ตอนที่ 886 ตอนนี้ฉันอยากจะเป็นแฟนคลับของเธอแล้ว

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะฟังผมบ้างสิครับ ถ้าผมไปถึงที่หมู่บ้านไม่ทัน ใครจะช่วยคุณครับ” น้ำเสียงของหลี่จิ่นอ่อนลงเล็กน้อย “อย่างน้อยคุณก็น่าจะเรียนรู้ทักษะการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐานไว้บ้างสิ”

 

 

หลินเฉี่ยนดูออกว่าหลี่จิ่นยอมผ่อนปรนให้บ้างแล้ว เธอจึงพยักหน้ารับ “โอเคค่ะ ถ้าฉันมีเวลาว่างจะไปแล้วกันนะคะ”

 

 

ความเงียบงันพลันโรยตัวครอบคลุมทั้งคู่ ด้วยพวกเขาไม่มีเรื่องที่จะพูดคุยกันมากนัก หลินเฉี่ยนเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นเล็กน้อย “คุณเสียเวลามาตั้ง 2 วัน… คุณไม่ได้ยุ่งอยู่เหรอคะ”

 

 

หลี่จิ่นไม่ตอบ เขาวางกุญแจสำรองไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนโน้มตัวเข้ามาคว้าหลินเฉี่ยนไว้ในอ้อมกอด จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและเอ่ย “หลังจากผมไปครั้งนี้ ผมอาจจะไม่ได้กลับมาอีก 5 วันนะครับ”

 

 

ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อพลางพยักหน้ารับ “เดี๋ยวถ้าอาการฉันดีขึ้นแล้วจะกลับบ้านนะคะ”

 

 

“คุณน่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่นะครับ…”

 

 

“หือ”

 

 

“ผมไม่ได้อยู่บ้านบ่อยๆ คุณไม่ต้องกังวลว่าจะรู้สึกอึดอัดหรอกครับ” พูดจบเขาก็เดินออกไป ทิ้งให้หลินเฉี่ยนอยู่กับความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมดเพียงลำพัง

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่มีพ่อแม่ ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นคนง่ายๆ ที่ยอมตกลงไปอยู่บ้านผู้ชายเสียหน่อย

 

 

หลินเฉี่ยนจึงได้แต่มองกุญแจสำรองหากแต่ไม่ได้หยิบไป

 

 

หลังจากหลี่จิ่นออกไป เธอเก็บข้าวของและกลับมาที่ห้องพักที่อยู่กับซิงหลาน

 

 

“พระเจ้าช่วย ในที่สุดคุณก็กลับมาสักที…” ซิงหลานปรี่เข้าไปช่วยเธอ “ฉันคุยกับพี่หนิงและเธอบอกว่าคุณอยู่ที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องของฉัน เขาอุตส่าห์รีบไปที่หมู่บ้านเพื่อช่วยคุณเลยนะ ทำถึงขนาดนี้คุณเริ่มมีใจให้เขาแล้วหรือยังคะ”

 

 

“ฉันเวียนหัวค่ะ” หลินเฉี่ยนนวดขมับตัวเองพลางทิ้งตัวลงนั่ง

 

 

“แล้วพวกคุณไปกันถึงไหนแล้วคะ…

 

 

…เร็วสิคะ บอกฉันหน่อยสิ…

 

 

…เร็วๆ ค่ะ”

 

 

เมื่อไม่อาจทนการเซ้าซี้ของซิงหลานได้ สุดท้ายหลินเฉี่ยนจึงตัดสินใจบอกไปตามตรง “ตอนที่ฉันเกือบตายอยู่บนเขาแล้วหลี่จิ่นโผล่มาอยู่ต่อหน้าฉัน ตอนนั้นฉันรู้สึกจากใจจริงว่าฉันควรฝากชีวิตที่เหลือไว้ในมือเขา ฉันยอมรับว่ารู้สึกพิเศษกับเขา แต่เขาก็เป็นจอมบงการเกินไปน่ะค่ะ”

 

 

“คุณเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อนนี่คะ คุณเลยต้องมีผู้ชายสักคนมากำราบคุณไง” ซิงหลานหัวเราะ “แล้วก็ว่ากันว่า…คนที่รอดตายมาจะโชคดีนะคะ”

 

 

หลินเฉี่ยนส่ายหน้าก่อนว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงเอือมระอา “ฉันไม่เห็นวี่แววของโชคดีเลยค่ะ”

 

 

