ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 151 ศิษย์อ่อนอาวุโสที่แตกต่างไม่เหมือนผู้ใด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินคำเอ่ยของฟางจุ่นแล้ว ดวงตาของเขาก็ทอประกายเล็กน้อย “ลูกกลอนเซียนกว่างเฉิงใหม่ออกจากเตากลั่นแล้วหรือขอรับ”

 

การกระทำ ณ ภูผาพิภพของเยี่ยนจ้าวเกอสร้างผลงานชัดเจนแจ่มแจ้ง เขากว่างเฉิงไม่อ่อนบำเหน็จที่จะให้แก่ชายหนุ่มอย่างแน่นอน

 

หนึ่งในนั้นคือการค้นพบอิงหลงถู บุคคลมากความสามารถผู้นี้ถือเป็นความดีความชอบไม่น้อยเลยทีเดียว

 

สำหรับจอมยุทธ์ของสำนักที่แนะนำอัจฉริยะมากความสามารถเข้าสำนักได้ เขากว่างเฉิงล้วนมีรางวัลบำเหน็จให้ ซึ่งหากพิจารณาสติปัญญาแต่กำเนิดของอิงหลงถูเพียงอย่างเดียว เด็กชายคืออัจฉริยะท่ามกลางอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย

 

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกถึงความพิเศษเฉพาะตัวของเขา จึงไม่ปล่อยของดีให้หลุดมือ ไม่ได้ปล่อยให้มุกกระจ่างเปรอะฝุ่น แน่นอนว่าจะได้รับชมเชยและบำเหน็จจากเขากว่างเฉิง

 

บำเหน็จชุดนี้ก็คือลูกกลอนเซียนกว่างเฉิง โอสถเม็ดอันยอดเยี่ยมที่สุดที่เขากว่างเฉิงยึดกุมอยู่ในปัจจุบัน

 

โอสถเม็ดนี้ล้ำค่าหายากยิ่ง กาลก่อนไม่มีโอสถสำเร็จรูปเก็บเอาไว้ ดังนั้นตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอหยุดอยู่ที่เขานิมิตเมฆ จึงไม่สามารถได้รับมาโดยตลอด

 

ปัจจุบันโอสถใหม่ออกจากเตากลั่น การเตรียมการอื่นแน่นอนว่ามี ทว่าหยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักก็ยังรับประกันสิทธิพิเศษจัดหาโอสถให้ของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นอันดับแรก

 

ครั้งนี้รุดหน้ามายังบึงพิภพเพื่อเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา ฟางจุ่นก็นำมาให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอด้วย

 

ชายหนุ่มรับขวดลายครามบรรจุโอสถมาจากมือของฟางจุ่น ครั้นดึงจุดขวดออกสูดดมกลิ่นเบาๆ ทันใดนั้นกลิ่นหอมสดชื่นรัญจวนใจกลุ่มหนึ่งก็โชยออกมา

 

“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ลุงรอง” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางคำนับไปทางฟางจุ่น

 

ฟางจุ่นส่ายศีรษะ “นี่ล้วนเป็นสิ่งของที่เจ้าควรจะได้รับ เจ้าเด็กอิงหลงถูผู้นั้นเป็นผู้มีความสามารถด้านวิชาวรยุทธ์อย่างแท้จริง แม้ว่าสติปัญญาจะยังไม่สุกงอม แต่ก็คาดเดาได้ว่าอนาคตของเขาในภาคหน้าจะไม่มีขีดจำกัด เขากว่างเฉิงก็ได้มีอัจฉริยเหนือบุคคลเพิ่มขึ้นอีกคน เพียงแต่เทียบกับการได้รับอิงหลงถูเข้าสำนักแล้ว ความดีความชอบที่เจ้าก่อ ควรค่าแก่การยกย่องมากยิ่งกว่า”

 

ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภาด้วยกันกับเยี่ยนจ้าวเกอในครั้งนี้ยังมีซือคงจิงด้วย นางร่วมเดินทางออกจากเขาโดยมีฟางจุ่นเป็นผู้นำ และได้พบกับเยี่ยนจ้าวเกอ ณ ที่แห่งนี้

 

เฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากายได้สำเร็จ ตามฟู่เอินซูกลับเขากว่างเฉิง เริ่มต้นเข้าฌานกักตนบ่มเพาะเป็นครั้งแรก

 

ซือคงจิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ขณะนี้ในแววตาของนางมีความเคารพเลื่อมใสอยู่หลายส่วน

 

นางมุ่งสู่ทางวรยุทธ์จนหมดใจ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่อยู่ในสายตา ถึงขั้นแม้แต่ภารกิจฝึกฝนประสบการณ์ก็น้อยนักที่นางจะกระทำ ถึงแม้จะกระทำ ก็ต้องเน้นการฝึกฝนวรยุทธ์ตนเป็นสำคัญ

 

ดังนั้นเปรียบเทียบกันแล้ว หลายปีมานี้ความสำเร็จที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับในด้านวรยุทธ์ จึงยิ่งทำให้นางจดจำตราตรึงอยู่ในความทรงจำ

