ตอนที่ 299 ความอบอุ่นช่างอุ่นเหลือเกิน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“พ่อ มาทางนี้ ครั้งนี้ผมเอาของดีจากสรวงสวรรค์มาให้พ่อเพียบเลย”

อันหลินลากอันหมิงชวนมาที่ศาลาเล็กๆ หลังหนึ่ง ลูบแหวนมิติด้วยความตื่นเต้น ตรวจสอบของข้างใน

“ดูลูกพูดเข้าสิ พ่อบำเพ็ญเพียรที่นี่ ไม่ขาดเหลืออะไรทั้งนั้น ลูกไม่จำเป็นจะต้องเอาอะไรมาเลย!” อันหมิงชวนพูดอย่างไม่ยี่หระ

“ไม่ขาดเหลืออะไรจริงๆ เหรอ อาวุธวิเศษก็ไม่เอาเหรอ” อันหลินพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

เมื่อสิ้นประโยคนี้ ศาลาทั้งหลังก็เงียบสนิท

เถียนหลิงหลิง ชุยเจ๋อและอันหมิงชวนสูดหายใจดังเฮือก พากันเบิกตากว้าง

อาวุธวิเศษมีความหมายอย่างไรต่อนักพรตบนโลก มันเป็นสมบัติประจำสำนักของสำนักหนึ่งเชียวนะ!

อาวุธวิเศษที่มีให้เห็นในประเทศจีนหักนิ้วนับได้

“ไม่ได้ ของสิ่งนี้เลอค่าเกินไป! ลูกเก็บไว้เองเถอะ พ่อไม่เอา!” พออันหมิงชวนได้สติก็รีบปฏิเสธทันควัน

อันหลินยิ้ม เขารู้ว่าพ่อกังวลอะไร จึงพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ผมมีอาวุธวิเศษเพียบเลย เลือกได้ตามสบาย”

ครู่ถัดมาแหวนมิติก็สว่างวาบ อาวุธวิเศษที่กระจายคลื่นอันน่าสะพรึงหกชิ้นก็ปรากฏบนโต๊ะ

อาวุธวิเศษขั้นต้นสามชิ้น ขั้นกลางสามชิ้น นี่เป็นอาวุธที่เขาชิงมาตอนที่ถูกดักปล้นนอกสุสานมังกรเหมันต์ ยังไม่ได้ขาย

“คุณพระ!”

เถียนหลิงหลิงอดสบถไม่ได้เมื่อเห็นอาวุธวิเศษหกชิ้นตรงเบื้องหน้า

ชุยเจ๋อกลืนน้ำลายเอื๊อก มองดูด้วยความตะลึงงัน

“ทำ…ทำไมลูกถึงได้มีมากมายแบบนี้…” อันหมิงชวนตาโพลง

แค่อาวุธวิเศษที่อันหลินเอาออกมาก็เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของอาวุธวิเศษในประเทศแล้ว อะไรจะขนาดนั้น

อันหลินกลับไม่แยแส แม้แต่ในแดนจิ่วโจว อาวุธวิเศษก็นับว่าเป็นอาวุธที่ล้ำค่ายิ่งแล้ว นับประสาอะไรกับโลกมนุษย์ ไม่แปลกที่พวกเขาจะตกใจขนาดนี้

“พ่อรีบเลือกเถอะ อาวุธพวกนี้เก็บไว้ในแหวนมิติจนขึ้นราแล้ว พี่มีเงิน” อันหลินพูดอย่างใจป้ำ

ต้าไป๋เห็นดังนั้นก็เบะปาก รู้ดีว่าพี่อันเริ่มเปิดโหมดโอ้อวดแล้ว

เดิมทีเถียนหลิงหลิงชอบพูดจาแขวะอันหลิน แต่ตอนนี้กลับพูดไม่ออกแล้ว เพียงแค่มองอาวุธวิเศษหกชิ้นบนโต๊ะอึ้งๆ น้ำลายไหลออกจากปาก

อันหมิงชวนเองก็ไม่เล่นตัว ตอนนี้เขาค่อนข้างชอบใช้กระบี่ จึงเลือกกระบี่น้ำค้างคราม อาวุธวิเศษขั้นกลางเล่มหนึ่ง

อันหลินยกนิ้วโป้งทันทีที่เห็น “สมกับเป็นพ่อของผม ครอบครัวของเราต้องเป็นสร้างเซียนกระบี่แน่นอน!”

