บทที่ 286 นายท่าน มีคนจะแย่งของท่าน!

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 286 นายท่าน มีคนจะแย่งของท่าน!

ท้องฟ้าเริ่มมืด สัตว์ร้ายต่าง ๆ เริ่มส่งเสียงคำราม

มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งประกอบด้วยคนจำนวน 10 คนกำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองตงหลิง

“ทุกคนเร่งฝีเท้าหน่อย เดี๋ยวก็จะเข้าเขตเมืองแล้ว” เฉินเฉวียนเร่งเท้า

ปราสาทเทียนหลงสืบทอดมานับพันปี สมบัติที่สั่งสมมาที่มากมายนับไม่ถ้วน และตอนนี้ 1 ใน 4 ของสมบัติเหล่านั้นอยู่กับเขา จะให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

ความร่ำรวยของปราสาทเทียนหลงไม่ใช่แค่เงินทองเท่านั้น แต่ยังมีพวกสมุนไพรยาวิเศษ พืชพรรณหายากต่าง ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ของเหล่านี้ไม่อาจใช้เงินตีค่าได้เลย

“ไอ้จอมมารฉู่บัดซบเอ๊ย ทำให้พวกเราต้องทิ้งสถานที่ที่สืบทอดมาเป็นพัน ๆ ปี ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน” 1 ในนั้นสบถด่าออกมา

“ถ้าวันนึงจอมมารฉู่มาอยู่ในเงื้อมมือของฉัน ฉันจะทำให้มันได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานทุกรูปแบบที่มีในโลกใบนี้”

“เหล่าติง นายรีบร้อนขนาดนี้ แฟนนายคนนั้นล่ะเป็นยังไงบ้าง”

1 ในชายวัยกลางคนสีหน้าอึมครึม แววตาเป็นประกายมุ่งร้าย และยื่นมือทำท่าปาดคอ

“นายก็ทำได้ลงเนอะ”

“ก็แค่ผู้หญิง จะหาตอนไหนก็ได้ เธอรู้เยอะเกินไป อีกอย่าง ผู้หญิงที่ฉันติงเฉวียนเคยนอนด้วยแล้วจะให้ผู้ชายคนอื่นมาแอ้มได้ยังไง” ติงเฉวียนพูดอย่างร้ายกาจ

“หุบปากให้หมด ระวังล่อให้สัตว์ร้ายมา” เฉินเฉวียนเอ็ดเสียงเบา

สัตว์ร้ายในตอนนี้น่าสยองขึ้นเรื่อย ๆ มีจักรพรรดิสัตว์ร้ายจำนวนหนึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์เลย หากอยู่ในขั้นเดียวกันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าด้วยซ้ำ

ตำแหน่งของเฉินเฉวียนในปราสาทเทียนหลงสูงมาก เป็นที่ไว้วางใจของหลงเฟยหยาง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มอบ 1 ใน 4 ส่วนของสมบัติปราสาทเทียนหลงให้เขาดูแล เมื่อได้ยินเสียงเอ็ดจากเขาทุกคนก็หุบปาก ก้มหน้าเดินต่อโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ

“โอ๊ย…” จู่ ๆ อูหมิงก็ล้ม เหมือนจะไปสะดุดโดนก้อนหิน หัวโขกกับแผ่นหลังของติงเฉวียนจนเขาเกือบกระเด็นออกไป

ติงเฉวียนพุ่งออกไปหลายก้าวก่อนจะหยุดตัวเองไว้ได้ และหันกลับไปมองอูหมิงเย็น ๆ “นายทำอะไร”

อูหมิงยักไหล่และหัวเราะแห้ง ๆ พลางพูดขึ้น “ขอโทษที เดินเร็วไปหน่อยเลยไม่ทันระวัง ไปสะดุดก้อนหินเข้า”

ติวเฉวียนสีหน้าไม่ดี แววตามุ่งร้ายและเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “ระวังหน่อย แหกตาของแกดูให้ดี ๆ ถ้ามีครั้งหน้าฉันจะหักคอแก”

