ตอนที่ 335

เสน่ห์คมดาบ

“ข้าก็หิวนิดหน่อย ไปกันเถอะ” ชีอ้าวชวางตอบ

โจนาธานดีใจและพูดติดกัน “ดีเลย เราไปกินปิ้งย่างและดื่มกันเถอะ ข้าเลี้ยงเอง…”

จากนั้นทั้งสองเดินไปตามถนนทางทิศตะวันตกของสถาบัน

ตอนนี้ไดทันส์กำลังว้าวุ่นใจอยู่ในหอพักเพียงลำพัง

ชีอ้าวชวางเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?!

ชีอ้าวชวางเป็นผู้หญิง!

คนเดียวในโลกที่รู้จักและรู้ใจเขา แท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง!

ไดทันส์คิดย้อนกลับไปในตอนที่เขาเจอชีอ้าวชวางเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นชีอ้าวชวางผลักประตูมาอย่างใจเย็นโดยที่พวกเขายังพูดไม่ทันจบ และปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอย่างเฉยเมย พอเข้าร่วมการทดสอบของหอคอยดวงดาว นางก็เป็นคนแรกที่เข้าใจความหมายของคำพูดของเขาในรอบหลายปีที่ผ่านมา และนางก็เร็วมาก! นอกจากนี้ดูเหมือนว่านางจะเดาได้ทันทีไม่ว่าเขาจะทำอะไรลงไป แม้ว่าคนรอบข้างจะประหลาดใจเพียงใด นางก็จะยังคงมีท่าทีที่เหมือนคิดเอาไว้แล้วเสมอ

แบบนี้จะทำอย่างไรดีนะ?

คนที่เขาอยากร่วมทางด้วยเป็นผู้หญิง!

สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเขารู้สึกว่ามีคนสองสามคนกำลังเข้ามาใกล้ที่นี่ และความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาด้วย

“คนคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วย” ชายชุดขาวขมวดคิ้วและพูดเรียบๆ “เราไปก่อน ไปทำลายเวทมนตร์นั่น เมื่อก่อนข้าเป็นหนี้บุญคุณวาเลนไทน์ ข้าไม่อยากทำอะไรพวกเขาที่นี่”

“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่คิดปล่อยพวกเราไปนะ” โจนาธานยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “พวกเขาต้องมาหาเราแน่ คิดจะทำอะไรกัน?”

“ทำวงเวทแล้วจับพวกเรา จากนั้นก็จะส่งไปให้คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา” ชายชุดขาวตอบสั้นๆ “ไปกันเถอะ ทำลายวงเวทที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ตอนนี้พวกเรามีคนมากขนาดนี้ การจะทำลายวงเวทนั่นน่าจะเป็นเรื่องง่ายทีเดียว”

“คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา…” ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและพูดประโยคนี้ซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไมจึงนึกถึงคำพูดของจิงเฟิง ดูเหมือนจิงเฟิงจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ก็ไม่เป็นไร ในไม่ช้านางจะไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่าเป็นใครกันแน่

เมื่อชายชุดขาวพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นและบินนำไปข้างหน้า จากนั้นทุกคนก็ตามไป เวลานี้ฉางคงก็พูดจากในร่างกายของชีอ้าวชวาง “ชีอ้าวชวาง! เจ้าโกหกข้า! เจ้าเป็นผู้หญิง ยิ่งกว่านั้น…” เสียงของฉางคงเต็มไปด้วยความยินดี “ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้หญิงที่สวยมากด้วย อ้ากกก มีความสุขมาก ข้าอยู่ในร่างสาวสวย” คำพูดนี้มันช่างดูคลุมเครือจริงๆ

