หลี่มู่ส่ายหน้า บอกว่า “หากอาจารย์หวางพูดเช่นนี้ก็เชิญกลับไปเถิด ครั้งที่แล้วข้าบอกชัดแล้วว่าจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชิงอำนาจปกครองของราชวงศ์เด็ดขาด”
หวางเฉินเอ่ย “คุณชายหลี่โปรดฟังข้าก่อน ครั้งนี้มิใช่การช่วงชิงอำนาจ แต่เพื่อช่วยคน คิดว่าคุณชายคงได้ยินเรื่องภรรยาม่ายและบุตรสาวของขุนพลเจิ้นกั๋วคนก่อนถูกส่งมายังหน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอันแล้วกระมัง น่าสงสารผู้ภักดีที่ถูกใส่ร้ายจนตัวตาย รักษาภรรยาและบุตรสาวไว้ไม่ได้ ฝ่าบาทของข้ามีใจอยากจะช่วยเหลือแต่กำลังไม่พอ ดังนั้นจึงขอให้คุณชายเห็นแก่ชะตากรรมอันน่าเวทนาของภรรยาม่ายกับลูกสาวนาง ซึ่งก็คือชนรุ่นหลังของผู้ภักดี และลงมือช่วยสักครั้ง”
หลี่มู่อึ้งเล็กน้อย
เขาพลันเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหน่อย
มิน่าเล่า ด้านในและนอกถนนกลิ่นกำจายคืนนี้จึงมียอดฝีมือมากมาย ซ้ำยังมีกองกำลังทหารวางไว้อย่างลับๆ ที่แท้มีคนจะมาช่วยภรรยาและลูกสาวของขุนพลเจิ้นกั๋ว จึงได้แอบวางกำลังคนไว้
นอกจากนั้น อย่าเห็นว่าหวางเฉินพูดจาสบายๆ น่ากลัวว่าการช่วยคนครั้งนี้จะกลายเป็นวังวนการช่วงชิงอำนาจการเมืองของขั้วอำนาจทั้งหลาย ฝั่งหวางเฉินอยากช่วยคน ก็จะต้องมีฝั่งที่ไม่อยากให้เขาช่วยด้วย อีกทั้งพลังของฝ่ายที่ขัดขวางมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด หวางเฉินจึงจำใจมาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา
แบบนี้เรื่องก็น่าสนใจแล้ว
อันที่จริงเขารู้สึกเห็นใจภรรยาม่ายและลูกสาวกำพร้าของขุนพลเจิ้นกั๋วมาก
แต่เขาก็ยังยังส่ายหน้า ปฏิเสธทันควัน “ขอโทษด้วย อาจารย์หวาง โปรดอภัยที่ข้าไร้ความสามารถ”
หวางเฉินหน้าเปลี่ยนสี “คุณชาย หรือท่านจะใจแข็งจริงๆ ขุนนางตงฉินที่เคยสร้างคุณูปการปกป้องจักรวรรดิฉิน แต่ภรรยาและลูกสาวตกอยู่ในสถานเริงรมย์เช่นนี้ วิญญาณในปรโลกจะสงบสุขหรือ?”
หลี่มู่ไม่อยากพูดให้มากความ โบกมือไล่แขกทันที
หวางเฉินเห็นชัดว่าไม่อาจรับผลลัพธ์นี้ได้ จึงลองเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ “คุณชาย เรื่องนี้สำหรับท่านแล้วก็แค่เรื่องง่ายๆ แค่ยกมือเท่านั้น ทำไม…”
“อาจารย์เจิ้ง ส่งแขกแทนข้าที” หลี่มู่ตัดบทโดยพลัน
เจิ้งฉุนเจี้ยนเปิดประตูห้องส่วนตัวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “อาจารย์หวาง เชิญเถิด”
สีหน้าท่าทางของหวางเฉินร้อนรน “คุณชายหลี่จะไม่แยแสจริงๆ รึ?”
หลี่มู่หันกลับไปดูนางคณิกาชื่อดังคนสุดท้ายที่กำลังแสดงอยู่บนเวที เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว
“ไม่นึกเลยว่าคุณชายหลี่จะเป็นคนเลือดเย็นไร้จิตใจเช่นนี้ ข้าแซ่หวางมองคนผิดไปแล้ว…” หวางเฉินผิดหวังเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์เช่นนี้ผิดคาดโดยสิ้นเชิง ตามความเข้าใจที่เขามีต่อลักษณะการจัดการเรื่องราวของหลี่มู่ เดิมทีเขาคิดว่าหลี่มู่ต้องลงมือแน่นอน ขุนนางเมืองเลือดร้อนที่บุกฐานที่มั่นหลักของพรรคเสินหนงเพื่อประชาชนอำเภอขาวพิสุทธิ์ตาดำๆ คนหนึ่ง ไยจึงเฉยเมยต่อชะตากรรมตกยากของทายาทขุนนางผู้ภักดี?