อูหมิงเองก็สีหน้าไม่ไดี วิทยายุทธของติงเฉวียนสูงกว่าเขาระดับหนึ่ง แถมเข้าปราสาทเทียนหลงมาก่อนเขา ปกติแล้วรังแกเขาอยู่เป็นประจำ เขากำลังคิดหาวิธีชะลอคนพวกนี้อยู่พอดี ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว

“ติงเฉวียน นายคิดว่าตัวเองดีเด่นมากจริง ๆ เหรอ นายกับฉันเป็นคนของปราสาทเทียนหลงด้วยกันทั้งคู่ กฎสำนักบอกไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามคนในสำนักฆ่าฟันกันเอง นายคิดจะท้าทายอำนาจของเจ้าสำนักเหรอ” อูหมิงเกร็งคอตะโกนออกมา

ติงเฉวียนชะงักไปนิดหน่อย ปกติเขาก็รังแกอูหมิงไว้ไม่น้อย ในสายตาของเขา ไม่ว่าเขาจะด่ายังไงอูหมิงก็จะยิ้มรับไว้ไม่กล้าเถียงอะไรตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกล้าปะทะซึ่ง ๆ หน้าขนาดนี้

“แกหาเรื่องตายใช่ไหม” ติงเฉวียนบันดาลโทสะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ปกติเขาก็โหดเหี้ยมอำมหิตอยู่แล้ว แค่เรื่องที่อูหมิงเถียงเขาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

“เออก็หาเรื่องตายนั่นแหละ เพิ่งจะเสียสถานที่ที่รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษไป นายก็ไม่เห็นเจ้าสำนักอยู่ในสายตา เพิกเฉยต่อกฎสำนักที่เขาตั้ง นายคิดจะปฏิวัติหรือไง” อูหมิงไม่ยอมเลยแม้แต่น้อย

ติงเฉวียนหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสายตาที่เฉินเฉวียนมองตัวเองอยู่นั้นมีแววเสาะหาความจริงก็ใจกระตุก เขาฝืนกลั้นความโมโหไว้และจ้องอูหมิงเขม็ง “ฉันจะจำไว้ แล้วจะคิดบัญชีกับแกทีหลัง”

อูหมิงคิดไม่ถึงว่าคนอารมณ์ร้อนอย่างติงเฉวียนจะอดกลั้นได้ พลันร้อนรนขึ้นในใจ นายท่าน ถ้านายท่านยังไม่ถึงอีกผมก็หมดปัญญาแล้ว ถ้าหาเรื่องติงเฉวียนอีกคนอื่นจะดูออก

“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เดินทางต่อ” เฉินเฉวียนเอ่ยขึ้น

คนกลุ่มนี้เดินทางอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

อูหมิงร้อนรน ถ้าเข้าเขตเมืองก็จัดการยากแล้ว เฉินเฉวียนเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก ถ้าเข้าเขตเมืองแล้วก็เดินทางด้วยเครื่องบิน หรือไม่ก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปเลยอาจจะโอนย้ายของในมือ ถึงตอนนั้นฉู่ชวิ๋นมาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ตู้ม

จู่ ๆ พื้นก็ระเบิดออกส่งผลให้ดินโคลนกระจุยกระจาย อูหมิงกำลังคิดนู่นคิดนี่อยู่ไม่ทันได้ระวัง ล้มหัวทิ่มกลิ้งออกไป

คนอื่นก็ตกใจเหมือนกัน พากันถอยกรูดด้วยความทุลักทุเล

อูหมิงลุกขึ้นพลางมองไป ก็ได้เห็นหัวขนาดใหญ่โผล่ขึ้นจากพื้นดิน ปากแหลมฟันคม สายตาแดงก่ำ ตัวตัวนิ่มนั่นเอง

