เพราะคำพูดของมู่ชิงเกอจึงทำให้ลู่เจี้ยฉายแววผิดหวังออกมา
คำตอบนี้เขาคาดการณ์ได้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ในน้ำเสียงเกรงใจแฝงความห่างเหิน “ขอบคุณ ข้ารู้ดีว่าชีวิตของข้าเป็นอย่างไร แต่หลีเอ๋อร์ก็ยังไม่ยอมแพ้”
มู่ชิงเกอดวงตาวูบไหว พูดเสียงเรียบ “ชีวิตของเจ้าจะเป็นอย่างไร เจ้ารู้แน่ชัดจริงๆ หรือ”
ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อยไม่พูดอะไร
มู่ชิงเกอถามเขาอย่างสงสัยอีกครั้ง “หากข้าบอกว่า สิ่งที่ขาดไปในชีวิตของเจ้าคือจิตวิญญาณหลัก เจ้าเชื่อหรือไม่”
“เชื่อ เจ้าเป็นถึงสหายของหลีเอ๋อร์ นางเชื่อข้าก็เชื่อด้วย” ลู่เจี้ยตอบกลับไปด้วยท่าทีสงบเช่นเดิม
“หากข้าบอกว่าเจ้าจะอยู่ได้อีกแค่ครึ่งปีล่ะ” คำพูดของมู่ชิงเกอคมชัดยิ่งขึ้น
แต่ลู่เจี้ยกลับค่อยๆ คว้ามือนางเข้ามา “อย่าบอกหลีเอ๋อร์ได้หรือไม่”
“เจ้าไม่อยากให้นางรู้หรือ” มู่ชิงเกอหรี่ตา
ลู่เจี้ยไม่ตอบแต่ถามกลับ “เจ้ามา เพราะอยากพรากเจียงหลีจากไปใช่ไหม”
ประโยคนี้ทำเอามู่ชิงเกอกระตุกคิ้วเบาๆ นางคลี่ยิ้ม “เจ้านี่รู้ดีไปเสียทุกอย่าง ดูท่าทางเจียงหลีคงบอกเจ้าทุกเรื่องหมดแล้ว”
“ถูกแล้ว ด้วยอุปนิสัยของหลีเอ๋อร์หากนางถูกเปิดโปงนางยังจะปิดบังต่อไปอีกหรือ มู่ชิงเกอ หลีเอ๋อร์เคยเอ่ยถึงเจ้า เคยบอกว่าเจ้าคือคนที่สำคัญที่สุดของนาง” ลู่เจี้ยกล่าว
“นางพูดเช่นนี้จริงหรือ” มู่ชิงเกอยิ้มล้อเลียน
“แน่นอน” ลู่เจี้ยพยักหน้า
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้ามาเพื่อพานางกลับไป เช่นนั้นเจ้ายอมให้นางไปหรือไม่” มู่ชิงเกอถามลองใจ
แต่ลู่เจี้ยกลับยิ้ม “ข้าจะยอมหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญกว่าคือหลีเอ๋อร์ยอมจากไปเองหรือไม่ต่างหาก”
มู่ชิงเกอจ้องเขาด้วยความสงสัยอยู่นานสองนาน ทันใดนั้นก็ยิ้มภายใต้สายตาที่สงบของเขา “ถึงแม้ข้าจะช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ไม่ได้ แต่ทว่า ข้าช่วยให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีกแปดสิบปี”
ลู่เจี้ยแววตาเป็นประกาย ค่อยๆ ช้อนสายตาคู่งามขึ้นมามองนาง แปดสิบปี! เขาก็จะมีอายุครบหนึ่งร้อยปีเลยใช่หรือไม่
“แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้ด้วยว่าเจียงหลีจะไม่หยุดแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ อายุขัยของนางก็จะยืนยาวขึ้นเรื่อยๆ รอจนเจ้าแก่ชรา ไม่แน่นางอาจยังคงความสวยอ่อนเยาว์เอาไว้ เจ้าก็มิอาจอยู่กับนางได้ตลอดชีวิตเช่นกัน” มู่ชิงเกอพูดพลางจ้องดูความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเขา
สุดท้ายความสงบนิ่งในแววตาของเขาก็ปรากฏความวูบไหว นางผายมือหยิบเอายาอายุวัฒนะเม็ดสีทองประกายออกมาใส่มือลู่เจี้ย “ยาอายุวัฒนะ หากเจ้ากินเข้าไปตอนที่เจ้ากำลังจะหมดอายุขัย มันจะช่วยให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีกแปดสิบปี แต่หากให้คนธรรมดาทั่วไปกินล่ะก็ จะสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
มีชีวิตอีกครั้ง!