“อาจารย์หวาง วิธีกระตุ้นขุนพลของท่านไม่ได้ผลกับข้า เชิญเถอะ” หลี่มู่โบกมือโดยไม่แม้แต่จะหันมา
สุดท้าย เจิ้งฉุนเจี้ยนเชิญหวางเฉินออกไปจากห้องส่วนตัว
……
“อ้อ ปฏิเสธรึ?” องค์หญิงฉินเจินถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ใบหน้าหวางเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกละอายและกล่าวโทษตัวเอง “เป็นข้าที่วิเคราะห์ผิดเอง เฮ้อ ข้าดูคนผิดไป…หลี่มู่คนนี้ เฮ้อ อย่าพูดถึงเลย” ตลอดมาเขาแนะนำองค์หญิงฉินเจินให้เก็บหลี่มู่เอาไว้ใช้เอง พูดชมหลี่มู่มาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เป็นเขาที่อาสา พูดคำโตว่าเชิญหลี่มู่มาช่วยได้แน่ แต่กลับคว้าน้ำเหลวกลับมา
จนถึงตอนนี้หวางเฉินก็ยังคิดไม่ค่อยตก
เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจหลี่มู่มาก สนใจและศึกษาหลี่มู่เป็นพิเศษ ทว่าตอนนี้กลับถูกหลี่มู่ตบหน้าเข้าอย่างจัง
“อาจารย์หวางอย่าได้โทษตัวเองเลย” องค์หญิงฉินเจินเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “แทนที่จะฝากความหวังไว้กับคนอื่น มิสู้พวกเราหาวิธีเอาเอง”
ในใจของนางไม่มีทางสงบเหมือนที่แสดงออกมาแน่ แต่โดยละเอียดแล้วพูดไม่ถูกว่าเป็นอารมณ์แบบใด
ดีใจ? ก็มีอยู่บ้าง เพราะคำปฏิเสธของหลี่มู่พิสูจน์ความคิดและการวิเคราะห์ที่ตนมีต่อเขาก่อนหน้านี้
ผิดหวัง? ก็มีเล็กน้อยเหมือนกัน เพราะจากการโน้มน้าวของหวางเฉินและอิทธิพลจากเรื่องราวต่างๆ ของหลี่มู่ ที่จริงนางคาดหวังในตัวเขาอยู่นิดๆ
“ต้องโทษข้าที่ซื่อเกิน ฝากความหวังไว้กับคนที่มองผิดไป ตอนนี้เรื่องใกล้เข้ามาแล้ว กลับทำแผนขององค์หญิงเสียเสียได้” หวางเฉินโทษตัวเอง
องค์หญิงฉินเจินกล่าว “สถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น หวังว่าวิญญาณของขุนพลถังบนสวรรค์จะคุ้มครองให้แผนของพวกเราสำเร็จ”
หวางเฉินพยักหน้า คิดอะไรขึ้นมาได้อีก จึงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตกใจ “หลี่มู่คงไม่…เปิดเผยแผนของพวกเรากระมัง?” เหงื่อซึมชื้นทันที
องค์หญิงฉินเจินส่ายหน้า “ไม่มีทาง”
นี่คือสิ่งที่ลางสังหรณ์บอกนาง
และลางสังหรณ์ของนางถูกต้องเสมอ
……
แผนของพวกหวางเฉินน่ากลัวว่าจะสำเร็จได้ยาก
นี่คือคำวิเคราะห์ของหลี่มู่
เพราะเขามองเห็นผู้แข็งแกร่งแอบซ่อนอยู่มากมายผ่านเนตรสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าวางแผนซุ่มโจมตี รอพวกองค์หญิงฉินเจินมาติดกับเอง
การต่อสู้ปะทุขึ้นเมื่อใด ฮวาเอ๋อร์อาจจะมีอันตราย
หลี่มู่คิดแล้วก็ลุกขึ้น เอ่ยว่า “ไปหลังเวที”
เขาต้องอยู่ข้างกายฮวาเสี่ยงหรง
รอคืนนี้ผ่านไปก็จะช่วยฮวาเสี่ยงหรงไถ่ตัว ถอนชื่อออกจากทะเบียน แล้วไปจากหน่วยเลี้ยงรับรอง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่มู่มาถึงหลังเวทีเวทีหลักโดยการนำของเจิ้งฉุนเจี้ยน หากระโจมของหอสดับเซียนเจอแล้ว
หลี่มู่นึกอะไรได้อีก จึงหันกลับไปพูดกับเจิ้งฉุนเจี้ยน “เจ้าไปหาหัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรอง คืนนี้ช่วยแม่นางฮวาและซินเอ๋อร์ถอนชื่อจากทะเบียน”
“รับบัญชา” เจิ้งฉุนเจี้ยนหมุนตัวจากไปทำกิจธุระ
เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับเขา ต่อให้ไม่ยกชื่อหลี่มู่ขึ้นมา อำนาจและตำแหน่งของเขาในเมืองฉางอันก็จัดการได้
จากนั้นหลี่มู่ก็เคาะประตูกระโจมแล้วเดินเข้าไป
“พี่มู่?” ฮวาเสี่ยงหรงกำลังรักษาบาดแผลให้ซินเอ๋อร์ เห็นหลี่มู่เดินเข้ามาก็ผลุงขึ้นอย่างดีใจ “ท่านมาได้อย่างไร?”