“เจ้า…” ชีอ้าวชวางงุนงงและพูดกับฉางคงอย่างลับๆ

“เจ้าไม่บอกข้าเลยว่าเจ้าเป็นคนสวย” ฉางคงพูด

“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?” ชีอ้าวชวางตอบอย่างรำคาญ

“หึ! ข้าอยู่กับเจ้า จะเป็นจะตายก็เป็นคนของเจ้าแล้ว อย่าคิดจะทิ้งข้า” ฉางคงดิ้นอยู่ในร่างกายของชีอ้าวชวาง “อีกอย่างนะ ชีอ้าวชวาง ตอนนี้ข้าก็มีร่างของตัวเองแล้ว เหอะๆ ตอนนี้ข้าเป็นหนุ่มสุดหล่อแล้ว”

“โอ้ ยินดีด้วย” ชีอ้าวชวางพูดแล้วเดินตามชายชุดขาวและคนอื่นๆ ที่บินต่อไปข้างหน้า

“ชีอ้าวชวาง รอให้เจ้าเห็นข้าก่อนเถอะ อย่าตกหลุมรักข้าแล้วกัน” ฉางคงยิ้ม

“อยู่ดีๆ เถอะ” หลังจากที่ชีอ้าวชวางตำหนิ ฉางคงก็ปิดปากของเขาอย่างเชื่อฟังและเงียบทันที

กลุ่มคนบินตรงไปตรงกลางโดยการนำของชายชุดขาว ชีอ้าวชวางก็รู้สึกได้ว่ามีหลายคนที่มาจากทิศทางอื่นและมาเจอกันที่ศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว

ผู้อำนวยการหยุดอยู่ข้างหลังพวกผู้อาวุโสและมองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็ได้ก้าวเข้าสู่มิติสูญสลายแล้ว”

“พอแล้ว อย่าทำตัวเจ้าเล่ห์อีกเลย” ชายชุดขาวเยาะเย้ย “ทุกคนรู้ดีว่าหากเข้าสู่มิติสูญสลายแล้วจะมีแรงดึงดูดบังคับให้ไปยังที่แห่งนั้น แต่ยังดีที่มีพื้นที่ให้หยุดอยู่ที่นี่ได้บ้าง”

“ฮ่าๆ ไดทันส์ ชีอ้าวชวาง โจนาธาน บริล พวกเจ้าอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของคนคน นี้เลย เราจะส่งพวกเจ้าไปที่แห่งนั้นเอง” ผู้อำนวยการพูดอย่างเป็นมิตรพร้อมรอยยิ้ม แต่มือด้านหลังกลับกำลังเคลื่อนไหว

“ข้อแก้ตัวของเจ้ามันจริงๆ เลยนะ” โจนาธานพูดอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อเราบรรลุเข้ามาแล้วยังจะต้องให้พวกเจ้าส่งไปอีกหรือ? สถานที่ที่เจ้าจะส่งเราไปนั้นเกรงว่าจะไม่ธรรมดาเหมือนที่แห่งนั้นสินะ?”

“มันเป็นที่แห่งนั้นจริงๆ แต่น่าจะเป็นสถานที่ที่ใครบางคนกำหนดไว้สินะ?” ชีอ้าวชวางมองผู้อำนวยการและพูดประโยคนั้นหยั่งเชิง

สีหน้าของผู้อำนวยการเปลี่ยนไปเล็กน้อยตามที่คาดไว้ แต่มือที่อยู่ข้างหลังเขาก็ทำท่าทางที่ซับซ้อนมากขึ้นอีก วาเลนไทน์ที่มีแขนอยู่ข้างเดียวก็ก้มหน้าตลอดไม่เคลื่อนไหวอะไร

“ใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า? จุดประสงค์ในการก่อตั้งสถาบันดวงดาวเพื่อรวบรวมผู้แข็งแกร่งให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้าคืออะไร? จุดประสงค์ของเขาคืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามคำถามออกมาเป็นชุด

ผู้อำนวยการยิ้มและพูดช้าๆ “เจ้าอยากรู้ขนาดนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะตกใจกลัวเมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว” ผู้อำนวยการยิ้ม ช้าเกินไปจริงๆ เขาพบว่าตอนนี้วาเลนไทน์ลังเลอีกแล้ว เขาไม่ลงมือเลย วิธีการใหม่ที่นายท่านสอนพวกเขาไว้มันไร้ประโยชน์หรือ?

