ต่างหูคริสตัลที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นให้ไว้! มันเป็นดวงตาและพลังของเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วย! แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้สะท้อนพลังกับชายชุดขาวได้ล่ะ? ทำไมกัน? สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไปทันที เขามองเสื้อผ้าของชายชุดขาวที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วงแล้วก็มองไปที่ต่างหูที่ส่องประกายที่หูของชีอ้าวชวาง จากนั้นบางสิ่งในใจก็ดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นแล้ว
“ไม่ดีแล้ว! พื้นที่เปลี่ยนไป!” สีหน้าของผู้ทำนวยการดูแย่มากในตอนนี้ เขารู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าพื้นที่ในตาข่ายพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรงและดูเหมือนจะฉีกออกจากกันแล้ว “อย่าให้พวกมันหนีไปได้นะ!”
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ต่างหูของชีอ้าวชวางกระเด็นออกไปโดยอัตโนมัติและตรงเข้าไปในร่างกายของชายชุดขาวทันที จากนั้นก็เป็นแสงสีม่วงพร่างพราว และเมื่อแสงหายไป คนในตาข่ายทั้งหมดก็หายไปด้วย!
ที่ตรงหน้านี้มีแต่สีม่วงสวยงาม มองไม่เห็นอะไรเลย ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังลอยอยู่โดยไม่มีที่ยึด ชีอ้าวชวางอยากจะขยับแต่ก็ขยับร่างกายไม่ได้เลย นางอยากจะตะโกนแต่ส่งเสียงใดๆ ออกมาไม่ได้ และไม่รู้สึกถึงใครเลย มีแต่ความเงียบที่น่ากลัวอยู่รอบตัว ทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่งไปหมด เวลา ชีวิต ลมหายใจ และการเต้นของหัวใจ…
ชีอ้าวชวางค่อยๆ หลับตาลงและกำลังจะผล็อยหลับไป
“ชีอ้าวชวาง! อดทนไว้นะ อย่าหลับ!” ฉางคงที่อยู่ในร่างกายของชีอ้าวชวางพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน?” ชีอ้าวชวางยังคงรู้สึกวิงเวียนและง่วงนอนอยู่
“หลับไม่ได้นะ!” ฉางคงตะโกนสุดเสียง “นี่เป็นช่องว่างของมิติ! เจ้าจะหมดสติไม่ได้ หากหมดสติไป เจ้าจะตกลงไปในกระแสของมิติและไม่รู้ว่ามันจะพาไปไหนเลย จะกลับมาก็ไม่ได้ด้วย!”
อะไรนะ? ช่องว่างมิติ? ชีอ้าวชวางพยายามลืมตาอย่างลำบาก และบริเวณโดยรอบก็พร่ามัวไปหมด ไม่ใช่! มันไม่ได้พร่ามัว แต่นางลืมตาไม่ได้ต่างหาก และรอบตัวก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงดูพร่ามัว
“ตอนนี้เราอยู่ในช่องว่างของมิติ อย่าผล็อยหลับ อย่าขยับไปมา ไม่เช่นนั้นเราจะถูกย้ายไปยังกระแสมิติแล้วเราจะรับรู้อะไรไม่ได้เลย” เสียงของฉางคงหวาดกลัวเล็กน้อย