 

 

สองวันหลังจากเหตุน้ำหลากผ่านไป เสียงตอบรับของสาธารณชนกลับมาเป็นปกติ หมายความว่าในที่สุดศิลปินคนอื่นๆ ที่ติดอยู่บนเขากับหลินเฉี่ยนและซย่าหันโม่ก็ไม่ต้องเก็บตัวเงียบอีกแล้ว ทว่าสิ่งเดียวที่พวกเขาพูดถึงกันคือความอันตรายของน้ำหลากและความหวาดกลัวที่พวกเขาต้องเผชิญ ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องที่พวกเขาทอดทิ้งหลินเฉี่ยน

 

 

ยกเว้นเพียงคนเดียว โจวชิง

 

 

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ เขาบอกกับบรรดานักข่าว “ครั้งนี้เราต้องขอบคุณหันโม่ครับ เธอสมกับเป็นศิลปินของจู้ซิงมีเดีย ด้วยประสบการณ์การเอาตัวรอดในป่าของเธอทำให้เราทุกคนรอดมาได้ครับ”

 

 

“อย่างนั้น พี่โจวมีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ถังหนิงพูดกับนักข่าวก่อนหน้านี้ไหมคะ ถังหนิงพูดจริงหรือเปล่าคะ”

 

 

โจวชิงรู้ว่าคงไม่อาจหลีกหนีคำถามนี้พ้น หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมาและตอบ “ผมว่าตอนที่เผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ทุกคนก็คงต้องกลัวกันทั้งนั้น และเพราะความกลัวนี้หลายคนก็ตัดสินใจด้วยความเห็นแก่ตัวเพื่อเอาตัวรอดกันครับ

 

 

“ตอนนั้นหลินเฉี่ยนไข้ขึ้นและหันโม่ก็แค่ขู่ให้เธอยอมทำตามดีๆ เท่านั้น แต่บางคนบังเอิญมาได้ยินเข้าแล้วกลัวกันไปเอง มันเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้น่ะครับ

 

 

“แน่นอนว่าการไปต่อและทิ้งผู้หญิงสองคนไว้ข้างหลังถือเป็นการกระทำที่เราทุกคนต่างรู้สึกผิด รวมถึงตัวผมด้วย ผมหวังว่าคงไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้ครับ

 

 

“ทุกคนต้องยอมรับความผิดของตัวเอง

 

 

“ดังนั้นผมจึงอยากจะขอโทษหันโม่และผู้จัดการของเธอ หลินเฉี่ยน อย่างเป็นทางการครับ

 

 

“ขอโทษด้วยนะครับ”

 

 

โจวชิงเข้าข้างซย่าหันโม่มาโดยตลอด ย้อนกลับไปในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เขาไปเพราะต้องการมั่นใจว่าคนโง่พวกนี้จะไม่หลงป่าหรือทิ้งคนอื่นๆ ระหว่างทางอีก ทว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ต่างให้ตัวเองเลยแม้แต่น้อย ด้วยตัวเขาเองคิดมาอย่างรอบคอบและต้องการจบปัญหาเรื่องนี้

 

 

ดังนั้นคำพูดของโจวชิงจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาวันนั้นได้อย่างดี

 

 

ที่แท้ซย่าหันโม่เป็นคนช่วยทุกคนเอาไว้ แต่ทุกคนกลับทิ้งเธอกับหลินเฉี่ยนไป

 

 

คำพูดของเขาได้ทำให้แฟนๆ โกรธขึ้นมาในทันที หากแต่นี่เป็นเพียงคนส่วนน้อย แฟนๆ ส่วนใหญ่แสดงความเห็นบนช่องทางโซเชียลมีเดียของจู้ซิงมีเดีย เพื่อขอร้องให้ซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยนให้อภัยศิลปินขี้ขลาดของพวกเขา

 

 

แน่นอนว่าเพราะเรื่องนี้ มุมมองที่คนภายนอกมีต่อซย่าหันโม่จึงดีขึ้นมาก

 

 

“ฉันนึกไม่ถึงว่าจริงๆ แล้วซย่าหันโม่จะมีทักษะในการเดินทางและช่วยชีวิตคนไว้ได้เยอะขนาดนี้เลย”

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าเธอเก่งเรื่องทักษะการเอาชีวิตรอดนะ ไม่ใช่เรื่องโกหกจริงๆ ด้วย”

 

 