“วาเลนไทน์ ถ้าเจ้าลังเลเช่นนี้ เจ้าจะรับผิดชอบผลที่ตามมาหรือไม่? เจ้าลืมสิ่งที่ข้าพูดไปแล้วหรือ? แม้ว่าเจ้าจะไม่อยากกลับไป แม้ว่าเจ้าจะเต็มใจที่จะทนต่อความเจ็บปวดที่นายท่านมอบให้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเต็มใจนะ! การที่นายท่านส่งเจ้ามามันเป็นเรื่องผิดพลาดจริงๆ! หากตอนนี้เจ้ายังไม่ชดใช้ความผิดแล้วจะรอไปถึงเมื่อไหร่?!” ผู้อำนวยการแอบคุยกับวาเลนไทน์อย่างลับๆ สีหน้าของวาเลนไทน์เปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็ยังลังเลที่จะลงมืออยู่

“วาเลนไทน์!” ผู้อำนวยการตะคอก

“อ๊าก!” ในที่สุดวาเลนไทน์ก็ร้องออกมาดังๆ ความเจ็บปวดเกิดขึ้นกับเขาและร่างกายนั้นก็ระเบิดออกในทันที จากนั้นร่างนั้นก็กลายเป็นตาข่ายแสงขนาดใหญ่ปกคลุมพวกของชีอ้าวชวางทั้งหมดเอาไว้ภายใน ผู้อำนวยการและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ได้แสดงขั้นตอนวิธีการสุดท้ายพร้อมกัน มือของพวกเขาก็ปล่อยแสงจำนวนมากออกมาดึงตาข่ายแสงที่ปกคลุมชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ ไว้ข้างใน

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ แม้แต่ชายชุดขาวก็ไม่ทันตั้งสติเช่นกัน

คนคนหนึ่งจู่ๆ ก็หายไปแล้วกลายเป็นตาข่ายที่มาคลุมพวกเขาเอาไว้

“เบแคม อ้อ ไม่สิ เจ้าไม่ใช่เบแคมตัวจริง เราไม่รู้ชื่อเจ้าด้วยซ้ำ” ผู้อำนวยการเอามือไปด้านหน้าและลำแสงก็ออกมาจากมือขวาของเขา

“วาเลนไทน์เป็นอย่างไรบ้าง?” สีหน้าของชายชุดขาวดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ และถามอย่างร้อนรน

“อย่างที่เจ้าเห็น ตายไปแล้ว โอ้ ควรจะต้องพูดว่าหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ถูกอยู่ดี เขาแค่เปลี่ยนร่างกายและวิญญาณของเขาให้เป็นตาข่ายนี้ เขาใช้คุณค่าสุดท้ายที่เหลืออยู่เพื่อทำงานสุดท้ายให้นายท่าน เบแคม เจ้าคิดว่าเราจะใช้วงเวทมาเพื่อจับพวกเจ้าหรือ?” ผู้อำนวยการยิ้มอย่างดูถูกและอธิบายการตายของวาเลนไทน์อย่างคร่าวๆ

“เจ้ามันเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน! แม้แต่คนของตัวเองก็ทำแบบนี้ได้!” สีหน้าที่สงบของชายชุดขาวค่อยๆ โกรธขึ้น

“ตอนที่เขาปล่อยเจ้าไปมันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก แต่การทำเช่นนี้ในตอนนี้ก็เป็นเพียงการชดใช้เท่านั้นเอง! นอกจากนี้ ข้าคงต้องบอกเจ้าว่าทุกครั้งที่เจ้าโจมตีตาข่ายนี้ เจ้ากำลังตีร่างของวาเลนไทน์ผู้มีพระคุณของเจ้าอยู่ น่าสนใจใช่หรือไม่?” ใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้อำนวยการยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส

ชายชุดขาวบีบมือแน่น กัดฟันและหยุดพูด

ไดทันส์สีหน้าเย็นชา เขาโจมตีตาข่ายแสงที่ดักจับพวกเขาไว้โดยไม่พูดอะไรเลย แต่ก็มีบางอย่างที่น่าประหลาดใจเกิดขึ้น พลังของไดทันส์กระทบกับตาข่ายกลายเป็นเบาราวกับก้อนหินเล็กๆ ที่ถูกโยนลงไปในทะเลโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย และดูเหมือนว่ามันจะถูกดูดซึมไปด้วย?!

