สามารถห้ามนิ้วมือของตัวเองไม่ให้สั่นได้เลยแม้แต่น้อย แผ่นหลังของเขายังเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออีกด้วย

ระยะเวลาเสี้ยววินาทีได้แบ่งแยกระหว่างความเป็นและความตาย

เด็กหนุ่มเข้าใจทุกอย่างในที่สุด ตู้ที่มีรูปของตี้ทิงจำเป็นต้องใช้วิธีการพิเศษในการนำของที่อยู่ด้านในออกมา ตราบใดที่มีคนพยายามนำมันออกมาอย่างผิดวิธี ศาลาแห่งการรู้แจ้งที่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมหาศาลก็จะกลายเป็นเพียงสิ่งเดียว…

นรกสำหรับผู้บุกรุก !!

และมันก็จะทำลายทุกอย่างแทนที่จะปล่อยให้ข้อมูลสำคัญทั้งหมดตกอยู่ในมือของศัตรู !

กลไกหอกคือทางเลือกสุดท้ายในการรักษาศักดิ์ศรีของยมโลกแห่งเก่า ฉินเย่นั้นถือว่าโชคดีมากที่ยันต์ป้องกันที่ปกป้องอาคารเอาไว้ได้สูญเสียพลังของมันไป ไม่เช่นนั้น ด้วยยันต์จำนวนมากที่ปิดผนึกตัวอาคารจากด้านนอกและกลไกหอกที่ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่ขั้นตุลาการนรกก็คงไม่สามารถหลบหนีจากความตายที่แน่นอนนี้ได้ !!!

แล้วจะนับประสาอะไรกับขั้นยมทูตขาวดำอย่างฉินเย่ !!

เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ ควบคุมการไหลเวียนของพลังหยินในร่างขณะที่รีบบินห่างออกมาจากศาลาแห่งการรู้แจ้งด้วยความเร็วสูงสุด นครเฟิงตูคงอยู่มานานกว่า 3,000 ปี และมันก็จะต้องมีกลไกกับดักซ่อนอยู่ทั่วทุกทีเป็นแน่ ต่อให้ประชากรนรกทั้งหมดจะไม่อยู่แล้ว แต่การก้าวพลาดเป็นครั้งเดียวก็อาจนำไปสู่ความตายได้

ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม ! หอกจำนวนมากตกลงมาทันทีที่เขาบินออกมาได้หลายร้อยเมตร พุ่งลงพื้นราวกับสายฟ้าฟาด ราวกับดาวตก หอกแต่ละเล่มแทงลงที่พื้นด้วยแรงมหาศาลจนเกิดเป็นรอยแตกแขนงกระจายออกมาจากจุดศูนย์กลางของการปะทะ แมลงแห่งหายนะที่บินอยู่รอบ ๆ อาคารถูกสังหารภายในไม่กี่วินาที ในขณะที่ศาลาแห่งการรู้แจ้งที่พังทลายดูเหมือนกับนักรบผู้กล้าหาญในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

ชะตากรรมถูกผนึกไว้อย่างชัดเจน

หลังจากที่ฐานของอาคารถูกกัดกินโดยแมลงแห่งหายนะจำนวนมาก การปลดปล่อยกลไกป้องกันสุดท้ายเป็นเหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย ทันทีที่หอกเล่มสุดท้ายปักลงกับพื้น ศาลาแห่งการรู้แจ้งก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง จากนั้น อาคารที่ตั้งตระหง่านมาเป็นระยะเวลานานหลายพันปีก็พังทลายลงภายใต้น้ำหนักของมันเอง ตัวอาคารหักครึ่งและถล่มลงกับพื้น เกิดเป็นฝุ่นควันที่กระจายไปทั่ว คลื่นกระแทกจากการถล่มของมันกระจายตัวออกมาราวกับคลื่นสึนามิ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงล้วนพังทลายลงจึงมีผลทำให้เศษดินและหินกระจายตัวมากกว่าเดิม ทั่วทั้งยมโลกสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับต้องการแสดงความอาลัยต่อจุดจบในครั้งนี้

