ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 114

จื่ออานปล่อยเขา นางยิ้มอย่างเยือกเย็น และมองเขาอย่างเหยียดหยาม แล้วหันหลังเดินจากไป

ที่ประตูพระตำหนัก อาฟาที่ยืนอยู่ตรงประตู เขาได้ยินการเคลื่อนไหวและการสนทนา พอจื่ออานเดินออกมา เขาก็กล่าวอย่างเย็นชา “กะอีแค่ได้อภิเษกกับผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ? ถึงกับจองหองแบบนี้เลยเหรอ? จะได้อภิเษกหรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้เลย ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิไม่ใช่คนโง่ เขาจะอภิเษกกับสตรีที่ประพฤติชั่วเช่นนี้หรือ?”

เป้าหมายของจื่ออานที่มาพระตำหนักเยว่ชิงก็คือเขา เพื่อเผชิญหน้ากับเขานางจึงมา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดหรือไม่พูด กริยาท่าทางในการพูดจะเป็นเช่นไร วันนี้เขาจะต้องตาย

ดังนั้นหลังจากที่เขาพูดแล้ว จื่ออานก็ยิ้มให้เขาอย่างมีเสน่ห์ หน้าตาของนางราวกับว่าพบเจอกับเรื่องน่ายินดีมา

อาฟามองนางอย่างชิงชัง ใครจะรู้ว่ารอยยิ้มนั้นนางมอบให้กับคนที่อยู่ด้านหลังเขาดู

จื่ออานเดินไปใกล้ ๆเขา และจ้องไปที่ดวงตา “เซี่ยหลินอยู่ข้างหลังเจ้า”

สีหน้าของอาฟาเปลี่ยนไปมาก เขาหันหลังกลับไปทันที กลับพบว่าที่ด้านหลังของเขาไม่มีใครทั้งนั้น

เขาโมโหมาก “เล่นบ้าอะไรของเจ้า”

ใบหน้าของจื่ออานดูไร้อารมณ์ “เจ้ากลัวเซี่ยหลินมากเหรอ? เขาเป็นเพียงเด็กคนนึงนี่ เจ้าจะกลัวอะไร?”

อาฟากล่าวด้วยความโกรธ “รีบไปซะ”

จื่ออานกลับเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น แทบจะตัวติดอาฟาแล้ว นางอ้าปาก พ่นลมหายใจออกมา “มีกฎบางอย่าง ที่พวกเราทั้งสองคนต่างรู้ นั่นคือ ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

อาฟาตกใจอย่างสุดขีด มองไปที่นาง กลับพบว่ารอยยิ้มบนหน้านางได้หายไปนานแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เหมือนปีศาจร้าย แววตาอาฆาตแวบผ่านเข้าไปในตาเขา

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก กระแสไฟฟ้าอันทรงพลังแผ่ออกมาจากหัวใจ แม้กระทั่งเขาเองก็ยังไม่รู้สึกตัวว่ากำลังจะตายในอีกไม่ช้า จากนั้นเขาก็สูญเสียการรับรู้ไป

จื่ออานก้าวเท้ายาว ๆ ออกไป

จื่ออานเดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงดังตุบที่ดังมาจากด้านหลัง นางไม่หันกลับไป และหายลับตาไปจากพระตำหนักเยว่ชิง

อาฟามาตายแบบนี้ โดยที่บนตัวไร้ซึ่งบาดแผล พระสนมเหมยเรียกหมอหลวงมา หมอหลวงก็ตรวจหาสาเหตุการตายของเขาไม่เจอ บอกว่าหัวใจของเขาหยุดเต้นอย่างกะทันหัน

พระสนมเหมยได้สอบปากคำและตรวจสอบดู ก็มีคนเห็นเซี่ยจื่ออานกับอาฟาคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอาฟาก็ล้มลงไป

“เล่ามา? การสนทนาของพวกเขาดูอาฆาตมาดร้ายกันหรือไม่?”พระสนมเหมยกล่าวถาม

ข้าหลวงรับใช้ต่างพูดกันว่าในเวลานั้นเซี่ยจื่ออานพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม สองคนนั้นพูดอะไรกันบ้าง พวกเขาก็ไม่ได้ยิน

พระสนมเหมยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กล่าวกับมหาเสนาบดีเซี่ย “ข้าขอเตือนท่านอย่าได้ไปมีเรื่องขัดแย้งกับนาง นางไม่ใช่เซี่ยจื่ออานคนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

มหาเสนาบดีเซี่ยกล่าวอย่างสบประมาท “พระนางคิดจริง ๆ หรือว่า นางสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย? นางไม่รู้ศิลปะการต่อสู้เลย องครักษ์ของพระนางคนนี้ เกรงว่าจะเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ? เป็นแค่คนรับใช้คนนึง จะตายก็ตายไปเถอะ มีอะไรให้ควรค่าแกการต้องตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่?”

พระสนมเหมยส่ายหัวแล้วกล่าว “วันนี้เจ้าหัวเสียแล้ว ข้าจะไม่พูดอะไรกับเจ้ามาก เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดี ๆ ต่อไปไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรหรือไม่มีก็ตามก็ไม่ต้องเข้าวังมาพบข้า เรื่องของจวนมหาเสนาบดีของพวกเจ้า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก”

อาฟาตายอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้พระสนมเหมยเสียขวัญ นางรู้ว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น มหาเสนาบดีเซี่ยไม่ได้มองดูให้ดีเอง หรือบางทีเขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้วก็ได้ ถึงได้ไม่เห็นความแปลกประหลาดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

มหาเสนาบดีเซี่ยผิดหวังในตัวพระสนมเหมยมาก เขายิ้มเย้ยหยัน “พระนางใจเสาะเช่นนี้ จะวางแผนการในอนาคตให้องค์ชายสามได้อย่างไร?

“ในตอนนี้ข้าหวังเพียงให้เขาปลอดภัย สำหรับในชีวิตของเขาจะมีโชคมากแค่ไหน ล้วนไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะมีอำนาจไปกำหนดได้” พระสนมเหมยกล่าว

มหาเสนาบดีเซี่ยพูดจาคลุมเครือ “ก็เพียงหวังว่าพระนางจะไม่เสียใจภายหลัง”

พูดจบ เขาก็ลืมเซี่ยหลินไปเลย แล้วก็ออกจากวังไปคนเดียว

พระสนมเหมยที่กำลังตื่นตระหนกและหวาดกลัว นางเองก็ลืมเซี่ยหลินเหมือนกัน

เซี่ยหลินผู้น่าสงสาร ถูกคนลืมไปทั้ง ๆ แบบนี้