ซูฉิงเดินไปนอนที่โซฟา
หลังจากพิธีมอบรางวัลคืนนี้ ทุกคนก็รู้ว่าเธอเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง***
ซูฉิงเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ตอนนี้ตัวตนถูกเปิดเผยแล้ว ต่อไปสงสัยว่าจะไม่อิสระเหมือนอย่างตอนนี้แล้ว
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องในใจเงียบ ๆ สติของเธอก็ค่อยๆ ลอยออกไปจนเธอเข้าสู่ห้วงนิทรา
แต่ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ในห้องไม่เคยออกห่างซูฉิงไปไหนเลย
เมื่อเห็นซูฉิงล้มตัวลงบนโซฟา เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นเงียบมาก ไม่มีเสียงหายใจบางเบาของซูฉิงด้วยซ้ำ
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปนั่งข้างซูฉิง
ดวงตาลึกของเขาจ้องไปยังใบหน้าของซูฉิง
แสงจันทร์สลัวสาดลงบนใบหน้าของซูฉิง ทำให้เธอมีผิวนวลขึ้น
ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและเล็กเท่าฝ่ามือ หลับสวยเหมือนเจ้าหญิงนิทรา ทั้งเย้ายวนและมีเสน่ห์
ฮ่อหยุนเฉิงอดเอนไม่ได้ที่จะเอนตัวลงและกดจูบเบาๆ บนใบหน้าของซูฉิง
ซูฉิงส่งเสียงและขดตัวโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเธอนอนบนโซฟาไม่สบายตัว ฮ่อหยุนเฉิงจึงยื่นมือออกมาอุ้มซูฉิง
เขาอุ้มซูฉิงไปที่ห้องอย่างระมัดระวังและวางไว้บนเตียงใหญ่
ฮ่อหยุนเฉิงที่เพิ่งนอนลงข้างซูฉิงและกำลังห่มผ้าให้ จู่ๆ ซูฉิงก็ยื่นมือออกมากอดฮ่อหยุนเฉิงไว้แน่น
“อย่าขยับนะเจ้าหมีน้อย ให้ฉันกอดหน่อย” ซูฉิงละเมอพูดก่อนจะลูบหัวเขาอีกสองสามที
“หมีน้อยเด็กดีจริงๆ” ในฝันซูฉิงรู้สึกว่าเธอกำลังอุ้มหมีของเล่นอยู่อย่างสบายและกอดจูบหมีน้อยอีกด้วย
ริมฝีปากหวานแตะเข้าที่แผ่นอกของซูฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเขาพลันนิ่งขึ้น
เขาส่งเสียงกระซิบข้างใบหูซูฉิงว่ากลับมาอยู่ข้างเขาได้ไหม?
“หมีน้อยอย่าส่งเสียงดัง ฉันจะนอน” ซูฉิงบ่นพร้อมขมวดคิ้ว
ฮ่อหยุนเฉิงจูบเธอที่หน้าผากก่อนจะเอื้อมมือออกไปช่วยเธอคลุมผ้าห่ม
เช้าวันรุ่งขึ้น
แสงแดดจ้าสาดส่องบนเตียงใหญ่ผ่านหน้าต่างกระจก
ซูฉิงตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง และทันทีที่เธอลืมตาขึ้นก็พบกับดวงตาลึกคู่หนึ่งโดยไม่คาดคิด
“ฮ่อหยุนเฉิง ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?” ซูฉิงตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยตรงหน้าเธอ
เมื่อมองไปรอบๆ ถึงคิดได้ว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นมานอนอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไร
เมื่อคืนเธอนอนบนโซฟาไม่ใช่เหรอ?
ฮ่อหยุนเฉิงอุ้มเธอขึ้นมาบนเตียง?
“ฮ่อหยุนเฉิง นายคิดทำอะไรน่ะ?” ซูฉิงถามอย่างระมัดระวัง
ฮ่อหยุนเฉิงยกยิ้มริมฝีปากบางเซ็กซี่ก่อนจะพูดด้วยน้ำขี้เล่น “ตอนนี้เหมือนจะเป็นเธอที่คิดทำอะไรถึงได้กอดฉันไว้มากกว่าล่ะมั้ง”
ตอนนั้นเองซูฉิงถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกอดคอเขาไว้แน่น
ซูฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือของเธออย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนช่วงสลึมสลือ เหมือนเธอจะฝันว่าเธอกำลังกอดหมีของเล่นในวัยเด็กทั้งยังจูบไปอีกตั้งหลายที
พระเจ้า เธอไม่ควรทำอะไรเลยเมื่อคืนนี้ใช่ไหเมื่อคืนเธอคงไม่ได้ทำอะไรลงไปใช่ไหม?
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงจึงกระตุกมุมริมฝีปาก “มีของในตู้เย็นไหม? ฉันจะทำอาหารเช้าให้เธอเอง”
“ไม่ต้องหรอก ไม่รบกวนนายดีกว่า ฉันทำเอง” แม้ว่าฝีมือการทำอาหารของฮ่อหยุนเฉิงจะดีมาก แต่ซูฉิงอายเกินกว่าจะปล่อยให้ประธานฮ่ออย่างเขาทำอาหารด้วยตัวเอง
ซูฉิงที่คิดจะยืนขึ้น แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงรั้งตัวไว้
เขาก้มศีรษะลงมองซูฉิงด้วยสายตาลึกซึ้งก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม “ไม่รอบกวนหรออก แค่เธอยินยอม ฉันจะทำอาหารเช้าให้เธอกินไปตลอดชีวิตเลย”
พูดจบฮ่อหยุนเฉิงก็หันหลังเดินไปที่ห้องครัว
เมื่อมองไปที่ร่างสูงตระหง่านของฮ่อหยุนเฉิง ความคิดของซูฉิงก็ผันผวน
ราวกับว่าพวกเขาได้ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขายังรักกันอยู่
ฮ่อหยุนเฉิงก็เคยพูดอะไรทำนองนี้
อันที่จริงมันเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งเดือน
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างนั้น ซูฉิงก็ราวกับเหมือนถูกแยกออกจากอีกโลกหนึ่ง
สูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง ขับไล่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ออกไป ก่อนจะล้มตัวนอนและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข่าว
เป็นอย่างที่คิด พิธีมอบรางวัลเมื่อคืนได้พุ่งขึ้นไปเป็นอันดับเรกของช่องการค้นหา
และซูฉิงที่เป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ก็ได้เป็นข่าวที่ระเบิดยิ่งกว่า ความเห็นด้านล่างต่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“คุณซูฉิงน่าทึ่งมาก! รักมาก!!”