 

เพียงแต่ว่าการกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอ ณ เขานิมิตเมฆครานี้ ทำให้ซือคงจิงที่เดิมทีจิตใจกล้าแข็งรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากบ่อน้ำพุวิเศษเมฆหยินหยางช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากาย หรือจะเป็นการไขปัญหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขานิมิตเมฆ ต่างก็ไม่ใช่ความดีความชอบทั่วไป แต่เป็นความดีความชอบที่สามารถกำหนดแนวโน้มสถานการณ์ทั่วหล้าได้

 

คุณูปการเช่นนี้ ตามหลักการปกติแล้วไม่ใช่จอมยุทธ์คนหนึ่งจะสามารถทำให้สำเร็จได้ ต่อให้เป็นภูมิหลังของเยี่ยนจ้าวเกอก็เช่นเดียวกัน

 

ถึงกระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับทำได้จริงๆ เขาช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากาย ทำให้เขากว่างเฉิงมีสตรีแห่งจันทราเป็นของตนเอง จนสามารถไปแข่งขันแย่งชิงมงกุฎจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์อานุภาพร้ายแรงได้

 

ไม่เพียงไขปัญหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขานิมิตเมฆได้ ยังทำให้เขานิมิตเมฆแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูผาพิภพติดหนี้น้ำใจมหาศาลต่อเขากว่างเฉิง

 

ยิ่งเข้าจู่โจมยามอ่อนแอ ทำให้เขาไร้พรมแดนเดินตกหลุมพรางด้วยตนเอง ฉีกหน้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์โดยสิ้นเชิง ถอดเกราะออกรบ เกิดการพิพาทอย่างแท้จริงกับตำหนักอัสนีสวรรค์

 

จากนี้เป็นต้นไป เขาไร้พรมแดนจะเหยียบเรือสองแคมได้ยากสักเพียงใด ภายนอกกลับยังไม่สามารถกล่าวออกมาว่าเขากว่างเฉิงไม่ใช่

 

เฉกเช่นคำกล่าวของฟางจุ่นอย่างแท้จริง เทียบกับการได้รับอิงหลงถูเข้าสำนัก ที่ในตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่เด็กชายผู้มีศักยภาพน่าตื่นตะลึงเท่านั้น ความดีความชอบสองชิ้นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ มีความหมายสำคัญยิ่งกว่า

 

คิดถึงบำเหน็จที่ให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอด้วยเหตุนี้ ต่อให้เป็นซือคงจิงก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักภายในนั้นเช่นกัน

 

ช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากาย เยี่ยนจ้าวเกอได้รับบำเหน็จ นอกจากโอกาสในการเข้าไปในหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ชั้นสี่ครั้งหนึ่งแล้ว ยังได้สิทธิอำนาจในการเข้าออกหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ชั้นสามได้ตามใจ

 

นับว่าเป็นหนึ่งเดียวในศิษย์สืบทอดหลักทั่วทั้งเขากว่างเฉิง

 

ขณะเดียวกัน จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ได้รับอำนาจเช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ของสำนักก็เคยปรากฏเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น

 

ซึ่งทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งคือจ่านตงเก๋อ คนหนึ่งคือเยี่ยนตี๋

 

การไขปัญหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ เป็นตัวประสานให้เขาไร้พรมแดนรวมเข้ากับทัพเขากว่างเฉิงได้สำเร็จ บำเหน็จที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับแม้จะเกินขอบเขตไปบ้าง ทว่ากลับยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึง

 

ตั้งแต่วันที่บำเหน็จมีผลบังคับใช้ ของล้ำค่าทรัพยากรหลากหลายรูปแบบที่ปกติเขากว่างเฉิงควบคุม นอกจากเก็บสะสมเป็นการเฉพาะแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอล้วนแล้วแต่สามารถหมุนเวียนใช้ด้วยสิทธิพิเศษได้

 

เงื่อนไขนี้ ทำให้ผู้ที่ได้ยินตื่นตะลึงโดยสิ้นเชิง ผู้มีอำนาจระดับผู้อาวุโสมากมายภายในสำนัก ล้วนไม่มีขอบเขตอำนาจเช่นนี้ หรือไม่ก็เป็นเพียงการมีขอบเขตอำนาจเช่นนี้อย่างจำกัด

 

บำเหน็จนี้ยังเป็นอาจารย์ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าสำนักหยวนเจิ้งเฟิงตัดสินใจด้วยตนเอง

 

ถึงขั้นที่มีผู้ทราบเหตุการณ์กล่าวติดตลกว่า หากไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือยังอ่อน ความอาวุโสยังด้อย เห็นทีเยี่ยนจ้าวเกอคงสามารถแข่งขันตำแหน่งผู้รับช่วงต่อเจ้าสำนักกับบิดาของเขาเองได้แล้ว

 

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็พอใจกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง นี่หมายความว่าจากนี้เป็นต้นไป เขาไม่ต้องอาศัยบิดาและตระกูลเยี่ยน ก็ได้รับทรัพยากรอย่างเพียงพอแล้ว