จากนั้นแผ่นดินก็ไหว รอยแยกค่อย ๆ ยาวออกไปตัวนิ่มโผล่พ้นออกจากใต้ดิน

พระเจ้าช่วย อูหมิงตาแทบทะลัก ตัวนิ่มตัวนี้ยาว 10 กว่าเมตรได้ เกล็ดเป็นสีขาวหิมะทั้งตัว สะท้อนแสงเย็น ๆ ตัวใหญ่จนเหลือเชื่อ ที่น่ากลัวสุดคือจิตสังหารของมันที่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 อย่างเขายังกลัวจนใจสั่น นี่จะต้องเป็นสัตว์ร้ายขั้นจักรพรรดิแน่ ๆ แถมพลังไม่ต่ำต้อยเลยแม้แต่น้อย

ตัวนิ่มอ้าปาก ฟันขาว ๆ ของมันเรียงตัวกันเหมือนกริชที่ปักอยู่กลับหัว

ไอเย็นปกคลุม นี่ถ้าโดนกัดเข้าให้คงมีไม่กี่คนที่ทนไหว

เฉินเฉวียนทำมือให้ทุกคนรวมตัวหากัน

อูหมิงทำอะไรไม่ได้ เขากลิ้งไปอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ตัวนิ่มไม่ทันสังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เฉินเฉวียนเรียก เขาได้แต่ลุกขึ้นแล้วกระโจนตัวไปอย่างไม่เต็มใจ

พรึ่บ

แสงอึมครึมฉายออกจากดาบ ติงเฉวียนบุกออกไปปานสายฟ้าด้วยแววตาเหี้ยมโหด แทงดาบไปที่ตัวนิ่ม

เคร้ง

ประกายไฟปลิวว่อน ดาบที่ทุ่มสุดแรงเกิดของติงเฉวียนไม่อาจทำลายเกล็ดของตัวนิ่มได้

นอกจากการโจมตีของติงเฉวียนครั้งนี้จะไม่เกิดผลอะไรแล้ว ยังไปทำให้ตัวนิ่มโกรธเกรี้ยวอีกต่างหาก

ตัวนิ่มสูง 4-5 เมตร ขาแต่ละข้างเปรียบดั่งเสาหิน เมื่อติงเฉวียนยืนตรงหน้ามันยังสูงไม่ถึงเข่าของมันด้วยซ้ำ

ตัวนิ่มยกขาหน้ามหึมาย่ำไปที่ติงเฉวียน มันจะเหยียบมดปลวกที่กล้ามาหาเรื่องมันให้เละเป็นเศษดิน

ติงเฉวียนสีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ตู้ม

พื้นดินแตกออกด้วยแรงเหยียบของตัวนิ่ม คลื่นดินที่ดันขึ้นมาเบียดจนติงเฉวียนกระเด็นออกไป

เหยียบได้ดี เหยียบได้เยี่ยม เหยียบได้สุดยอดไปเลย เหยียบไอ้ซัดซบนี่ให้ตายไปเลย อูหมิงแอบดีใจกับตัวเอง

จริงแล้ว เรื่องที่เขาแอบดีใจจริง ๆ ก็คือตอนแรกตัวเองยังเครียดกับการจะรั้งคนอื่นเอาไว้ จู่ ๆ ก็มีตัวนิ่มโผล่มาแก้ปัญหาให้เขา

เฉินเฉวียนสายตาคร่ำเครียด เขารู้สึกได้ว่าตัวนิ่มตัวนี้เก่งมาก

“ร่วมมือกัน รีบฆ่ามันเร็ว”

พูดจบเขาก็ลงมือเป็นคนแรก วิทยายุทธของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ปะทุออกมา เขาฟาดฝ่ามือใส่ตัวนิ่มอย่างรุนแรง

ตู้ม

เกล็ดระเบิด เลือดสาดกระจาย มันต้านทานการโจมตีของเฉินเฉวียนไม่ได้ เลยแม้แต่น้อย

โฮก

ตัวนิ่มเริ่มคลุ้มคลั่งด้วยความเจ็บ มันอ้าปากให้เห็นฟันแหลมและตั้งใจพุ่งเข้าไปหวังจะกัดเฉินเฉวียน