“ที่แท้คุณซูก็เป็นบอสของซุปเปอร์สตาร์เฉิน ไม่ใช่เมียน้อย! แต่ก่อนเป็นเราทุกคนเองที่เข้าใจคุณซูผิดไป!”
“ฉันยังหวังจริงๆ ว่าคุณซูจะคบกับซุปเปอร์สตาร์เฉิน แต่น่าเสียดายที่การสู่ขอเมื่อคืนนี้เป็นเพียงการโปรโมต”
“คุณซูกับคุณฮ่อดีกว่า ฉันอยู่ทีมซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิง!”
คราวนี้พวกข่าวไม่ดีที่เกี่ยวกีบเธอที่เคยโด่งดังบนอินเทอร์เน็ตก็หายไปหมดแล้ว
หลังจากอ่านข่าวอยู่พักหนึ่ง ซูฉิงก็วางโทรศัพท์ ก่อนจะยืนขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว
ฮ่อหยุนเฉิงกำลังง่วนอยู่ในครัว
เขาเห็นซูฉิงมายืนอยู่ตรงประตูห้องครัวจากหางตา ใจก็พลันสั่นและแสร้งทำเป็นใช้มีดหั่นผักในมือ
“โอ๊ย บาดมืดแล้ว!” ฮ่อหยุนเฉิงอุทานอย่างเกินจริง ก่อนจะเอามือซ้ายปิดนิ้วชี้ขวา
ซูฉิงตกใจและเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เจ็บ…” คิ้วเรียวของฮ่อหยุนเฉิงขมวดแน่น สีหน้าของเขาฉายถึงความเจ็บปวด
“ทำไมถึงประมาทแบบนี้? ให้ฉันดูหน่อย” ซูฉิงกล่าวด้วยความเป็นห่วง
เธอเอื้อมมือออกไปจับมือฮ่อหยุนเฉิงเพื่อดูบาดแผลของเขา
ฮ่อหยุนเฉิงที่รู้ทัน มือใหญ่ก็กักตัวซูฉิงไว้อย่างแน่นหนา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “ซูฉิง เธอเป็นห่วงฉัน”
ซูฉิงหลุบตาลงมอง มือของฮ่อหยุนเฉิงยังคงดีและไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย!
เมื่อกี้เขาจงใจแกล้ง!
ซูฉิงล่ะพูดไม่ออก
เมื่อคืนแกล้งป่วย วันนี้แกล้งทำเป็นบาดเจ็บ…
ท่านประธานฮ่อที่สูงศักดิ์ต่อหน้าคนอื่นๆ กลับมีด้านที่ไร้เดียงสาแบบนี้
“ฮ่อหยุนเฉิง นี่นายไร้เดียงสาขนาดนี้เลยหรือไง!” ซูฉิงขมวดคิ้วและมองฮ่อหยุนเฉิงด้วยความโกรธ
ทันทีที่สิ้นเสียง ริมฝีปากของซูฉิงก็ถูกฮ่อหยุนเฉิงผนึกไว้
“อื้อ อื้อ…” ซูฉิงสูดอากาศเย็นก่อนจะดิ้นรน แต่เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่อหยุนเฉิงและไม่สามารถหลุดพ้นได้เลย
จูบอย่างท่วมท้นของฮ่อหยุนเฉิงจนซูฉิงรู้สึกแทบขาดอากาศหายใจ
ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นทำให้ฮ่อหยุนเฉิงต้องการมากกว่านี้…
เขาวางมือบนศีรษะของซูฉิงก่อนจะกดจูบให้แนบแน่นขึ้น
อุณหภูมิในครัวเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น ซูฉิงก็ได้กลิ่นฉุนๆ
กลิ่นอะไร?
เธอหายใจถี่ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของซูฉิงเหลือบไปที่กะทะบนเตา และเห็นว่าไข่ดาวที่อยู่ในนั้นกลายเป็นสีดำจนควันสีดำลอยอยู่รอบๆ
เธอผลักฮ่อหยุนเฉิงออกและอุทาน “ไหม้แล้ว!!”
ฮ่อหยุนเฉิงหันหลังให้กับเตา และเมื่อเขาได้ยินเสียงอุทานของซูฉิงจึงได้ปล่อยตัวเธอ
หันหลังกลับไป ฮ่อหยุนเฉิงก็รีบปิดเตาแก๊สทันที
เมื่อกี้พยายามดึงดูดความสนใจของซูฉิงจนลืมไข่ที่ทอดเอาไว้ไปเลย
ซูฉิงจ้องมองชายตรงหน้านิ่ง “ฮ่อหยุนเฉิง นายบ้าไปแล้วเหรอ!”
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปข้างหน้าวางมือบนไหล่ของซูฉิงและพูดด้วยเสียงทุ้ม “ถ้าฉันไม่บ้า ฉันจะคิดถึงเธอแบบนี้หรือไง!”
ซูฉิง: …