ตอนที่ 521 พระเจ้าช่างยุติธรรม
“ได้ยินหรือยัง”
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก ใสีแดงระเรื่อบนใบหน้าชัดขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ได้ยิน…อ๊าย...จักจี้”
เฉินฝานซิงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ผลลัพธ์ของการปากไม่ตรงกับใจก็ต้องโดนลงโทษกันเสียบ้าง
ในขณะที่คำพูดของเธอยังไม่ทันจบ แขนของป๋อจิ่งชวนที่วางอยู่บนเอวของเธอก็รวบแน่นขึ้น นิ้วมือที่วางอยู่บนสะบักออกแรงสะกิดเบาๆ
เฉินฝานซิงรู้สึกตัวได้ทันที
จึงอดเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจไม่ได้
เมื่อเห็นท่าทีอดกลั้นไม่ไหวของเธอ ป๋อจิ่งชวนจึงเผลอยิ้มมุมปากออกมา
“เซนซิทีฟขนาดนั้นเชียว”
เสียงนั้นเหมือนไวน์ชั้นดีที่บ่มได้ที่ ง่ายต่อการทำให้คนหลงใหลเมามาย เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนใจ
เฉินฝานซิงเม้นริมฝีปากอีกครั้ง สายตาเลื่อนไปอยู่บนเรียวปากกระจับของเขา…
กระดูกไหปลาร้าแสนเย้ายวนมีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วผลักป๋อจิ่งชวนออกไป
“พวกเราออกมานานเกินไปแล้ว รีบกลับเข้าไปกันดีกว่า อย่าให้พวกเขารอนาน”
ป๋อจิ่งชวนสอดส่องสายตาไปรอบๆ ห้องน้ำปราดหนึ่งก่อนขมวดคิ้วออกมาด้วยท่าทางรังเกียจ
เฉินฝานซิงเปิดประตูห้องน้ำแล้วมองซ้ายมองขวาคล้ายว่ากำลังสอดแนมสถานการณ์ด้านนอก เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครจึงจะหันไปกวักมือเรียกป๋อจิ่งชวนให้รีบเดินออกไป
ป๋อจิ่งชวนได้แต่ทำหน้าเหวอ
นี่พวกเขากำลังแอบเป็น…ชู้กันเหรอ?
เมื่อกลับไปถึงห้อง ทุกคนต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองเธอ แม้ว่าเฉินฝานซิงจะพยายามทำตัวเป็นปกติมากแค่ไหน แต่ก็ยังโดนพวกเขาจ้องจนรู้สึกเกร็งไม่เป็นตัวเองอยู่ดี
“อาซ้อ ไปเข้าห้องน้ำรอบนี้นานใช่เล่นเลยนะ”
อินรุ่ยเจวี๋ยมองเฉินฝานซิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางลอยหน้าลอยตาวอนโดนชกสักหมัด
เฉินฝานซิงเพียงแต่เหร่ตามองเขาด้วยสายตาแน่นิ่ง
“ทำไมอาหารยังไม่มาอีก”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พลางโน้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างจี้อี้
จี้อี้รีบเหยียดหลังตรง หันไปมองใบหน้าด้านข้างของเฉินฝานซิงแล้วอมยิ้มบางๆ
เฉินฝานซิงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของเธอ เพียงแค่พลิกดูเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะเรื่อยๆ ฆ่าเวลา
จี้อี้รินน้ำให้เฉินฝานซิงหนึ่งแก้วก่อนจะเลื่อนไปวางไว้ตรงหน้าเธออย่างกระตือรือร้น