“ในที่สุดฉันก็เห็นด้านดีๆ ของซย่าหันโม่ นี่มันอะไรกันเนี่ย ตอนนี้ฉันอยากจะเป็นแฟนคลับของเธอซะแล้วล่ะ”

 

 

ในเวลาเดียวกัน ถังหนิงได้รับการยกย่องในฐานะเจ้านายหลังจากคนภายนอกรู้ว่าเธอรีบเดินทางไปที่เมืองใกล้ๆ เขตภัยพิบัติเพียงเพื่อดูแลศิลปินของตัวเอง การเข้ามารับหน้าจัดการกับบรรดานักข่าวหลังจากพวกเขากลับมาที่ปักกิ่ง พลันเสริมภาพลักษณ์ของเธอให้ยิ่งดูสูงส่งและมีอำนาจ

 

 

“บอกได้เลยว่าถังหนิงไม่ได้เป็นแค่ศิลปินที่ดีแต่ยังเป็นเจ้านายที่เยี่ยมอีกด้วย ทั้งยังมีศิลปินที่มีฝีมืออยู่ในสังกัด จู้ซิงมีเดียสมควรเป็นที่จับตามองสักที”

 

 

“ถังหนิงเกิดมาเพื่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราเคยชินกันในวงการบันเทิง”

 

 

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งถังหนิง จู้ซิงมีเดีย ซย่าหันโม่ และโจวชิงต่างได้รับความสนใจมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งตามมาด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของพวกเขา

 

 

นับจากวันนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ มองซย่าหันโม่เปลี่ยนไปและยอมรับเธอในฐานะพิธีกรประจำรายการ ถึงอย่างไรเธอเองก็มีความสามารถหลากหลายและเป็นคนแบบที่พวกเขาต้องการ โดยเฉพาะความรู้เรื่องทักษะการเอาชีวิตรอดของเธอ

 

 

 

 

ไม่กี่วันหลังจากนั้น หลินเฉี่ยนกลับมาหายดีเป็นปกติและกลับไปทำงาน

 

 

หลังจากมาถึงจู้ซิงมีเดีย เธอพบกับถังหนิงและเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายแปลกไปเล็กน้อย

 

 

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

 

 

“เธอสนใจจะอธิบายว่าหลี่จิ่นเป็นใครสักหน่อยไหม” ถังหนิงถาม “เรื่องของเฉวียนจื่อเยี่ยเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้เองนะ”

 

 

หลินเฉี่ยนไม่คาดคิดว่าถังหนิงจะสนใจเรื่องซุบซิบด้วย เธอจึงตอบกลับกลั้วเสียงหัวเราะ “เขาก็ อาจจะ ถือว่าเป็นแฟนของฉันได้มั้งคะ”

 

 

“ที่บอกว่า อาจจะ หมายความว่าอะไรกันล่ะ ถ้าเขาเป็นงั้นก็เป็นสิ!”

 

 

หลินเฉี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับหลี่จิ่นกับถังหนิง

 

 

รวมถึงเรื่องที่เขาช่วยให้เธอเป็นอิสระจากตระกูลเฉวียนและการที่เขารีบขึ้นมาช่วยเธอถึงบนเขา…

 

 

หลังได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ถังหนิงว่าขึ้น “อย่างนั้นหลี่จิ่นก็ดีกว่าเฉวียนจื่อเยี่ยเห็นๆ รายนั้นเอาแต่ทำตัวไร้ประโยชน์ใส่เธอ แต่หลี่จิ่นก็จับเธอเอาไว้ในกำมือเสียอยู่หมัด แล้วเธอต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆ ด้วย การเป็นภรรยาของทหารหมายความว่าเธอจะไม่ได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ น่ะสิ”

 

 

หลินเฉี่ยนส่ายหน้าไปมาด้วยความงุนงง “ฉันยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ ไปทีละขั้นดีกว่านะคะ”

 

 

ถังหนิงเข้าใจว่าความรักของพวกเขายังไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น

 

 

“ไหนๆ เธอก็กลับมาแล้ว อย่างนั้นก็กลับไปทำงานต่อเถอะ การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ กำลังจะถ่ายทำใหม่ทั้งตอนและหันโม่ก็ต้องการเธออยู่ข้างๆ ” ถังหนิงสั่ง “แน่นอนว่าครั้งนี้พวกเขาจะถ่ายทำกันที่ต่างประเทศ คิดดูให้ดีๆ แล้วกันว่าเธออยากไปหรือเปล่า”