เถียนหลิงหลิง “…ชมว่าตัวเองเป็นเซียนกระบี่อีกแล้วเหรอ”

ต้าไป๋ “พี่อันเป็นเช่นนี้แหละ”

เมื่อพ่อเขาเลือกเสร็จ เขาก็มองเถียนหลิงหลิงพลางชี้อาวุธวิเศษบนโต๊ะ “เธอก็เลือกอาวุธวิเศษตรงนี้ไปสักชิ้นสิ”

เถียนหลิงหลิงชะงัก ดวงตาฉ่ำวาวจ้องอันหลิน “นักพรตจอมปลอมนาย…นายหมายความว่าจะยกอาวุธวิเศษให้ฉันชิ้นหนึ่งเหรอ”

อันหลินพยักหน้า เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทที่รู้จักในโลกมนุษย์ เขาใจกว้างกับเพื่อนเสมอ

“ว้าว! เซียนกระบี่อันหลิน ฉันรักนายจังเลย!” เถียนหลิงหลิงโถมตัวใส่อันหลินอย่างลิงโลดใจ ปากจิ้มลิ้มนุ่มหยุ่นประทับลงข้างแก้มอันหลิน ดีใจจนร้องกริ๊ดกร๊าด

เห็นได้ชัดว่าคำว่า ‘เซียนกระบี่อันหลิน’ ใช้ได้ผลกับอันหลินมาก เขายิ้มอย่างพออกพอใจ

จากนั้นเขาก็ชี้อาวุธวิเศษบนโต๊ะ “รีบเลือกชิ้นที่ชอบที่สุดสิ”

เถียนหลิงหลิงพยักหน้า เลือกลูกดอกสีขาวคู่หนึ่งจากอาวุธวิเศษทั้งห้าชิ้น ลูกดอกอัสนี อาวุธวิเศษขั้นต้น

เมื่อเลือกเสร็จแล้ว อันหลินก็หันหน้ามองชุยเจ๋อ “คุณลุงชุย ผมบอกแล้วว่าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ คุณลุงก็มาเลือกสักชิ้นสิครับ”

อันหลินเพิ่งพูดจบ ชุยเจ๋อก็นิ่งงันกับที่

มอบอาวุธวิเศษให้ตนงั้นเหรอ

ล้อกันเล่นหรือเปล่า! นี่มันอาวุธวิเศษที่มีมูลค่ามหาศาลเชียวนะ!

เขาเคยคิดว่าอันหลินจะมอบของดีให้เขา เช่นศาตราวุธที่มีค่า ยาที่มีราคาแพงระยับ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอันหลินจะมอบอาวุธวิเศษให้ตน!

“คุณลุงชุย คุณลุงเป็นอาจารย์ของพ่อผม ของขวัญชิ้นนี้กรุณารับไว้ด้วยครับ”

อันหลินพูดเสียงจริงจังอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชุยเจ๋อยังไม่ตอบสนอง

อันหมิงชวนก็หัวเราะร่วน “หลินจื่อได้ดิบได้ดีแล้ว นี่เป็นน้ำใจของเขา อาจารย์เข้าไปเลือกสักชิ้นเถอะ”

“มัน…” ชุยเจ๋อมองอันหลินกับอันหมิงชวน สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “ได้ งั้นฉันจะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้”

เขาเลือกหอกเลือดเงิน อาวุธวิเศษขั้นต้น

เมื่อถือหอกยาวไว้ในมือ สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังและจิตวิญญาณที่แผ่ออกจากหอกยาว มือเขาเริ่มสั่นเทา

นี่น่ะหรืออาวุธวิเศษ

นี่น่ะหรือส่งมอบความอบอุ่น

ชุยเจ๋อสับสนมึนงง ความอบอุ่นนี้ช่างอุ่นเหลือเกิน อุ่นจนเขารู้สึกเลือดพลุ่งพล่านไปทั้งตัวแล้ว

พรหมลิขิตครั้งนี้เขาคว้าได้ถูกต้องแล้ว!

ถ่ายทอดวิชาให้อันหมิงชวน เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดที่เขาทำ!

อันหลินเก็บอาวุธวิเศษที่เหลือใส่แหวนมิติ จากนั้นก็ให้ยาที่มีสรรพคุณต่างกันอีกสิบกว่าเม็ด และสองแสนหินวิญญาณกับพ่อ ของพวกนี้เพียงพอให้พ่อถลุงไปจนถึงเหนือระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ

เถียนหลิงหลิงกับชุยเจ๋อตัวชาไปแล้วเมื่อเห็นของมีค่าลานตาตรงหน้า

เหมือนปุถุชนคนธรรมดาเห็นสุดยอดเศรษฐีถลุงเงินทีละร้อยล้าน แม้สำหรับคนธรรมดาแล้วเงินพวกนั้นจะมากมาย แต่พอพวกเขาตัวชาแล้ว มันก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น ไม่ตื่นตกใจมากเท่าใดนัก

คนที่ตกใจมากที่สุดก็คืออันหมิงชวน เพราะเขาเป็นคนรับเงินนี่นา!

เป็นเพราะคลุกคลีกับวงการบำเพ็ญเซียน คุ้นเคยแล้ว เขาถึงได้ตกใจ

อย่าว่าแต่ยากับอาวุธวิเศษพวกนั้นเลย แค่สองแสนหินวิญญาณนั่น เขายังไม่เคยเห็นเงินที่มากมายขนาดนี้ในหน่วยบำเพ็ญเซียนเลยด้วยซ้ำ!

