“ข้าไม่เห็นใครเลย ข้าเห็นแต่ท่านแม่คนเดียว คนอื่นๆ น่าจะไปอยู่ในที่ต่างๆ กันเพราะกระแสมิตินะแล้วก็เดิมทีเราก็ถูกคามิลล์พาไปแหละ” ดอกบัวสีทองพยักหน้า “พอมีเขาอยู่ด้วย เราก็จะไม่เสี่ยงติดอยู่ในช่องว่างมิติ แถมยังนอนหลับและอยู่นิ่งตลอดเวลาเลย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ปกป้องเราไม่ได้ เขาเองก็เจออันตราย ดังนั้นเขาเลยต้องเสี่ยงที่จะส่งเราเข้าไปในช่องว่างมิติไว้ก่อน”
“อะไรนะ? คามิลล์ตกอยู่ในอันตราย?” ชีอ้าวชวางตกใจ คนอย่างคามิลล์ที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างได้กำลังตกอยู่ในอันตรายหรือ อีกฝ่ายคือใครกันถึงบีบเขาให้มาถึงจุดนี้ได้?!
“ตอนนี้คามิลล์เป็นอย่างไรบ้าง?” ชีอ้าวชวางถามอย่างกังวล
“ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล ตอนนี้คามิลล์ต้องปลอดภัยแน่นอน” ดอกบัวสีทองปลอบโยน “เขาเดินทางผ่านกระแสมิติได้ตามต้องการ และเขาก็หลีกเลี่ยงคนคนนั้นได้ด้วย แต่ท่านแม่ช่วยบอกหน่อยสิว่าท่านแม่มาที่นี่ได้อย่างไร? แล้วที่บอกว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย นั่นคือใครหรือ?”
“เหลิ่งหลิงยวิ๋น! จินเหยียน!” ชีอ้าวชวางยืนขึ้นอย่างกังวลแล้วมองสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาด “แล้วก็ไดทันส์ โจนาธาน บริล พวกเขาหายไปหมดเลย”
ดอกบัวสีทองดึงชายเสื้อของชีอ้าวชวาง “ท่านแม่ รีบร้อนไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก นั่งลงก่อนแล้วบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่ตายในกระแสมิติหรอก ถ้าพวกเขาติดอยู่ในช่องว่างมิติก็แค่ผล็อยหลับไปและถูกพาไปยังที่ใดที่หนึ่งในกระแสมิติเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ต้องกังวลนะท่านแม่ ไม่มีเรื่องอะไรที่แก้ไขไม่ได้”
ชีอ้าวชวางรู้สึกประหลาดใจและก้มหน้าลงมองใบหน้าของดอกบัวสีทอง แต่ดวงตาบนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นเต็มไปด้วยความสงบและแน่วแน่ ชีอ้าวชวางรู้สึกได้ว่าดูเหมือนดอกบัวสีทองจะโตขึ้นและรับเรื่องต่างๆ ได้แล้วโดยที่นางไม่รู้ตัวเลย
“ดอกบัวสีทอง หลังจากพวกเจ้าและเฟิงอี้เซวียนหายตัวไปพร้อมกัน ข้าก็…” ชีอ้าวชวางเริ่มเล่าถึงรายละเอียดของการแยกทางกันให้ดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสีฟัง การแสดงออกของทั้งสองคนที่ได้ฟังนั้นคาดเดาไม่ได้เลย เดี๋ยวกังวล เดี๋ยวประหม่า เดี๋ยวอึดอัด เมื่อพวกเขาได้ยินเหตุการณ์ระหว่างโจนาธานกับชีอ้าวชวางแล้ว ทั้งคู่ก็อดกลั้นจนภายในเจ็บไปหมด น้ำตาของดอกบัวสีทองกำลังจะไหลออกมา ท่านแม่ใช้ร่างกายของนายน้อยเฟิงทำลายความจริงใจของเด็กสาวที่ไร้เดียงสาไปมากมายเลย สิ่งนี้ควรนับที่ท่านแม่หรือนับที่นายน้อยเฟิงกันนะ? สุดท้ายก็เล่าถึงชายชุดขาวว่าเป็นเหลิ่งหลิงยวิ๋น และหลังจากที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นรวมตัวเข้ากับต่างหูสีม่วงของชีอ้าวชวางแล้วก็ช่วยพวกเขาไว้ ดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสีก็มองหน้ากัน ดวงตาของสองคนนั้นก็ดูซับซ้อนมาก
“ท่านแม่ โลกที่เราอยู่ตอนนี้เป็นที่ที่คามิลล์พาพวกเรามา โลกแห่งนี้สวยงามมาก และก็มีชื่อเรียกในตอนกลางคืนที่งดงามด้วย ชื่อว่าสถานที่แห่งการออกเดินทาง” ดอกบัวสีทองขมวดคิ้วอย่างสงสัย “แต่ต่อมาข้ากับหินหมึกแก้วหลากสีก็ได้รู้ว่าโลกนี้เป็นพื้นที่ที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ทำไมถึงมีชื่อแบบนี้ พวกเราเองก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน”
“ใช่ แม่สามี ทุกคนที่มาที่พื้นที่นี่ได้ล้วนเป็นยอดฝีมือ ชื่อของที่แห่งนี้แปลกจริงๆ มันจะเป็นสถานที่แรกเริ่มได้อย่างไรกัน?” หินหมึกแก้วหลากสีงุนงง
“แล้วสถานการณ์ที่แห่งนี้ล่ะ?” ตอนนี้ชีอ้าวชวางอยากรู้ว่าที่แห่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ราชาสวรรค์คือผู้ปกครองสูงสุด ต่อจากนั้นก็จะมีราชาของเจ็ดสถานที่ที่แบ่งโลกแห่งนี้ออกเป็นเจ็ดส่วนและแยกกันดูแล” ดอกบัวสีทองพูด “ราชาแต่ละองค์มีเขตอำนาจขนาดใหญ่มาก แต่พวกเขาต้องภักดีต่อราชาสวรรค์ ปราสาทของราชาสวรรค์นั้นอยู่บนขอบฟ้าที่ไกลที่สุด มันถูกสร้างขึ้นบนทะเลสาบขนาดใหญ่ ราชาทั้งเจ็ดจะไปรวมตัวกันที่นั่นในช่วงเวลาหนึ่งของทุกๆ ปี และนอกจากการมอบบรรณาการให้ราชาสวรรค์แล้ว พวกเขายังต้องแสดงความความจงรักภักดีต่อราชาสวรรค์ด้วย”
“แล้วคามิลล์ล่ะ? เขาอยู่ที่ไหนในโลกแห่งนี้?” ชีอ้าวชวางกังวลเรื่องนี้มาก
“คามิลล์…” ดอกบัวสีทองนั่งลง “อันที่จริง เราทุกคนไม่รู้แน่ชัดว่าหมายถึงอะไรนะ แต่สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่นั้นน่าทึ่งมาก ปราสาทที่ราชาสวรรค์อยู่นั้นสร้างขึ้นบนทะเลสาบขนาดใหญ่ ที่ที่เป็นเงาสะท้อนนั้นคือที่ที่คามิลล์อาศัยอยู่”
“เงาสะท้อน!” ชีอ้าวชวางประหลาดใจ
“ต่อมาพวกเราลองมาคิดดูดีๆ มันไม่น่าจะเป็นเงาสะท้อนนะ แต่น่าจะเป็นการบิดเบือนของมิติ เพื่อให้ปราสาทที่เหมือนกันเชื่อมต่อกับปราสาทของราชาสวรรค์ และคามิลล์ก็อาศัยอยู่ในนั้นด้วย” หินหมึกแก้วหลากสีตอบอย่างจริงจัง
“เช่นนั้นคามิลล์ก็คือ…” ชีอ้าวชวางมีความคิดบางอย่างที่คลุมเครืออยู่ในใจ
“เราคิดว่าคามิลล์เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งนี้ และเขาก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้ด้วย แต่มีอยู่วันหนึ่งคามิลล์ดูเคร่งขรึมมาก และเขาก็บอกเราอย่างระมัดระวังว่าในที่สุดคนคนนั้นก็มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องส่งเราไป” ดอกบัวสีทองจำได้ว่าใบหน้านั้นมีความกังวลอยู่เล็กน้อย
“ต่อมาคามิลล์ส่งเราเข้าสู่ช่องว่างมิติและทำให้เราติดอยู่ในช่องว่างนั้นแล้วก็มีการสั่งห้ามอยู่รอบๆ ตัวเราตลอดว่าไม่ให้เราหลับ เขาสั่งเราว่าอย่าขยับ และบอกว่าเขาจะมารับเราแน่นอน แต่เราก็ไม่ได้รอเขา แต่การห้ามนั้นก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ เราเลยเกือบจะหลับไปแล้ว” หินหมึกแก้วหลากสีตอบ “ถ้าเราหลับไปแล้วไปย้ายไปที่ร่างของแม่สามี เราก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกพาตัวไปที่ไหน บางทีอาจจะไม่ได้พบแม่สามีอีกก็ได้”
“แต่ในที่สุดพวกเจ้าก็พบข้าและฉางคงหรือ? พวกเจ้าและฉางคงตัดสินใจเสี่ยงแลกเปลี่ยนร่างแล้วตกมาจากกระแสมิติสินะ” ชีอ้าวชวางค่อยๆ ทำความเข้าใจ
“ใช่ มันเสี่ยงมากจริงๆ หากเราล้มเหลว ไม่เพียงแต่เราจะหายไปจริงๆ แต่จิตวิญญาณและร่างกายของนายน้อยเฟิงกับท่านแม่ก็อาจถูกแยกจากกันตลอดไปและตกไปอยู่ในที่ที่ไม่รู้จักด้วย” ดอกบัวสีทองคิดแล้วก็ยังมีความกลัวอยู่บ้างในตอนนี้
“เวลานี้คามิลล์คงจะอยู่ในกระแสมิติ คนอื่นก็น่าจะเหมือนกัน แต่บางทีนายน้อยเฟิงอาจจะออกมาแล้วนะ เพราะสุดท้ายที่เราออกมา เขาก็น่าจะออกมาด้วย” ดอกบัวสีทองวิเคราะห์
“ข้าจะหาคนอื่นได้อย่างไร?” หัวใจของชีอ้าวชวางสับสนไปหมด กับเฟิงอี้เซวียน นางยังไม่ทันได้เจอเขาก็ต้องมาแยกจากกันแบบนี้แล้ว ส่วนเหลิ่งหลิงยวิ๋น ได้เจอกันแล้วแต่จำกันไม่ได้ และตอนนี้ก็ไม่รู้ที่อยู่ของจินเหยียนและคนอื่นๆ เลย
“ท่านแม่ ไม่ต้องห่วง มีวิธีที่จะหาพวกเขาเจออยู่! เราแค่ต้องเสี่ยงเข้าไปในกระแสมิติและค้นหาคามิลล์ให้เจอ แล้วทุกอย่างจะง่ายเอง” ดอกบัวสีทองรีบปลอบโยน
“เจ้านี่ ตอนนี้คามิลล์กำลังหลบหนีอยู่ จะไปหาเขาเจอได้อย่างไร? ถ้าเข้าสู่กระแสมิติโดยที่ไม่ระวังก็จะถูกพาไปที่ที่ไม่รู้จักนะ! ถึงเวลานั้นทำอย่างไรล่ะ?” หินหมึกแก้วหลากสียื่นนิ้วออกไปดีดหน้าผากดอกบัวสีทอง
“ก็ไม่แน่นะ เราไปที่ปราสาทของคามิลล์กันก่อนแล้วกัน ที่นั่นเคยเป็นทางเข้ามิติ บางทีคามิลล์อาจจะทิ้งอะไรไว้ข้างในนั้นก็ได้นะ?” ดอกบัวสีทองก้าวถอยหลังและยื่นตัวไปข้างหน้ากัดนิ้วของหินหมึกแก้วหลากสี จากนั้นหินหมึกแก้วหลากสีก็ตะโกนโวยวายทันที
“ใครกันที่จะบีบบังคับให้คามิลล์หนีไปได้…” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ เหมือนจะถามดอกบัวสีทอง แต่ก็ดูเหมือนจะพึมพำกับตัวเองด้วย
“ท่านแม่ วิธีเดียวในตอนนี้คือไปที่ทางเข้ามิติซึ่งอยู่ที่ปราสาทของคามิลล์ เราไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ต้องไม่ธรรมดาเลยที่จะทำให้คามิลล์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องเป็นเช่นนี้” ดอกบัวสีทองยักไหล่และยืนขึ้น “ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นอาณาเขตของราชาหมี่ซิวนะ ข้าเคยเจอคนคนนี้แล้ว คามิลล์พาเราไปที่งานเลี้ยงครั้งที่แล้วด้วย”
“ราชาหมี่ซิว?” ชีอ้าวชวางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามแล้วพูดเบาๆ “เขาเป็นคนแบบไหนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ไปเถอะ บอกทางไปปราสาทมา”
“ท่านแม่…”
“แม่สามี…”
สีหน้าของดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสีดูซับซ้อนมากและพวกเขาก็ยืนนิ่งไม่ขยับเลย
“อะไร?” ชีอ้าวชวางหันไปมองทั้งสองคนที่ไม่ขยับไปไหนด้วยความสับสน
“ลองดูสิ ท่านแม่ยังบินได้อยู่หรือไม่? ท่านแม่ลองสัมผัสพลังในร่างกายดูอีกครั้ง” ดอกบัวสีทองทนไม่ไหวแล้ว
ชีอ้าวชวางหลับตาลงสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที พลังในร่างกายอ่อนแอกว่าครั้งสุดท้ายที่สัมผัสในโลกอสูรมากกว่าครึ่งหนึ่งเลย! นางสูญเสียพลังไปมากกว่าครึ่ง ไม่ต้องพูดถึงการบินเลย แค่ลอยก็ยากแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ชีอ้าวชวางตกใจ นางคุ้นเคยกับพลังของร่างกายเฟิงอี้เซวียนแล้ว ดังนั้นการกลับมาที่ร่างกายตัวเองจึงรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย
“ในช่องว่างมิตินั้น ความแข็งแกร่งของท่านแม่หายไป ตอนสุดท้ายที่เราแลกเปลี่ยนร่างกายกัน เราก็ดึงเอาความแข็งแกร่งส่วนใหญ่จากท่านแม่มา ไม่อย่างนั้นความแข็งแกร่งของเราเพียงอย่างเดียวก็ทำไม่ได้” ดอกบัวสีทองอธิบายตามความจริง
“ช่างเถอะ ฝึกสมาธิเพิ่มก็ได้” ชีอ้าวชวางถอนหายใจ แม้ว่าจะบินไปที่ปราสาทไม่ได้เร็วๆ นี้ แต่ก็มีทางอื่นไม่ใช่หรือ? นอกจากนี้ สิ่งที่ปลอบโยนชีอ้าวชวางได้มากที่สุดก็คือทุกคนไม่มีอันตราย คามิลล์หนีเข้าไปในกระแสมิติ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทางหาคามิลล์ที่หลบหนีอยู่ในนั้นได้ไม่ใช่หรือ?
“ท่านแม่ คิดหาทางออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยกันเถอะ” ทันใดนั้นดอกบัวสีทองก็พูดด้วยสีหน้าขมขื่น
“หมายความว่าอย่างไร?” ชีอ้าวชวางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ราชาหมี่ซิวเจ้าชู้มาก ที่แห่งนี้คือสวนหลังบ้านของเขา คามิลล์เคยพาเราไปเดินรอบๆ มาก่อน ผู้ชายคนนี้…” ดอกบัวสีทองลังเล
“ผู้ชายคนนี้…เขา…สามารถ…” หินหมึกแก้วหลากสีกระตุกมุมปาก “ได้กลิ่นและจำคนได้ เรารีบไปจากที่นี่กันเร็วเข้า!”
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว ฟังจากดอกบัวสีทองก็พอจะรู้แล้วว่าราชาหมี่ซิวเป็นคนแบบไหน ตอนนี้กลับมาสู่ร่างเดิมแล้วอาจทำให้เกิดปัญหาบางอย่าง ฟังคำพูดของดอกบัวสีทองและรีบออกจากที่นี่ก่อนน่าจะดีกว่า เพราะพลังของนางหายไปเยอะมาก หากจะต้องมีเรื่องด้วยพลังในร่างกายที่มีอยู่ในตอนนี้ย่อมเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ชีอ้าวชวางพยักหน้าและเตรียมที่จะออกไปกับดอกบัวสีทองและหินหมึกแก้วหลากสี สถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นสวยงามและสงบมากจริงๆ สัตว์ตัวเล็กๆ ก็ไม่กลัวคนเลย แต่แล้วก็มีคนสามคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและมองมาทางชีอ้าวชวาง