ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 152 พบจ้าวฮ่าวอีกครา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอรับแผนภาพและเครื่องหยกมา แล้วเอ่ยถามฟางจุ่น “ท่านอาจารย์ลุงรอง ศิษย์พี่สวีไม่ได้ร่วมเดินทางมากับพวกท่านหรือ”

 

ด้วยเหตุผลนานาประการ ศิษย์สืบทอดหลักของเขากว่างเฉิงที่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครานี้มีทั้งหมดเพียงสามคนเท่านั้น คนอื่นที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ ยกตัวอย่างเช่น ลู่เวิ่นหลังจากประลองกระบี่เจ็ดดาราคราก่อนพ่ายแก่ตน ก็เข้าฌานกักตนทันที จวบจนปัจจุบันยังไม่ได้ออกฌานเลย

 

สามคนที่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครานี้ นอกจากตนกับซือคงจิงแล้ว ก็ยังมีศิษย์ของสือเถี่ยและสวีเฟย ‘วิหคเวหา’

 

ฟางจุ่นกล่าว “สวีเฟยออกจากเขาไปช่วงหนึ่งแล้ว เขาน่าจะกำลังทัศนาจรอยู่ที่บึงพิภพ ครั้นได้รับข่าวคราวแล้ว เขาจะรีบรุดหน้าไปยังพื้นที่ที่จัดการประชุมฝ่านภาโดยตรง”

 

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า เดินทางไปพร้อมกับฟางจุ่นและซือคงจิง อาหู่เองก็ร่วมเดินทางไปด้วยเช่นกัน

 

จากบริเวณที่พวกเขาอยู่ มุ่งหน้าไปยังบึงพิภพจำเป็นต้องผ่านทางปฐพีพิภพด้วย

 

เคราะห์ดี ผ่านเรื่องราวในกาลก่อนมาแล้ว แม้ว่าปฐพีพิภพในปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ผืนหนึ่ง ทว่าก็สงบลงไปมากแล้วเช่นกัน

 

ด้วยพลังฝึกปรือของฟางจุ่น เขาไม่ถลำลึกเข้าไปภายใน เพียงแค่เดินทางผ่านเท่านั้น ไม่ส่งผลอะไรแต่อย่างใด

 

ฟางจุ่นนำเยี่ยนจ้าวเกอ ซือคงจิง และอาหู่ผ่านปฐพีพิภพจากกลางท้องนภา พลางมองลงไปด้านล่างที่มีหมอกดำลอยวนเวียน มันนิ่งเงียบไร้พลังชีวิตไปทั้งผืน กลายเป็นดินแดนนรกบนโลกมนุษย์ ทั้งสามคนล้วนนิ่งเงียบ ภายในใจมีความรู้สึกเดียวกัน

 

เยี่ยนจ้าวเกอเคยเข้าไปยังปฐพีพิภพและสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมเลวร้ายของปฐพีพิภพอย่างหุบเหวปราการด้วยตนเอง เขาจึงไม่รู้สึกแปลกตาหรือแปลกใจกับมันมากเท่าไร

 

เพียงแต่บัดนี้มองจากมุมสูงลงไปเช่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกบางอย่างมากกว่าเดิม

 

“ดูจากลักษณะนี้แล้ว เกี่ยวข้องกับปีศาจจากนพยมโลกอย่างแน่นอน ที่แห่งนี้เหมือนทางด้านทะเลตะวันออกดังคาด มีทางสัญจรแตกร้าวสายหนึ่งที่ทะลุไปยังโลกอื่นอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอรำพึง “เพียงแต่ว่าทางฝั่งทะเลตะวันออกทะลุผ่านไปยังโลกปีศาจอัคคี แต่ที่แห่งนี้ทะลุไปยังนพยมโลก”

 

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่นคิ้วขึ้น ในแววตาส่องประกายพยับเมฆ “นพยมโลกหรือนี่…”

 