“เอาละ ส่งมอบความอบอุ่นเรียบร้อยแล้ว!” อันหลินตบมือเล็กน้อย ใบหน้าปราศจากความปวดใจ มีเพียงรอยยิ้มที่สบายใจ ทำไมต้องบำเพ็ญเซียน ทำไมต้องต่อสู้ เรื่องนี้เขาตอบไม่ได้

ตอนนี้ความคิดของเขาเรียบง่ายมาก ก็เหมือนกับผู้ชายที่ตรากตรำทำงานนอกบ้าน บริษัทจ่ายเงินเดือนให้ จากนั้นเขาก็ส่งเงินกลับให้ที่บ้านใช้ ให้พ่อแม่รู้ว่าเขาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ให้พ่อแม่รู้ว่าพึ่งพาเขาได้แล้ว!

คงจะเป็นความรู้สึกประมาณนี้ ความรู้สึกแบบนี้มันดีมากเลย และอันหลินก็ชอบมากด้วย

หลังส่งมอบความอบอุ่นแล้ว อันหลินก็หยิบชาเลื่องชื่อที่ซื้อจากแดนจิ่วโจวออกมา รวมลิ้มรสชากับพ่อ เถียนหลิงหลิงและชุยเจ๋อ

ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะหิน พูดคุยเรื่องบำเพ็ญเพียร ประสบการณ์ที่พบพานในสองปีนี้

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็กายแห่งมรรคขั้นสิบแล้วล่ะสิ ใช้ได้นี่นา ก้าวหน้าไวทีเดียว!” อันหลินมองเถียนหลิงหลิงด้วยอากัปกิริยาที่ตกใจ

เถียนหลิงหลิงทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเบาๆ ไม่ตอบอะไร

ความรวดเร็วของการเพิ่มระดับพลังยุทธ์ของนาง ต่อให้อยู่ในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน ก็เป็นกลุ่มคนที่เก่งฉกาจอย่างยิ่งแล้ว แต่ต่อหน้าอันหลิน กลับสะเทือนใจจนไร้ซึ่งความกล้าแล้ว

ตอนแรกคิดว่าเมื่ออันหลินกลับมา จะรังแกเขาให้หนำใจ อย่างน้อยๆ ก็พอจะตามฝีก้าวของเขาทันแล้ว

ไหนเล่าจะรู้ว่าไม่พบกันสองปี ตนแตะประตูระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างยากเย็น แต่อันหลินใกล้เข้าระดับแปลงจิตแล้ว ความแตกต่างแบบนี้ ทำเอานางเครียดจนออกซิเจนจะพร่องแล้ว

“ในบรรดานักพรตรุ่นใหม่ของประเทศ เถียนหลิงหลิงเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดแล้วจริงๆ” ชุยเจ๋อก็เอ่ยชมเช่นกัน

“ที่ไหนกันละคะ อย่าลืมคุณลุงอันสิ” เถียนหลิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ ๆ ฉันลิมอันหมิงชวนไปซะสนิทเลย” ชุยเจ๋อหัวเราะชอบใจ “เขาเข้าวงการช้า แต่แนวโน้มกลับพุ่งแรงมาก ระวังจะโดนแซงนะ”

อันหมิงชวนกลับไม่สนใจเรื่องบำเพ็ญเพียร พอเขารู้ว่าอันหลินมาแดนมนุษย์เพราะภารกิจ ก็ถามคำถามที่กวนใจมากที่สุดทันที “หลินจื่อ สวีเสี่ยวหลานมาด้วยหรือเปล่า”

อันหลินชะงัก แต่ก็พยักหน้า “เอ่อ ตามมาด้วยครับ มีอะไรเหรอ”

“โธ่ ทำไมลูกไม่พาเธอมาหาพ่อล่ะ” อันหมิงชวนตบเข่าฉาด ท่าทางโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจ

อันหลินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ทำไมผมต้องพาเธอมาหาพ่อด้วยล่ะ เธอมีธุระของตัวเองต้องทำ”

“ธุระอะไรเหรอ”

“เอ่อ ช้อปปิ้งไงล่ะ”

“…”

อันหมิงชวนส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

อีคิวอย่างลูกชายเขา แฟนคนก่อนจับฉลากมาได้หรือไง

ขณะที่อันหมิงชวนกำลังระอาใจ จู่ๆ เสียงกริ่งก็ดังขึ้น มือถือของอันหลินกำลังแผดเสียง

อันหลินล้วงมือถือออกมา หน้าจอแสดงผลว่าสวีเสี่ยวหลานโทรมา

หึ พูดถึงเสี่ยวหลาน เสี่ยวหลานก็มาเลย

เขากดรับสาย “ฮัลโหล เที่ยวถึงไหนแล้ว”

ปลายสายเป็นเสียงที่ร้อนรนของเสี่ยวหลาน “แย่แล้วอันหลิน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”