ชีอ้าวชวางเริ่มง่วงมากขึ้นเรื่อยๆ นางนึกขึ้นได้ว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ดูเหมือนจะติดอยู่ในช่องว่างมิติหลังจากเป็นสื่อกลางให้นางเปลี่ยนร่างกับเฟิงอี้เซวียน ภาพสุดท้ายค่อยๆ ปรากฏขึ้น ชีอ้าวชวางเริ่มจำสิ่งที่เกิดขึ้นบนชั้นเก้าของหอคอยดวงดาวได้แล้ว ชายชุดขาว! ชายชุดขาว! ในตอนสุดท้ายพลังของชายชุดขาวสะท้อนกับต่างหูคริสตัลสีม่วงที่หูของนาง! แต่ชายชุดขาวไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร! ชายชุดขาวคือเหลิ่งหลิงยวิ๋นหรือ?! ใช่แล้ว ต้องใช่แน่ๆ! แค่รูปร่างของเขาเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง ตอนนี้ต่างหูหายไปแล้ว ในวินาทีสุดท้ายนั้น ต่างหูหลุดออกมาและรวมเข้ากับชายชุดขาว สัญญาณทั้งหมดบ่งบอกได้เลยว่าชายชุดขาวคือ เหลิ่งหลิงยวิ๋น เหลิ่งหลิงยวิ๋นคือชายชุดขาว! พอนึกถึงคำพูดของฉางคงอีกครั้ง ชีอ้าวชวางก็อนุมานได้ทันที
เดิมทีเหลิ่งหลิงยวิ๋นติดอยู่ในช่องว่างมิติและเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงตกลงไปในกระแสมิติและถูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือว่านั่นจะเป็นรูปลักษณ์เดิมของเขานะ? แต่สุดท้ายเขาก็ไปถึงโลกแห่งความวุ่นวายและไปถึงที่นั่นก่อนที่ชีอ้าวชวางจะไปถึงอีก แต่ว่าเขาสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ทั้งหมดนี้ดูสมเหตุสมผลมากว่าทำไมนางและจินเหยียนถึงรู้สึกคุ้นเคยกับชายชุดขาวตอนที่เจอกัน ที่แท้ก็เป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคยนั่นเอง…เหลิ่งหลิงยวิ๋น!
แล้วทุกคนในตอนนี้ล่ะ? ชีอ้าวชวางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า หรือว่านางจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอด สติตอนนี้ดูเหมือนจะยิ่งเลือนรางไปเรื่อยๆ และเปลือกตาเริ่มหนักขึ้นแล้ว อยากนอนจริงๆ…
“ชีอ้าวชวาง ห้ามหลับ…แต่ แต่ข้าก็กำลังจะไม่ไหวแล้ว…” เสียงของฉางกงดังขึ้นเป็นระยะ “เจ้าเป็นแบบนี้ไม่ได้ ชีอ้าวชวาง เจ้าตายไม่ได้นะ…”
“ฉางคง ฉางคง ข้าง่วงมากมาก…” จิตของชีอ้าวชวางค่อยๆ นิ่งลงเรื่อยๆ
“เอาวะ! จะออกไปแล้ว ถ้าไม่ไหวก็เริ่มต้นใหม่!” จู่ๆ เสียงของฉางคงก็ดังยิ่งขึ้น เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นลำแสงก็ส่องประกายออกมาจากหน้าอกของชีอ้าวชวาง ขจัดหมอกที่อยู่ตรงหน้าไปจนข้างหน้าเริ่มชัดเจนขึ้น
“ฉางคง เจ้าจะทำอะไร…” เสียงของชีอ้าวชวางเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ แต่นางรู้สึกได้ว่าดูเหมือนฉางคงจะมีการตัดสินใจครั้งสำคัญ
“ชีอ้าวชวาง จำชื่อข้าไว้นะ…ฉางคง ตอนข้าตื่นขึ้นอีกครั้ง เจ้าต้องบอกข้า บอกชื่อของข้าและบอกข้าเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา…” เสียงของฉางคงเต็มไปด้วยความรู้สึกและพูดอย่างรวดเร็ว จากนั้นลำแสงที่อยู่ข้างหน้าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของชีอ้าวชวางรู้สึกถึงลางร้าย นางรู้สึกว่าฉางคงจะหายไปกลับมาไม่ได้อีก
“เฮ้ย ร่างเดิมของเจ้า!” ฉางคงกระซิบอย่างประหลาดใจ จากนั้นแสงสีขาวและแสงสีทองที่อยู่ข้างหน้าก็รวมเข้าด้วยกันเป็นประกายระยิบระยับ
ร่างเดิมอะไร…
ดวงตาของชีอ้าวชวางมืดลงและก็หมดสติไป ทุกอย่างหายไปแล้ว…