ขณะเดินทางมุ่งหน้าไปทางใต้ จู่ๆ ก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น

 

อีกฝ่ายก็กำลังรีบเดินทางเช่นกัน และสังเกตเห็นการมาถึงของฟางจุ่นแล้ว จึงหมุนกายอย่างระมัดระวัง หลังจากมองเห็นชัดเจนว่าเป็นฟางจุ่น เขาก็พลันผ่อนคลายลงบ้างในทันที และหยุดฝีเท้าลง รอคอยฟางจุ่นและเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางมาใกล้

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป ผู้นำของอีกฝ่ายก็คือชายชราในอาภรณ์สีเขียว ลักษณะท่าทางแข็งกร้าวผู้หนึ่ง

 

ตนเคยพบคนผู้นี้มาก่อนแล้ว เขาก็คือผู้อาวุโสเก่าแก่จากเมืองมรกตท่านนั้น ที่ไปยังถังตะวันออกในตอนสงครามถังตะวันออก

 

บริเวณข้างกายของชายชราผู้แข็งกร้าวผู้นี้ กลับเป็นผู้เยาว์หลายคน แต่ละคนเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชาและมีพลังปราณเต็มที่

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองคร่าวๆ ก็แยกออกทันที ฝ่ายตรงข้ามล้วนแล้วแต่เป็นผู้โดดเด่นรุ่นเยาว์จากเมืองทะเลมรกตทั้งสิ้น มีบางคนยังเคยพบหน้ากันในการประชุมฝ่านภาเมื่อสามปีก่อนด้วย

 

ครานี้เมืองทะเลมรกตรุดหน้าไปยังบึงพิภพเพื่อเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา เห็นได้ชัดว่าชายชราที่ลักษณะท่าทางแข็งกร้าวผู้นี้เป็นผู้รับผิดชอบนำคณะ

 

ฟางจุ่นเห็นเขาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย พลางเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโสเฉิน พวกท่านก็มุ่งหน้าไปบึงพิภพเช่นเดียวกันหรือ ไยเดินทางจากปฐพีพิภพเช่นกันเล่า”

 

โลกแปดพิภพมีพื้นที่กว้างใหญ่ ถูกแบ่งเป็นแปดพิภพ ตำแหน่งที่ตั้งระหว่างกันของทั้งแปดพิภพ โดยภาพรวมเป็นเช่นดังต่อไปนี้

 

นภาพิภพและปฐพีพิภพอยู่ตรงใจกลาง วายุพิภพอยู่ทางตะวันตก วารีพิภพอยู่ทางตะวันออก อัสนีพิภพอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ภูผาพิภพอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ อัคคีพิภพอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ บึงพิภพอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้

 

เมืองทะเลมรกตมุ่งหน้าจากวารีพิภพไปยังบึงพิภพพ สามารถเดินทางทางบกได้ และสามารถเดินทางทางน้ำจากทางด้านตะวันออกได้เช่นกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องอาศัยผ่านทางปฐพีพิภพเหมือนเช่นเขากว่างเฉิงแห่งนภาพิภพแต่อย่างใด

 

“ก่อนหน้านี้นำพวกเขามาฝึกประสบการณ์ที่อเวจีพอดิบพอดี” ผู้อาวุโสเฉินแห่งเมืองทะเลมรกตกล่าวตอบ “เวลากระชั้นไปบ้าง จึงถือโอกาสไม่กลับเมืองทะเลมรกตแล้ว มุ่งสู่ทางใต้จากปฐพีพิภพโดยตรง ข้าคุ้มกันผู้อ่อนอาวุโสหลายคน นับเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อยู่”

 

ฟางจุ่นยิ้มน้อย “ท่านผู้อาวุโสเฉินถ่อมตัวเกินไปแล้ว แน่นอนว่านี่ไม่ครณามือท่าน”

 