เฉินเฉวียนหมุนตัวหลบ ส่งผลให้ต้นไม้โบราณที่ใหญ่ขนาดเท่าคน 2 คนโดนกัดขาดทันที

แรงกัดของตัวนิ่มช่างน่าตกใจ

ขณะนั้น คนนับ 10 กว่าคนร่วมมือด้วยกัน ชั่วเวลาหนึ่งพลังภายในหลั่งไหลพลุกพล่านฟาดลงไปที่ตัวตัวนิ่ม

ตัวนิ่มพุ่งชนไปทั่วด้วยความคลุ้มคลั่ง ทุกคนพากันหลบ ฝุ่นดินกระจาย หินใหญ่แตกออก ต้นไม้โค่นล้ม

พลังป้องกันของตัวนิ่มแข็งแกร่งเกินไป นอกจากเฉินเฉวียนที่ทำร้ายมันได้แล้ว การโจมตีของคนอื่นไม่อาจสร้างความเสียหายให้มันได้เลยแม้แต่น้อย

ตู้ม

มีคนถูกหางของตัวนิ่มฟาด กระเด็นออกไปทันทีพร้อมเสียงครวญคราง เนื้อหนังที่แผ่นหลังเหวอะหวะ

ตู้ม

เลือดสาดกระจาย เฉินเฉวียนปล่อยหมัดออกไปโดนตัวนิ่มอีกครั้ง

“โจมตีจุดที่มันได้รับบาดเจ็บ” เฉินเฉวียนตะโกนสั่งการ

ตัวนิ่มอย่างกับรถถังขนาดใหญ่ มันใช้ทั้งกรงเล็บ หาง ปากเคลียพื้นที่รอบ ๆ ในระยะ 100 เมตรจนเกลี้ยง บนพื้นไม่มีแม้แต่หินเล็ก ๆ สักก้อน

ทุกคนทำตามคำสั่งของเฉิงเฉวียน โจมตีไปที่บาดแผลของตัวนิ่มอย่างหนักหน่วง

ตัวนิ่มคลุ้มคลั่งอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็สู้จำนวนคนที่มากกว่าไม่ได้เลือดสาดกระเด็นออกจากร่างกายไม่หยุด สุดท้ายหันหลังหนีเข้าไปในป่า ชนต้นไม้โบราณหักโค่น เหยียบหินแตกไปนับไม่ถ้วน มันหายลับเข้าไปในภูเขาลึกพร้อมฝุ่นผงคละคลุ้ง

พวกเฉินเฉวียนหน้าตาเลอะเทอะหลายคนได้รับบาดเจ็บไม่เท่ากัน จนอดไม่ได้ที่จะพากันสบถออกมา

“รีบไปจากที่นี่” เฉินเฉวียนบอกทุกคนทันที

ตัวนิ่มตัวเดียวยังทำให้พวกเขาหมดสภาพขนาดนี้ ถ้ามาอีกหลาย ๆ ตัวเกรงว่าพวกเขาคงต้องจบเห่อยู่ที่นี่แล้ว

“โอ๊ย นายท่าน ทำไมคุณยังไม่มาอีก” อูหมิงจนปัญญาแล้วจริง ๆ

ตอนที่ทุกคนกำลังจะไปก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “อยู่ที่นี่เถอะ ไม่ต้องไปไหนหรอก”

พูดจบ ก็มีคน 2 คนเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้โบราณ สวมชุดดำและมีผ้าสีดำปิดหน้า

“ประตูวิญญาณสลาย” เฉินเฉวียนรู้สึกตึงไปทั้งตัวทันที 2 คนนี้ไปหลบหลังต้นไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่รู้สึกตัวเลย อีกอย่าง การแต่งตัวแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของประตูวิญญาณสลาย

“เจ้าสำนักของพวกเรารู้ว่าปราสาทเทียนหลงจะโยกย้าย จึงสั่งให้พวกเรามาดูว่ามีอะไรให้ช่วยไหม” 1 ในคนชุดดำพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

เฉินเฉวียนระมัดระวังและระแวงก่อนจะประสานมือ “ขอบคุณทั้ง 2 ท่านมาก พวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร เชิญกลับไปเถอะ วันหน้าเจ้าสำนักของพวกเราจะไปขอบคุณถึงที่เอง”

ประตูวิญญาณสลายมาปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่พวกเขาพูดแน่

“ในเมื่อพวกเรามาแล้วจะกลับไปบอกสำนักอย่างไร ได้ข่าวว่าพี่เฉินเอาของมาเดินทางด้วยไม่น้อย พวกเราอยากช่วยพี่แบ่งเบา”

เฉินเฉวียนใจกระตุก เข้าใจจุดประสงค์การมาของ 2 คนนี้ทันที

“ทั้ง 2 ท่านก็เห็นแล้วว่าพวกเราเดินทางกันมือเปล่า ไม่มีสิ่งของอื่น”

คนชุดดำหัวเราะพรืด

“แหวนของพี่เฉินไม่เลวเลย ขอฉันยืมดูหน่อยได้ไหม”

เฉินเฉวียนใจหายวูบ รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ตื้นลึกหนาบางของฝั่งตัวเองแล้ว จึงพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ปราสาทเทียนหลงและประตูวิญญาณสลายเป็นพันธมิตรกัน พวกท่านทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ”

“ในเมื่อเป็นพันธมิตรกัน มีอะไรก็ต้องแบ่งปันกันสิ” น้ำเสียงของคนชุดดำเข้มขึ้นมา “พี่เฉิน ฉันว่าพี่ส่งแหวนมาดีกว่า อย่าให้พวกเราพี่น้องต้องลงมือเอง ถึงเวลาทำลายมิตรภาพของพวกเราทั้ง 2 ฝ่ายจะแย่เอานะ”

คนที่ผิดหวังที่สุดคืออูหมิง ตอนที่มีเสียงดังขึ้นเขาดีใจมาก นึกว่าฉู่ชวิ๋นมาถึงแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าเป็น 2 คนนี้จากประตูวิญญาณสลาย ทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก

“นายท่าน คุณรีบมาเถอะ มีคนมาแย่งของท่านแล้ว” เขาแอบบ่น

“ท่านทั้ง 2 จะเอาอย่างนี้จริง ๆ ใช่ไหม” เฉินเฉวียนพูดเสียงแข็ง

“ดูเหมือนพี่เฉินไม่คิดจะส่งมันสินะ งั้นพวกเราพี่น้องคงต้องลงมือแล้ว”

พูดจบ คนชุดดำทั้ง 2 ก็พุ่งตัวออกไปพร้อมกัน

“ประตูวิญญาณสลาย หลังจากวันนี้ไปฉันจะแจ้งเจ้าสำนักของฉันให้กระจ่างและยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับพวกแกซะ” เฉินเฉวียนตะโกน ขณะเดียวกันพุ่งออกไปพร้อมฟาดฝ่ามือใส่ ก้อนหินดินทรายปลิวว่อน

แต่ที่ทำให้เขาตกใจจนหวาดกลัวคืออีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังภายในเลย เขาใช้เพียงความแข็งแกร่งทางเนื้อกายล้วน ๆ ในการบดขยี้กระบวนท่าของเขา จากนั้นก็ซักหมัดออกมาอย่างรุนแรง กระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาดังตู้ม หน้าอกของเขายุบลงไปร่างกระเด็นพร้อมกับกระอักเลือดออกมา

เฉินเฉวียนหวาดกลัวอย่างที่สุด คน ๆ นี้แข็งแกร่งจนผิดมนุษย์มนา

แต่หลังจากนั้นภาพต่อมาก็ทำให้เขาแทบอยากจะควักลูกตาก็ปรากฏขึ้น ทั้ง 2 คนพุ่งเข้าไปในฝูงชนราวกับเสือที่พุ่งเข้าไปในเล้าแกะ คนที่เขาพามาถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณีไปทีละคน

อูหมิงกลัวจนแหกปากร้องลั่น เขาไม่อยากตายนะ เขาอ้าปากและตะโกน

“แก…อย่า”

ตู้ม

หมัดเหล็กต่อยลงที่หัวเขา เสียงของอูหมิงชะงักงัน เขาล้มลงไปทื่อ ๆ อย่างไร้ลมหายใจ !