ดวงตาของลู่เจี้ยหรี่แสงแวบหนึ่งก่อนจะช้อนขึ้นมองมู่ชิงเกอ แต่กลับเห็นนางมีสีหน้าเรียบนิ่ง
มู่ชิงเกอไม่พูดอะไรอีกแล้วหันหลังจากไป แต่ทว่า ในขณะที่นางกำลังจะก้าวพ้นธรณีประตูกลับหยุดชะงัก ชายตามองแล้วพูดทิ้งท้าย “ตายเพื่อความสมบูรณ์และความสมบูรณ์สามารถนำไปสู่นิจนิรันดร์”
ลู่เจี้ยหรี่สายตา ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดคำที่มู่ชิงเกอบอกไว้ก่อนจากไป “ตายเพื่อความสมบูรณ์และความสมบูรณ์สามารถนำไปสู่นิจนิรันดร์”
“เป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกออกไปแล้ว เจียงหลีจึงรีบรุดเข้าไป
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของนางทำเอามู่ชิงเกอถึงกับถอนหายใจ “ออกเดินเล่นที่อื่นกับข้าหน่อยสิ”
!
“ไปไหน” เจียงหลีอึ้ง รู้สึกใจคอไม่ดี
“ร่ำสุรา” มู่ชิงเกอทิ้งเพียงสองคำก่อนเดินนำเจียงหลีไป
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งทั้งสองก็มาอยู่บนเขาไร้นามที่นอกเมืองอู๋อิ๋นเสียแล้ว ด้านนอกมีหิมะตกหนักแต่บนเขากลับเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าบานสะพรั่งสวยงามหลากสรสันราวกับฤดูใบไม้ผลิ
“ที่นี่ช่างแปลกนัก ไม่นึกเลยว่าจะอบอุ่นถึงเพียงนี้” เจียงหลีสำรวจโดยรอบ น้ำเสียงแฝงความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด
มู่ชิงเกอหยิบสุราออกมา “มีมังกรดินตัวหนึ่งผ่านใต้ภูเขานี้และอุณหภูมิจะสูงกว่าที่อื่นโดยธรรมชาติ”
เจียงหลีหุบยิ้ม นางเตรียมใจได้แล้วจึงหันกลับมามองมู่ชิงเกอ “ชิงเกอ เจ้าบอกข้าสิ ไม่มีทางใดที่ช่วยเขาแล้วใช่ไหม”
มู่ชิงเกอช้อนสายตามองนางแล้วโยนไหสุราให้ “ดื่มสุราก่อน”
เจียงหลีรับไว้ได้แล้วเผยรอยยิ้มขมขื่น “ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ข้าเจียงหลีตกหลุมรักเป็นคนแรก นึกไม่ถึงว่าจะมีอายุสั้น”
หลังจากพูดจบนางก็เปิดฝาไหเงยหน้ากรอกสุราเข้าปากรวดเดียวจนหมด
แม้กระทั่งมู่ชิงเกอยังไร้หนทาง เช่นนั้นลู่เจี้ยก็…
สุราที่กลืนไม่หมดไหลล้นจากริมฝีปากของนางลงมาเปียกหน้าหลอมรวมกับน้ำตาของนางจนเป็นเนื้อเดียวกันก่อนจะร่วงหยดเสื้อผ้าและพื้น
“เจียงหลี” มู่ชิงเกอเรียกนางเสียงทุ้ม
เมื่อสุราเหลือก้นไหเจียงหลีก็โยนมันทิ้ง ยกมือขึ้นเช็ดสุราบนหน้า นางผืนยิ้มก่อนจะเอ่ยถาม “ชิงเกอ เจ้าบอกว่ามีคนกลับชาติมาเกิด เจ้าว่าหากข้ารอเขาอยู่ที่นี่ เขาจะกลับมาไหม หลังจากเขากลับมาเขาจะจำข้าได้หรือไม่”
ทันใดนั้นนางก็หัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ถ้าเขากล้าลืมข้าล่ะก็ ข้าก็จะทำให้เขากลับมาจำได้ใหม่ ถ้าไม่รักข้า ข้าก็จะทำให้เขารักข้าอีกครั้ง”
“เจียงหลี”