ครืนนน… ฉินเย่มองศาลาแห่งการรู้แจ้งที่ถล่มลงมาราวกับมังกรที่สูญเสียปีกของมันโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย จากนั้น เมื่อฝุ่นที่คละคลุ้งจางหายไป เขาก็เห็นร่างดำจำนวนมากพุ่งขึ้นมาจากด้านล่างราวกับคลื่นน้ำที่ถาโถม ปกคลุมเศษซากที่เหลืออยู่ของอาคารอย่างรวดเร็ว

“จากดินสู่ดิน เถ้าสู่เถ้า ธุลีสู่ธุลี” ฉินเย่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ราชวงศ์ไม่สามารถคงอยู่ชั่วนิรันดร์ฉันใด มนุษย์เองก็ไม่สามารถคงอยู่ชั่วนิรันดร์ฉันนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกาลเวลาของมัน วางใจได้… ข้าจะเป็นผู้นำความรุ่งโรจน์ของเจ้ากลับมาอีกครั้ง”

เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ “หน้าที่ของเราที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยากรู้จริง ๆ ว่าคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง ? อาร์ทิสไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าเราควรจะไปรวมตัวกันที่ไหน ช่างไร้ความรับผิดชอบเสียจริง…”

ทว่าทันใดนั้นเอง ขณะที่เขากำลังสลัดความตึงเครียดภายในหัว เสียงคำรามที่ดุร้ายก็พลันดังก้องไปทั่ว !

ซ่ากกกกก !!!

ราวกับมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในระยะไกล

ฉินเย่หันไปมองทางต้นเสียงทันที และภาพที่เห็นก็ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น

“นี่มัน…”

……

ตอนนี้ มุไร ซาดาคัตสึกำลังยืนอยู่บนชั้นบนสุดของอาคารสูงพร้อมกับดาบสองเล่มในมือ

เขาสวมชุดเกราะสีแดงเข้ม มืออีกสี่มือยื่นออกมาจากด้านหลัง ในขณะที่ใบหน้ามีสองด้าน เขาดูเหมือนอสูรที่จุติลงมา ดวงตาทั้งสองลุกโชนด้วยไฟนรกสีเขียวหยก แมลงแห่งหายนะที่มีขนาด 20 เมตรกรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวังก่อนที่ร่างของมันจะแยกออกเป็นสองส่วน

วูบบบ… พลังหยินจากร่างของแมลงตรงหน้าถูกดูดเข้าไปในสร้อยคอหัวกะโหลกที่ห้อยอยู่รอบคอของเขา ซามูไรโบราณเลียริมฝีปากของตนอย่างกระหาย “แมลงเช่นเจ้ากล้าดีเยี่ยงไรถึงมาขวางทางข้า ! อวดดียิ่งนัก !”

จากนั้นเขาก็หันไปมองยังตำแหน่งที่อยู่ด้านหลังของมัน จุดที่มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของอสูรตั้งอยู่ อสูรดังกล่าวมีสามหัวและหกแขน บวกกับใบหน้าสีเขียวและเขี้ยวที่แหลมคม พร้อมกับแขนสองข้างตรงกลาง รูปปั้นดังกล่าวถือกล่องที่ดูเหมือนทำจากหยกเอาไว้

“ที่นี่อย่างนั้นหรือ ? สถานที่ที่สำคัญที่สุดสำหรับทหารวิญญาณของจีน ?”

ลิ้นของเขาพุ่งออกไปและเตรียมที่จะแย่งกล่องดังกล่าวมา แต่ขณะที่เขากำลังจะสัมผัสกับมัน เสียงคำรามของบางอย่างพลันดังก้องไปทั่วยมโลก !

“นี่มัน…” มุไร ซาดาคัตสึอ้าปากค้างด้วยความหวาดผวาและชะงักค้างอยู่กับที่ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง “ขั้นตุลาการนรก ? และไม่ได้มีเพียงหนึ่ง !”