เมื่อเฉินฝานซิงรู้สึกได้จึงหันไปยิ้มให้เธอ
เวลานี้ ประตูถูกเปิดอีกครั้ง รูปร่างสูงโปร่งของป๋อจิ่งชวนพลันปรากฏขึ้นหน้าประตู
ในระหว่างที่สอดส่ายสายตา ก็เหลือบไปเห็นเฉินฝานซิงกำลังส่งยิ้มจางๆ ให้กับจี้อี้พอดี
ยิ้ม ไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาก็คือใบหน้าที่แฝงไว้ซึ่งความเขินอายและเกรงกลัวของสาวน้อยนั้นยากที่จะไม่ใส่ใจได้จริงๆ
ใบหน้านิ่งเรียบของป๋อจิ่งชวนอึมครึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนอื่นแล้วดูเป็นสีหน้าที่น่าเกรงขามยิ่งกว่าสิ่งใด
ฉีน่าที่อยู่ในวงการบันเทิงมานานหลายปี แน่นอนย่อมรู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะเป็นที่พอใจมากที่สุด เธอตัวเกร็งขึ้นมาทันที
พลันยกมือขึ้นไปจับจี้อี้ แต่กลับพบว่าความสนใจทั้งหมดของจี้อี้อยู่บนตัวของเจ้านายตัวเองทั้งสิ้น
เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปดูบอสใหญ่แห่งป๋อซื่อที่กำลังมองดูสองคนนั้นด้วยสายตาดุดัน ในใจก็รู้สึกหวิวๆ ขึ้นมาทันที
หลายปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง เธอเชี่ยวชาญในเรื่องของกติกาที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเป็นอย่างดี
เรื่องความสัมพันธ์อย่างว่าระหว่างชายกับชาย แน่นอนว่าเธอเข้าใจมันดี
เรื่องชายหนุ่มกับหญิงสาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่เรื่องของผู้หญิงกับผู้หญิงด้วยกัน…
ไม่ตัดความเป็นไปได้นี้
อย่างเช่นตัวฉันในตอนนี้ ที่คิดว่าจี้อี้ค่อนข้างตกอยู่ในอันตราย
ถึงแม้จะไม่เคยคิดไปในทางนั้นเลยก็ตาม แต่สายตาของบอสใหญ่ป๋อซื่อวันนี้ อดทำให้เธอคิดไปในด้านนั้นไม่ได้เลยจริงๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ประธานเฉินของพวกเธอนั้นช่าง…
มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนได้มากเหลือเกิน
ฉีน่าเหลือบมองไปทางป๋อจิ่งชวนด้วยแววตาเห็นใจวูบหนึ่ง
แฟนสาวของคนอื่น ศัตรูหัวใจมีแค่ผู้ชาย แต่แฟนสาวของประธานเฉิน ศัตรูหัวใจไม่ได้มีแค่เพศชาย แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันก็ต้องเตรียมรับมือ
พระเจ้าช่างยุติธรรมจริงๆ
ตอนที่ 522 ถูกลิขิตไว้แล้วว่าศัตรูหัวใจมีนับไม่ถ้วน
พระเจ้าช่างยุติธรรมจริงๆ
ในเมื่อมอบชาติตระกูลและฐานะที่สูงส่งมาให้คนหนึ่งคน อย่างไรก็ต้องเรียกอะไรสักอย่างในบางจุดคืนกลับไปบ้าง
อย่างเช่นบอสใหญ่ป๋อซื่อ ชีวิตนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าศัตรูหัวใจมีนับไม่ถ้วน
เกรงว่าระหว่างเส้นทางนี้คงจะต้องไปจัดการกับลูกนกลูกกาที่เข้ามาวนเวียนข้างกายประธานเฉิน
จัดการ?
ลูกนกลูกกา?