ผู้อาวุโสเฉินมองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ ประกายตามีแววชื่นชมและตื่นตะลึง “เป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแล้วหรือนี่! ยามอยู่ที่ถังตะวันออก ข้าเหลือบมองไกลๆ แวบหนึ่ง เวลานั้นยังคาดไม่ถึงว่าตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะนภากลางจะปรากฏมังกรอีกครา ไม่เพียงแต่พรสวรรค์วิถีวรยุทธ์จะน่าทึ่ง ยังสามารถก่อกวนแนวโน้มสถานการณ์ใต้หล้าอีก”

 

เยี่ยนจ้าวเกอคำนับผู้อาวุโสเฉิน “ท่านผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ”

 

“ทว่าเจ้าแน่ใจหรือ ว่าหลินโจวแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ผู้นั้นแตกฉานในวิชาคมเชือกของเมืองทะเลมรกตจริงๆ” ผู้อาวุโสเฉินกล่าวถามตามตรง

 

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะกล่าวตอบว่า “ข้าสามารถยืนยันได้ หากหลินโจวไม่ยอมรับ ก็ถามเขาว่ากล้าทำพิธีโลหิตจิตหวนเวลาหรือไม่ เพราะข้าสามารถทำมันได้ทุกเมื่อ แต่หากเขาใช้วิชานั้นอีกครั้ง เพียงแค่สายตาของยอดฝีมือสำนักท่าน ก็สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนแล้วขอรับ”

 

สีหน้าผู้อาวุโสเฉินมีความอำมหิตอยู่บ้าง “เหอะ เจ้าเด็กนั้นหัวหดไม่โผล่หน้า ใจฝ่อเป็นอย่างยิ่ง”

 

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแล้วยิ้มอีก “เพราะเขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไม่ได้แล้ว ทว่าหากต้องพิสูจน์ยืนยัน กลับง่ายดายเกินไป”

 

เส้นสายตาของผู้อาวุโสเฉินมองไปทางเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่อัสนีพิภพตั้งอยู่ ใบหน้าปกคลุมด้วยพยับเมฆหนาแน่น “เรื่องนี้ไม่นับว่าจบสิ้น ไม่ช้าก็เร็วต้องค้นหาความจริงให้กระจ่าง”

 

“ในเมื่อเผอิญพบกัน ทั้งยังหนทางสะดวก หากท่านผู้อาวุโสเฉินไม่ถือสา ก็น่าจะเดินทางร่วมกันนะ” ฟางจุ่นเอ่ย

 

ผู้อาวุโสเฉินผงกศีรษะ “แน่นอน”

 

ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายนำลูกศิษย์ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน ศิษย์อ่อนอาวุโสของทั้งสองสำนักก็พบหน้ากัน

 

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำล่ำสันผู้หนึ่ง หน้าตามุทะลุอยู่บ้าง เขามองดูเยี่ยนจ้าวเกอพลางยิ้มถอนใจ “หลายปีมานี้ศิษย์น้องเยี่ยนช่างทำให้โลกหล้าชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงเสียจริง”

 

เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เกรงใจเช่นกัน ยิ้มกล่าว “ถ่อมตัว ถ่อมตัว”

 

ชายหนุ่มผู้นั้นชี้เขาพลางยิ้มพูด “เช่นนี้เรียกว่าถ่อมตัวหรือ หากเจ้าไม่ถ่อมตัวจะเป็นเช่นไร?”