 

ถ้าหากเป็นเพียงแค่เรื่องสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำเรื่องเดียว หยวนเจิ้งเฟิงอาจจะยังไม่ตัดสินใจครั้งต่อไป

 

แท้จริงแล้วทั้งหมดเริ่มหลังจากเพิ่มพูนเรื่องราวมากมาย เรื่องขุดค้นเตาผลึกหินชั้นใน วิชาเข็มทองผ่านโอสถ สงครามถังตะวันออกก่อนหน้านี้ จนกระทั่งช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูจันทรากาย และไขปัญหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ ในสายตาของหยวนเจิ้งเฟิงและผู้วางแผนยุทธการระดับสูงแห่งเขากว่างเฉิงจำนวนมาก เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่ศิษย์อ่อนอาวุโสทั่วไปที่สามารถเปรียบเทียบได้อีกต่อไปแล้ว

 

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ทั้งหมด ถึงขั้นมีคนเอ่ยออกมาก็อาจจะไม่เกิดความคาดหมายนัก ว่าไม่ให้เขาเดินทางไกลเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครานี้ ป้องกันการประสบกับการลอบสังหารของกองกำลังศัตรู

 

ต่อให้นี่จะเป็นความประสงค์ดี กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มีความคิดเป็นของตนเอง แน่นอนว่าเขาย่อมระมัดระวังความปลอดภัย เพิ่มพลังความสามารถเพื่อรับมือ

 

เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่อยู่ในดวงตาข้างขวา ให้พลังสายฟ้าดุจมหานทีอย่างต่อเนื่อง ชำระล้างหล่อหลอมร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่หยุดยั้ง

 

ฟางจุ่นมองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง “เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้านั่นเป็นโอกาสของเจ้าเอง หากเจ้าไม่ยินยอมแลกเปลี่ยนกับสำนัก เช่นนั้นเจ้าก็เก็บรักษาไว้เอง แต่จำต้องระมัดระวังความปลอดภัยด้วย”

 

เยี่ยนจ้าวเกอก็พิจารณาความอันตราย และรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโสสำนักแล้ว

 

เขาไม่กล่าวอะไร หลินโจวก็จะช่วยป่าวประกาศจนทั่วหล้ารับรู้กันถ้วนทั่วอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปิดบังอำพรางต่อสำนักแต่อย่างใด แน่นอนว่ารายละเอียดบางอย่างไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงให้มากความ

 

ชายหนุ่มกล่าวตอบ “ที่อาจารย์ลุงรองชี้แนะ ข้าจะระมัดระวัง”

 

ฟางจุ่นกล่าวต่อว่า ”ศิษย์พี่ใหญ่นำป้ายโลหะนั่นรุดหน้าไปทะเลเหนือ ได้รับบางอย่างกลับมา”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มสนใจขึ้นมา “เป็นสิ่งของที่มีความเกี่ยวข้องกับปฐพีพิภพจริงๆ หรือขอรับ”

 

“หลังจากตรวจสอบแยกแยะอย่างละเอียดแล้ว มีความเกี่ยวข้องอยู่จริงๆ แต่ยังต้องศึกษารายละเอียดในนั้น ทดลองและสังเกตการณ์อย่างรอบคอบ” ฟางจุ่นเอ่ยอย่างเรียบง่าย “การเก็บสะสมของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในอดีตก็มีอยู่ส่วนหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่ใช่ของที่สำคัญที่สุดในคำร่ำลือแต่อย่างใด และก็ไม่พบร่องรอยของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ของที่ได้รับในตอนนี้ อาจจะมีเบาะแสตามมาทีหลัง นี่ถือเป็นโอกาสของเจ้า รอหลังจากพลังฝึกปรือของเจ้าเพิ่มขึ้นในภายหลังแล้ว ก็หาเวลาไปจัดการด้วยตัวเองเถิด”

 

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ลำบากท่านอาจารย์ลุงใหญ่และท่านอาจารย์ลุงรองแล้วขอรับ”

 

ฟางจุ่นโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไร” ครั้นกล่าวจบก็นำแผนภาพแผ่นหนึ่งส่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ สิ่งอยู่กับแผนภาพนั้นมีเครื่องหยกสีฟ้าน้ำแข็งก้อนหนึ่ง

 

เขารับเครื่องหยกมา แล้วถ่ายปราณจิตราเข้าไปภายในนั้น บนแผนภาพพลันส่องแสงสีฟ้าและไอเย็นเป็นกลุ่มออกมา

 

ภายในเครื่องหยกสีฟ้าน้ำแข็งนั้น มีพลังมากมายมหาศาลแฝงอยู่

 

เทียบกับจิตมังกรน้ำแข็งแล้ว แม้จะมีความรวดเร็วฉับไวในด้านพลัง ทว่าในด้านคุณสมบัติกลับคล้ายว่าจะดีเยี่ยมเป็นพิเศษ

 

………………..