และมีเพียงต่อหน้าหลี่มู่เท่านั้น สตรีที่งดงามราวเซียนผู้นี้ถึงจะเผยท่าทีเหมือนสาวน้อย
หลี่มู่ลูบผมของนาง ยิ้มพูด “มาดูสาวงามที่ร่ายรำจนตะลึงไปทั่วแผ่นดิน” กิริยาค่อนข้างสนิทสนม จากการสัมผัสพูดคุยในหลายวันมานี้ พูดตามตรง หลี่มู่ค่อยๆ เริ่มเปิดใจรับฮวาเสี่ยงหรงแล้ว สาวงามดุจเทพเซียนที่ทรงเสน่ห์เช่นนี้ หัวใจผูกติดอยู่กับตัวเองทั้งดวง เขาก็ไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า จะไร้หัวใจไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?
ชายเกี้ยวพาหญิงห่างกันขุนเขากั้น หญิงเกี้ยวพาชายห่างกันเพียงชั้นผ้า
ความอ่อนโยนออดอ้อนของฮวาเสี่ยงหรง ในที่สุดก็สร้างความรู้สึกให้หลี่มู่ ทำให้เขาหวั่นไหวได้
“พี่มู่…” ฮวาเสี่ยงหรงเกาะไหล่ของหลี่มู่ หน้าแดงเล็กน้อย
หลี่มู่ดมกลิ่นผมของสาวงาม สายตาหยุดที่ใบหน้าของซินเอ๋อร์ มองเห็นรอยฝ่ามือจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ใครรังแกซินเอ๋อร์ของพวกเรา?”
ซินเอ๋อร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนี้อย่างน้อยอกน้อยใจ
นางน้อยใจไม่ใช่เพราะตัวเองโดนตบ แต่เพราะรู้สึกว่านายถูกหยามหมิ่นบ่าวก็สมควรตายด้วยความภักดี จึงออกไปทวงความเป็นธรรมให้คุณหนูของตน คนหอชิดสิเน่หาทำเกินไปจริงๆ
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ อย่าโมโหไป ข้าจะไปสังหารพวกหอชิดสิเน่หาไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียวเดี๋ยวนี้” หลี่มู่แกล้งพูดอย่างโมโห
“อ๊ะ อย่า…” ฮวาเสี่ยงหรงรีบห้ามไว้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่มู่ก็รู้ทันที พี่มู่กำลังแกล้งหยอกตน นางพูดเสียงอ่อน “พี่มู่ท่านนี่ร้ายจริงๆ”
หลี่มู่ใจเต้นโครมคราม
ปกติแล้วผู้หญิงบอกว่านายนี่มันร้ายจริงๆ จะหมายถึงอะไร?
หลี่มู่นึกถึงประโยคที่เป็นกระแสนิยมบนโลก[1]
ขณะกำลังจะพูดอะไร ประตูกระโจมก็เปิดออก ไป๋เซวียนเดินเข้ามาอย่างฉุนเฉียว “ทำชั่วได้ไม่ละอายใจจริงๆ เกินไปแล้ว เกินไปแล้ว…” นางพูดพลางเงยหน้าขึ้น เห็นหลี่มู่อยู่ด้วยก็ตกใจ คำที่จะพูดต่อก็เก็บลงไป
“คุณชายหลี่” นางรีบทักทาย
หลี่มู่ถาม “เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรไป?”