 

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มทว่าไม่ตอบ ชี้ชายหนุ่มผู้นั้นพลางกล่าวแนะนำแก่ซือคงจิง “ผู้นี้คือศิษย์พี่เยี่ยแห่งเมืองทะเลมรกต นามว่าเยี่ยฉงโจว ผู้คนขนานเขานามว่า ‘มังกรทมิฬคะนองน้ำ’ ปีนี้อายุยี่สิบแปดปี ได้ยินมาว่าหลายวันมานี้บรรลุด่านขวางกั้น ปราณจิตราเจตจำนงหมัดสามารถกลายสภาพเป็นโลกลวงตาได้ เหยียบก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางแล้ว”

 

“เขาเป็นมิตรสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์พี่สวีของสำนักเรา เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากการร่ำสุรา” ในบรรดาศิษย์สืบทอดหลักสำนักกว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอบาดหมางกับลู่เวิ่น ทว่าความสนิทสนมกับสวีเฟยดียิ่ง แม้กระทั่งกับเยี่ยฉงโจวก็ค่อนข้างคุ้นเคยเช่นกัน “จริงสิ เขามีสัตว์วิเศษตัวหนึ่งนามว่ามังกรวารีทมิฬ คุณลักษณะดีเยี่ยม น่าเสียดายที่เจ้าของขี้เกียจจนเกินไป ไม่มีเวลาตั้งใจให้อาหารมัน สมญานามของศิษย์พี่เยี่ย ก็ได้มาจากสัตว์วิเศษตัวนี้ของเขาเช่นกัน”

 

เยี่ยฉงโจวจ้องเยี่ยนจ้าวเกอแสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยว “ทรัพย์สินตระกูลข้าก็น้อยนิดเพียงเท่านี้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนให้เจ้าขายไปเสียหมดแล้ว”

 

เยี่ยนจ้าวเกอแสดงสีหน้าเล่นแง่หยอกล้อเช่นเดียวกัน “ข้ากล่าวต่อหน้าเจ้า นี่เรียกว่าบริสุทธิ์ใจ หากเจ้ารู้สึกว่าข้ากล่าวสิ่งใดผิดไป สามารถแก้ไขข้าให้ถูกต้อง ณ ตรงนั้นได้พอดี”

 

“เจ้านี่มันช่างดื้อด้านเสียจริง!” เยี่ยฉงโจวส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้

 

ซือคงจิงคำนับเยี่ยฉงโจว เยี่ยฉงโจวเองก็แนะนำศิษย์น้องชายศิษย์น้องหญิงของเมืองทะเลมรกตตนเองแก่เยี่ยนจ้าวเกอและซือคงจิงรู้จักเช่นกัน

 

คนกลุ่มหนึ่งรวมกลุ่มกันร่วมเดินทาง ด้วยการนำคณะของฟางจุ่นและผู้อาวุโสเฉิน ไม่นานนักก็ข้ามผ่านปฐพีพิภพมาถึงบึงพิภพจนได้

 

การมาถึงของบุคคลที่มีระดับความสำคัญเช่นฟางจุ่นและผู้อาวุโสเฉินนี้ แน่นอนว่าหอคลื่นโหมก็มีผู้มากอำนาจต้อนรับเช่นกัน

 

ที่ประจวบเหมาะก็คือ เพิ่งมาถึงไม่ทันไรก็พบเห็นจอมยุทธ์แห่งเขาไร้พรมแดนที่เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน แทบจะพร้อมกันกับกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอ

 

ชายหนุ่มกวาดสายตามองไป เห็นศิษย์เขาไร้พรมแดนหลายคนอยู่ตรงนั้น หนึ่งในนั้นชัดแจ้งว่าคือจ้าวฮ่าว

 

จ้าวฮ่าวเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สายตาพลันหยุดนิ่งและกลายเป็นเย็นเยียบ

 

เพียงแต่ที่ยิ่งทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจมากกว่ากลับเป็นศิษย์เขาไร้พรมแดนอีกคนหนึ่ง ที่อายุค่อนข้างมากกว่าอยู่ข้างกายจ้าวฮ่าว มองไปแล้วดูน่าจะอายุสามสิบกว่าปี

 

สายตาที่อีกฝ่ายทอดมองมาเปี่ยมไปด้วยการคุกคาม ถึงขั้นดุร้ายอยู่หลายส่วน ประหนึ่งกับสัตว์ดุร้ายกระหายเลือดตัวหนึ่ง

 

………………..