ฉางคง ช่องว่างมิติ ตัวเอง ทุกสิ่งรอบตัวดูเหมือนจะหายไปหมดแล้ว
“ท่านแม่ๆ ตื่นได้แล้ว เร็วเข้า!” เสียงที่คุ้นเคยดังก้องอยู่ในหัวของชีอ้าวชวาง
ดอกบัวสีทอง เสียงนี้คือดอกบัวสีทอง กำลังฝันอยู่หรือ? ใช่ ไม่ได้เจอดอกบัวสีทองมานานแล้ว แต่ตอนนี้กลับได้ยินเสียงของเขาในความฝัน คิดถึงเขาจริงๆ สมบัติที่เรียกได้ว่าเป็นลูกของนาง
“แม่สามี ตื่นเร็วเข้า ถ้าไม่ตื่นดอกบัวสีทองจะร้องไห้นะ” เสียงหวานดังถึงหูของชีอ้าวชวาง แม่สามี? ชื่อนี้…ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย ชื่อนี้ นี่คือชื่อที่หินหมึกแก้วหลากสีเรียกนางนี่ แต่ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้แตกสลายไปเพราะปกป้องนางหรือ? นางก็ฝันถึงสาวน้อยคนนั้นด้วยหรือ สาวน้อยน่ารักที่กลัวความเหงา
“พูดไร้สาระอะไร ข้าไม่ร้องไห้หรอก ผู้หญิงสิที่ร้องไห้” ดอกบัวสีทองดุแล้วหินหมึกแก้วหลากสีก็ยิ้ม แต่ประโยคถัดมาของดอกบัวสีทองทำให้ชีอ้าวชวางลืมตาขึ้นอย่างตกใจทันที “ท่านแม่ ท่านไม่ได้ฝันไปหรอก! นี่เป็นเรื่องจริง รีบตื่นขึ้นเถอะ!”
ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาว อากาศบริสุทธิ์ เสียงนกร้องและเสียงน้ำที่อยู่ไกลๆ แล้วก็! หน้าบานๆ ที่อยู่ตรงหน้านี้!
ชีอ้าวชวางลุกขึ้นนั่งทันที หน้าผากจึงชนกับหัวของคนที่อยู่ข้างหน้าเต็มๆ
“อ๊า ท่านแม่ ทำไมหัวของท่านแม่แข็งจัง!” ดอกบัวสีทองคร่ำครวญและกุมหัวไว้
ชีอ้าวชวางมองคนที่อยู่ข้างหน้าเขา ผมสีทองและดวงตาสีทอง เขาร้องและกุมหัวอยู่ ถัดจากเขาคือหินหมึกแก้วหลากสีที่ดูท่าทางโล่งใจและดูน่ารักมาก
“ฝันหรือ?” ชีอ้าวชวางพูดออกมา เสียงของเธอแหบเล็กน้อย แต่! เสียงนี้เป็นเสียงของนาง! เป็นเสียงผู้หญิง!
“ง่ำ!” ดอกบัวสีทองอดไม่ได้ที่จะยกแขนของชีอ้าวชวางขึ้นและกัดลงไป
ชีอ้าวชวางอ้าปากค้าง เจ็บ! เจ็บมาก! ความรู้สึกนี้สมจริงมาก!
“รู้แล้วใช่หรือไม่ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน? ฮึ่ม!” ดอกบัวสีทองเห็นชีอ้าวชวางอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดก็พูดขึ้น
“ดอกบัวสีทอง…หินหมึกแก้วหลากสี…” ชีอ้าวชวางมองดูเด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก้มหน้าลงมองร่างกายของตัวเองอย่างช้าๆ และเหยียดมือออกไปเพื่อดูฝ่ามือแล้วก็มองที่หลังมือ มือมีขนาดเล็กลงแล้ว นี่ไม่ใช่มือของเฟิงอี้เซวียนอีกต่อไปแล้ว ชีอ้าวชวางรู้สึกได้ว่าที่คอไม่มีลูกกระเดือกแล้ว!
“ท่านแม่ ท่านแม่จับหน้าอกตัวเองสิ มันนูนขึ้นมานะ” ดอกบัวสีทองหัวเราะคิกคัก
“ดอกบัวลามกนี่! ดูท่าทางครั้งหน้าข้าจะต้องดึงกลีบออกแล้ว เจ้าคนหลายใจ!” หินหมึกแก้วหลากสีโวยวายและดอกบัวสีทองก็แลบลิ้นใส่แล้วหยุดพูด
ใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่ชีอ้าวชวางจะฟื้นสติได้ และในที่สุดก็ยอมรับความจริงที่ว่านางได้กลับมาสู่ร่างของตัวเองอีกครั้งแล้ว!