ไป๋เซวียนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเล่า “คนดังจากที่นั่งแขกผู้มีเกียรติให้คะแนน ฮวาเอ๋อร์ไม่ติดสามอันดับแรก”
นางยื่นอันดับรายชื่อฉบับหนึ่งที่ถืออยู่ให้หลี่มู่ บนนั้นเขียนอันดับที่คนดังให้คะแนนเหล่านางคณิกาคนดังทั้งสามสิบหลังจากแสดงรอบแรกจบ อันดับหนึ่งกลับเป็นลู่หงซิ่วแห่งหอชิดสิเน่หา อันดับสองคือซืออวี้หวาแห่งหอหยกละมุน อันดับที่สามคือคณิกาชื่อดังต่างถิ่นนามเซวียหรุ่ย ส่วนฮวาเสี่ยงหรงที่ร่ายรำงามล่มเมืองอยู่อันดับที่ยี่สิบเอ็ด
ต่อให้เป็นหมูของหน่วยเลี้ยงรับรอง ดูการแสดงครั้งนี้ไปแล้วก็รู้ว่าในนั้นจะต้องมีเบื้องหลังแน่นอน
คะแนนที่ได้จากรอบคนดังให้คะแนนกับคะแนนตะกร้าดอกไม้ หลังจากรวมกันแล้ว อันดับของฮวาเสี่ยงหรงในตอนนี้หลุดจากสามอันดับแรก
มีคนพุ่งเป้าเล่นงานฮวาเสี่ยงหรง?
หลี่มู่ขมวดคิ้ว ในใจเกิดความโมโห
ไป๋เซวียนกล่าว “ที่ผ่านมางานประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่งของหน่วยเลี้ยงรับรองนับว่ายุติธรรม ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงจึงนับว่าใช้ได้ นางคณิกาคนดังจากเมืองรอบๆ ต่างยินดีเข้าร่วม แต่ครั้งนี้โกงอย่างเห็นชัดเลย มีคนจงใจกลั่นแกล้งฮวาเอ๋อร์” นางมีโกรธยิ่งนัก
ระหว่างพูดอยู่ ข้างนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังมา
“คุณชาย” เป็นเสียงของเจิ้งฉุนเจี้ยน
หลี่มู่ขานรับ “เข้ามา”
เจิ้งฉุนเจี้ยนเดินเข้ามาอย่างกระอักกระอ่วน “หัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรองหลิวเฉิงหลงปฏิเสธการถอนชื่อทะเบียนของแม่นางฮวากับซินเอ๋อร์” แต่เดิมเขาคิดว่าเรื่องนี้จะราบรื่น แค่กลับเจออุปสรรคเข้าอย่างจัง พูดอย่างโหดร้ายก็คือหมดทางเยียวยา ภายหลังฉุกคิดได้ว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากลจึงรีบส่งคนไปสืบ แต่ก็ไม่มีข่าวที่แน่ชัดอะไรนักส่งมา
“หลิวเฉิงหลงเหมือนจะมีที่พึ่ง” เจิ้งฉุนเจี้ยนกล่าว
หลี่มู่คิดเล็กน้อย ตอบสนองทันควัน “องค์ชายสอง”
คนที่แอบขัดขวางเกรงว่าจะเป็นองค์ชายสองที่ดูเหมือนนับถือนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้นั้น
เมื่อครู่ฮวาเสี่ยงหรงก็บอกแล้วว่าหัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรองหลิวเฉิงหลงมาหา ดูเหมือนช่วยกู้หน้าให้นางกับซินเอ๋อร์ แต่แท้ที่จริงมาเชิญฮวาเสี่ยงหรงให้กับผู้สูงศักดิ์ที่ว่า ทั้งยังบอกอีกว่าผู้สูงศักดิ์คนนี้เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิฉินตะวันตก ไม่มีเรื่องใดจัดการไม่ได้
หากคำพูดของหลิวเฉิงหลงเป็นความจริงแล้วละก็ เช่นนั้นผู้สูงศักดิ์คนนี้คือองค์ชายสองแน่นอน
นอกจากองค์ชายสอง ไม่มีใครมีอำนาจถึงขั้นนี้
ต่อให้เป็นเจ้าเมืองหลี่กังเจ้าถิ่นเมืองฉางอันก็ยังห่างจากตำแหน่งนั้นอยู่อีกหน่อย
พูดแบบนี้ หมายความว่าองค์ชายสองคนนั้นจับจ้องความงามของฮวาเสี่ยงหรงตาเป็นมัน
ช่างกล้าคิดเสียจริง
หลี่มู่หัวเราะเยาะหยันในใจ
……………………………………………………
[1] นายนี่มันร้ายจริงๆ ประโยคนี้ล้อมาจากรายการโฆษณารถ Jaguar F-Type ประโยคที่เป็นกระแสคือ ‘เธอนี่ร้ายจริงๆ เลย แต่ฉันชอบนะ’ จุดนี้หลี่มู่นึกไปถึงประโยคด้านหลังด้วย