“ข้าไม่เป็นไร! ไม่เป็นไรจริงๆ! ข้าเจียงหลีต่อให้พายุหรือคลื่นโหมกระหน่ำ เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วยังมีอะไรที่แบกรับไม่ไหวอีก” เจียงหลีหันหลังให้นาง เพราะไม่อยากให้มู่ชิงเกอเห็นว่าตัวเองแอบร้องไห้อยู่เงียบๆ
“เจ้าฟังข้าพูดให้จบได้หรือไม่” มู่ชิงเกอขมวดคิ้วอย่างทำอะไรไม่ถูก
!
เจียงหลีหันขวับ แววตาทั้งตื่นเต้นและตกใจ
มู่ชิงเกอถอนใจแผ่วเบา พูดได้แค่ว่า “บางเรื่องข้าไม่คิดจะบอกเจ้า แต่เห็นสภาพเจ้าเป็นเช่นนี้จะให้ข้าไปอย่างเบาใจได้เยี่ยงไร”
“เจ้าบอกข้ามาเถิด ไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าก็รับได้ทั้งนั้น” เจียงหลีมายังข้างหน้านาง ด้วยสีหน้าวิงวอน
มู่ชิงเกอลดสายตาลงแล้วค่อยๆ เอ่ยขึ้น “สิ่งที่ลู่เจี้ยขาดหายก็คือจิตวิญญาณหลัก ข้าเคยทดสอบวิญญาณร่างของเขาพบว่าภายใต้สถานการณ์จิตวิญญาณหลักขาดหาย เขายังสามารถมีชีวิตได้นานขนาดนี้ จึงมีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง จิตวิญญาณหลักของเขา หรือกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าลู่เจี้ยตัวจริงต้องดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่งมากๆ”
เจียงหลีมองไปที่นางอย่างตะลึงราวกับตกใจกับคำพูดของนาง
“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ” เจียงหลีถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าหมายความว่า ลู่เจี้ยในตอนนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของตัวจริงเขาหรือ”
“เจ้าจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้” มู่ชิงเกอพยักหน้า “ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่แน่นอน เพราะนี่คือโชคชะตาที่ถูกกำหนดโดยจิตวิญญาณหลักของเขาซึ่งมิอาจแก้ไขได้ตั้งแต่แรก หากถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง บางทีอาจจะพลิกแผนทั้งหมดของเขาก็เป็นได้”
“แล้ว แล้วมันหมายความว่าอย่างไร” เจียงหลีสับสนเล็กน้อย
มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีหากลู่เจี้ยคนนี้ตายไปแล้ว วิญญาณของเขาอาจจะกลับสู่ร่างหลักของเขาก็ได้ เขาตัวจริงอาจฟื้นคืนหรือบางทีเขาอาจจะกลับชาติไปเกิดใหม่ต่อไป”
เจียงหลีเข้าใจแต่กลับนั่งลงพื้นด้วยความสับสน
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ มู่ชิงเกอแทบอดใจไม่ไหว หลายคำพูดที่โหดร้าย นางก็ไม่กล้าบอกกับเจียงหลีในยามนี้
นางอับจนหนทางไม่รู้จะบอกเจียงหลีอย่างไร เวลานี้นางกับคนที่นางรักเมื่อกลับคืนสู่ร่างเดิมที่แท้จริงแล้ว ประสบการณ์เหล่านี้สำหรับร่างนี้ก็เหมือนเป็นชีวิตของคนอื่นในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น