ไดทันส์ขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง โจนาธานไม่เชื่อและลองทำเอง แต่มันก็เกิดในสิ่งที่เหมือนกัน พลังทั้งหมดถูกดูดซับและตาข่ายนี้ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

“เบแคม เจ้านี่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ ในเมื่อคราวที่แล้วเราใช้วงเวทจับเจ้าแล้วไม่ได้ผล เจ้าคิดว่าเราจะเสี่ยงด้วยวิธีนั้นอีกหรือ? ตอนนี้เจ้าไม่ต้องดิ้นรนแล้ว ตาข่ายนี้ไม่มีใครในโลกแห่งนี้ที่จะหลุดพ้นไปได้หรอก ในที่แห่งนั้นก็มีน้อยคนนักที่ทำได้ เพราะว่านี่คือสิ่งที่คนคนนั้นเป็นมอบให้ ฮ่าๆ…” ผู้อำนวยการหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็มองไปที่ชีอ้าวชวางและไดทันส์และหัวเราะอีก “เจ้าสองคนยอดเยี่ยมมาก คราวนี้ ในที่สุดเราก็จะกลับบ้านเกิดได้แล้ว ขอแค่เจ้าสองคนก็พอแล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร?” ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงและถามอย่างเย็นชา คนนั้นคือใคร? ทำไมผู้อำนวยการดูมั่นใจขนาดนี้?!

บริลพยายามใช้ทั้งร่างกายของเขาโจมตีตาข่ายแสงรอบๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ จินเหยียนชกหมัดออกไป ตาข่ายแสงก็ขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมในทันที โจนาธานเองก็ไม่ละความพยายามในการจะระเบิดตาข่าย ส่วนไดทันส์สงบลงแล้วและไม่ทำอะไรอีก

“เดี๋ยวก็รู้แล้ว พวกเจ้าจะกลายเป็นความว่างเปล่าและไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป ดูเหมือนจะไม่ควรพูดแบบนนี้ และพวกเจ้าควรกลับไปที่จุดเริ่มต้นนะ ดีเลย ไม่ต้องเสียงแรง” ผู้อำนวยการหัวเราะอย่างมีชัย ช่างเป็นเรื่องตลกจริงๆ ถ้าคนที่อยู่ข้างหน้าเหล่านี้ทำลายตาข่ายของนายท่านได้ สู้ให้พวกเขาเชื่อว่าโลกใบนี้จะถูกทำลายยังดีเสียกว่า

“ฝันไปเถอะ!” ชายชุดขาวตะโกนอย่างโกรธจัด และแสงสีขาวก็พราวไปทั่วร่างกายของเขาในทันที จากนั้นก็มองร่างของเขาไม่ชัด

“ไม่มีประโยชน์หรอก ขอแนะนำว่าอย่าเสียเวลาดีกว่า…” ผู้อำนวยการยังไม่ทันพูดจบก็ตะลึงไปเลย เพราะจู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าแสงบนเสื้อผ้าสีขาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง ไม่สิ มันเป็นแสงสีม่วงที่ค่อยๆ ผสานกับแสงสีขาวจนเสื้อผ้าสีขาวกลายเป็นสีม่วง ผู้อำนวยการหันไปมองแหล่งกำเนิดแสงสีม่วงอย่างประหลาดใจ เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหลังเขาก็ประหลาดใจมากเช่นกัน ทุกคนในตาข่ายแสงต่างก็จ้องมองไปที่แหล่งกำเนิดแสงสีม่วง พวกเขาเห็นว่ามันถูกปล่อยออกมาจากติ่งหูของชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน มองจากหางตาของนาง แสงสีม่วงที่ส่องจากติ่งหูเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเป็นประกายแพรวพราวมากขึ้นด้วย