เฟิงอี้เซวียนล่ะ? วิญญาณและร่างกายของเฟิงอี้เซวียนอยู่ที่ไหน?
สีหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไป เกิดอะไรขึ้นในช่องว่างมิติ?!
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้า พวกเจ้าไม่ได้ติดตามร่างกายข้าและไปที่แห่งนั้นกับเฟิงอี้เซวียนหรือ? ที่นี่ที่ไหนกัน?” ชีอ้าวชวางหันมองไปรอบๆ ที่นี่รายล้อมด้วยป่าไม้เขียวร่มรื่นน่าอยู่ จากตรงนี้ไปไม่ไกลก็มีลำธารไหลเอื่อยอยู่ด้วย มีกวางสองตัว ตัวใหญ่หนึ่งตัวเล็กหนึ่งกำลังดื่มน้ำอยู่ที่ริมลำธาร พอมันรู้สึกได้ถึงสายตาของชีอ้าวชวาง พวกมันก็แค่มองมาทางนี้เล็กน้อยและยังคงก้มหน้าดื่มน้ำต่อไป กระรอกน้อยกระโดดไปรอบๆ บนกิ่งไม้ มันถือลูกสนไว้ที่อุ้งเท้าและมองมาที่ชีอ้าวชวางด้วยความสงสัย และที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ก็มีกระต่ายน้อยสองตัวกำลังจ้องมาทางด้านนี้อยู่
“ท่านแม่ ฟังพวกเราดีๆ นะ” ใบหน้าของดอกบัวสีทองเริ่มจริงจังและนั่งลงตรงข้ามกับชีอ้าวชวาง จากนั้นหินหมึกแก้วหลากสีก็นั่งลงข้างๆ ดอกบัวสีทอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ฉางคงล่ะ? ฉางคง!” หัวใจของชีอ้าวชวางจมดิ่งลงเมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายของ ฉางคงที่พูดราวกับว่าจะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องนาง
“ท่านแม่พูดถึงธาตุที่ช่วยเราแลกเปลี่ยนร่างกายหรือ? ชื่อของเขาคือฉางคงนี่เอง…” ดอกบัวสีทองประหลาดใจ “พลังของเขาบริสุทธิ์มาก เป็นธาตุลม และข้าคือธาตุไฟ จิตวิญญาณของเฟิงอี้เซวียนเป็นธาตุลม จิตวิญญาณของท่านแม่เป็นธาตุไฟ เราจึงรู้สึกถึงกันได้ในช่องว่างมิติ ข้าจำได้ว่าเป็นท่านแม่ ดังนั้นในช่วงเวลาวิกฤติ เราจึงเลือกที่จะต่อสู้ร่วมกันและแลกเปลี่ยนสองร่างกลับ นี่คือพลังที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น และความผูกพันจะไม่หายไป ในทางตรงกันข้ามคือพึ่งพากันได้ เพียงแค่รักษาสติและร่างกายไว้ได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว หากพลังหมดลงก็เพียงแค่ฝึกฝนอีกครั้ง ฉางคงช่างกล้าหาญจริงๆ ใช่ ข้าชอบเขา ต่อไปในอนาคตเขากับข้าจะได้เจอกันอีก” ดอกบัวสีทองพูดอย่างรวดเร็วโดยชีอ้าวชวางไม่ได้ขัดจังหวะเลย นางทำเพียงแค่ฟังอย่างระมัดระวังเท่านั้น
“ทำไมร่างกายของข้าถึงอยู่ในกระแสมิติด้วย? พวกเจ้าไม่ได้ถูกคามิลล์พาไปด้วยหรือ? แล้วคนอื่นๆ ที่อยู่กับข้าล่ะ? คนอื่นๆ อยู่ที่ไหน” ใบหน้าของชีอ้าวชวางไม่สบายใจ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ การหยุดชั่วคราวในกระแสมิติเป็นสิ่งที่อันตรายมาก แม้แต่คามิลล์ก็จะไม่ทำเรื่องอันตรายเช่นนี้ เขาจะให้ตัวนางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไรกัน?