ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 115

ตอนที่จื่ออานกลับไปถึงจวน ก็ใกล้จะถึงเวลาโหย่วแล้ว

หลังจากฆ่าอาฟา นางก็ไปทูลลาหวงไท่โฮ่ว แน่นอนว่า มีแม่นมหยางและองครักษ์ร่วมทางไปด้วย

หวงไท่โฮ่วพูดคุยกับนางอยู่ครู่นึง แล้วก็ให้นางไป

เมื่อองค์อ๋องเหลียงกลับมาที่จวน นางก็ไปที่จวนของเขาก่อน จัดแจงที่บรรทมให้เขาดีแล้ว และเมื่อนางได้กำชับหมอหลวงที่ตามมาด้วยให้ใส่ใจดูแลเขาเป็นพิเศษแล้ว นางก็กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีดังนั้น นางถึงได้ให้แม่นมหยางส่งเสี่ยวซุนกลับไปก่อน

เข้ามาในจวนมหาเสนาบดีแล้ว สีของท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง

ตามกฎแล้ว หากนางกลับมาจากข้างนอกจะต้องไปคำนับเหล่าฟูเหริน แต่ว่านางได้ตรงไปหาเซี่ยจื้อย้วนเลย

หยวนซื่อพอเห็นจื่ออานกลับมา ก็กอดจื่ออานเบา ๆ “ลำบากเจ้าแล้ว”

จื่ออานกอดหยวนซื่อ ความเศร้าโศกภายในจิตใจแผ่ซ่านออกมา ความเจ็บปวดพุ่งเข้าสู่หัวใจ เหนื่อยล้าไม่จบสิ้น “ท่านแม่ หลินหลินตายแล้ว”

หยวนซื่อตกใจจนสั่นไปทั้งตัว ผละออกจจากตัวจื่ออานแล้วมองไปที่นาง “เจ้าว่าอะไรนะ?”

จื่ออานเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าให้หยวนซื่อฟัง หลังจากที่หยวนซื่อฟังแล้ว นางก็ทรุดลงไปนั่งที่เก้าอี้ น้ำตาหลั่งออกมาในทันที

เด็กคนนั้น เด็กดีคนนั้นน่ะ เขาคือสิ่งบริสุทธิ์เดียวในจวนมหาเสนาบดีที่โสมมนี่ แต่กลับไม่มีเขาอีกแล้ว?

หยวนซื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมองจื่ออาน “อยู่ในวังก็ยังกล้าลงมือ? พวกเขาใจกล้าขนาดนี้เชียวหรือ? อาฟาเป็นคนของพระสนมเหมย เขาไม่ดูให้ดีก็ยิงลูกธนูออกไป หมายความว่ามีคนสั่งให้ฆ่า แต่ว่าพระสนมเหมยเป็นคนที่รอบคอบมาโดยตลอด ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้”

“มหาเสนาบดีเซี่ยก็อยู่ที่พระตำหนักของพระสนมเหมย” จื่ออานกล่าวอย่างเย็นชา

น้ำเสียงของหยวนซื่อเย็นยะเยือก “เขาเข้าวังไปตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ได้ไปเพราะเรื่องอื่น แต่ไปด้วยเรื่องการฆ่าเจ้า”

“แต่กลับเป็นหลินหลินที่ถูกฆ่า” ภายในใจของจื่ออานมีความรู้สึกผิดและความทุกข์ที่พูดออกมาเป็นคำพูดได้

หยวนซื่อกุมมือของนางไว้ “จื่ออาน ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

จื่ออานมองดูเซี่ยหลินจากไปด้วยตาของตนเอง อารมณ์ความรู้สึกที่โศกเศร้าเสียใจนี้นางไม่เคยลบมันออกไปได้เลย

“จริงสิ เรื่องพิษของเจ้าเป็นยังไงบ้าง? ข้ารู้ว่าเจ้าถูกพวกเขาวางยา” จู่ ๆ หยวนซื่อก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ จึงรีบถาม

จื่ออานตอบ “หมอหลวงได้ต้มยาล้างพิษให้แล้ว ข้าดื่มอยู่สองวัน รู้สึกดีขึ้นมาก เพียงแค่กินต่อไปอีกสักสองสามวันก็จะหายดี”

“เช่นนั้นก็ดี ต่อไปอยู่ในจวนต้องระมัดระวังตัวหน่อย พวกเราแม่ลูกจะต้องระวังตัวให้ดี” หยวนซื่อกล่าว

จื่ออานนั่งลงไป ในใจคิดใคร่ครวญ ถึงจะระมัดระวังตัวแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นการสมรู้ร่วมคิดกันลอบทำร้าย ตอนนี้นางยังปลอดภัยได้อยู่ชั่วคราว อย่างน้อย ๆ ถึงแม้พวกเขาจะมีแผนการ ก็คงไม่กล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้ง

มหาเสนาบดีเซี่ยกว่าจะกลับถึงจวนก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว หลังจากที่เขาออกจากวังมา เขาก็ไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยม ดื่มจนเมาหัวราน้ำถึงได้กลับจวน

พอมาถึงจวน เหล่าฟูเหรินก็ได้ใช้ให้คนไปพาเขาเข้ามา

เขายังไม่ได้ล้างหน้า ก็เข้ามาทั้งอย่างนั้น หลิงหลงฟูเหรินมองแล้วมองอีกก็ไม่เห็นเซี่ยหลิน ก็คิดว่าเขาคงเล่นสนุกอยู่ที่ลานด้านหน้าจวน ก็เลยแทบไม่ได้สนใจเขา รีบพามหาเสนาบดีเซี่ยเข้าไป

เหล่าฟูเหรินนั่งอยู่หน้าระเบียง โคมไฟที่แขวนอยู่ที่นั้นส่องสว่างไปถึงใบหน้าที่นิ่งสงบของนาง

นางกำลังหมุนลูกประคำในมืออยู่ เงยหน้าขึ้นชำเลืองมองไปที่มหาเสนาบดีเซี่ยแล้วกล้วกล่าวอย่างไม่พอใจนัก “เข้าวังไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพิ่งจะกลับมาตอนนี้ กลับมาแล้วก็ช่างเถิด ในยามนี้ยังดื่มหนักเช่นนี้อีก ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด”

พูดจบ ก็มองที่หลิงหลงฟูเหรินอย่างโกรธเคือง “เจ้าก็เหมือนกัน ไม่รู้จักเอาใจใส่สามีเลยสักนิดเดียว ทำไมถึงไม่ต้มชาให้เขาดื่มเพื่อให้สร่างเมา?”