เดิมทีฉีน่ารู้สึกว่าเรื่องนี้ทั้งน่าระอาและน่าขำในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในบรรดาลูกนกลูกกานั้นมีจี้อี้อยู่ด้วยก็หัวเราะไม่ออกไปชั่วขณะ
เธอกำลังจะเตือนให้จี้อี้กล่าวทักทายเขา ปรากฏว่าป๋อจิ่งชวนเดินตรงดิ่งเข้ามานั่งข้างเฉินฝานซิงเสียแล้ว
คิ้วเรียวสวยได้รูปของเฉินฝานซิงกระตุกเล็กน้อย เวลานี้ พนักงานเสิร์ฟเคาะประตูเข้ามาถามว่าจะให้เสิร์ฟอาหารเลยไหมพอดี อินรุ่ยเจวี๋ยพูดเพียงประโยคดีว่า “ให้ไวเลย” กับข้าวก็ทยอยมาเสิร์ฟไม่ขาดสาย ไม่นานนักอาหารหลากหลายก็วางอยู่เต็มโต๊ะ
จี้อี้ถูกอินรุ่ยเจวี๋ยเรียกให้หันไป ไม่รู้ว่าอินรุ่ยเจวี๋ยพูดอะไรกับเธอบ้าง จี้อี้ถึงได้ถูกเย้าจนหน้าแดงก่ำ พลางมองบนใส่เขาไม่หยุด
ตอนนี้ ฉีน่าถึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง ก่อนจะเข้าไปกล่าวทักทายกับป๋อจิ่งชวนก่อน
ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ผ่านไปครูใหญ่จึงพยักหน้าตอบตามมารยาท
จากนั้น เธอส่งสัญญาณทางสายตาไปหาจี้อี๋ในขณะที่ยังมีอินรุ่ยเจวี๋ยกั้นกลางอยู่ จี้อี้ถลึงตาใส่อินรุ่ยเจวี๋ยหนึ่งที ก่อนจะหันหน้าไปทักทายป๋อจิ่งชวน
แม้จะมีเฉินฝานซิงคั่นระหว่างกลาง แต่นี่ก็นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองป๋อจิ่งชวนในระยะประชิดแบบนี้
เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้าประตูมาก็แอบชำเลืองไปทีหนึ่ง เพียงแต่รู้สึกว่าคนแบบนั้นไม่ใช่บุคคลประเภทที่ตัวเองจะแตะต้องได้ พลันรีบเก็บสายตากลับมาในทันที
ผลปรากฏว่าเมื่อได้มองเห็นแบบใกล้ๆ อย่างนี้แล้ว ใบหน้านั้นช่างหล่อเหลางดงามไม่มีใครเทียม ทั้งยังมีรังสีความน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมาจากเบื้องลึก และความมีตัวตนอันแรงกล้าที่ยากจะละเลยได้ ให้ความรู้สึกที่กดดันขั้นรุนแรง
จี้อี้กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ระหว่างที่มองป๋อจิ่งชวนก็ประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณป๋อ สวัสดีค่ะ ฉันคือจี้อี้ คือ…”
“หน็อย หน็อย หน็อย ดูท่าเข้าสิ ท่าทางขี้ขลาดอย่างกับลูกแมวน้อย พี่ป๋อไม่ได้จะกินเธอสักหน่อย…”
ฉีน่านั่งเม้มริมฝีปากอยู่ข้างๆ ได้แต่คิดในใจ ไม่แน่ คุณป๋ออาจจะกินคนก็ได้
คำพูดกระเซ้าของอินรุ่ยเจวี๋ยทำให้คำพูดของจี้อี้ชะงักอยู่ในลำคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก โกรธจนต้องหันไปถลึงตาใส่อินรุ่ยเจวี๋ยทีหนึ่ง
“เหอะ…”
อินรุ่ยเจวี๋ยเห็นจี้อี้โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ความรู้สึกสนใจในเบื้องลึกของดวงตาไม่อาจปิดบังไว้ได้
ป๋อจิ่งชวนปรายตาลงเล็กน้อย สายตาลึกล้ำหันไปหยุดอยู่บนตัวอินรุ่ยเจวี๋ยปราดหนึ่ง สุดท้ายก็หันไปมองทางจี้อี้ด้วยท่าทางนิ่งเฉย
ริมฝีปากเรียวบางเผยอยกขึ้นเป็นเส้นโค้งจางๆ
เฉินฝานซิงสัมผัสได้ถึงความประหม่าไม่เป็นตัวเองของจี้อี้ จึงหันไปพูดกับเธอเบาๆ
“ไม่ต้องตื่นเต้น ทำตัวตามสบาย อีกอย่าง วันนี้ก็เป็นวันของเธอ…ช่างเถอะ ถือว่าเป็นงานเลี้ยงทั่วไปแล้วกัน”
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นกลัวและระวังตัวของจี้อี้ เฉินฝานซิงจึงจำต้องกลืนคำพูดที่จะบอกว่าจี้อี้เป็นแม่งานวันนี้กลับลงไป ด้วยกลัวว่าถ้าพูดออกมาจะทำให้เธอตื่นเต้นกว่าเดิม
เฉินฝานซิงพูดเสียงอ่อน โดยเฉพาะเมื่อพูดกับจี้อี้ ราวกับว่ามีความรู้สึกอยากปกป้องทะนุถนอมอยู่ในนั้น
แบบนี้แล้ว ทำให้ดูอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
ป๋อจิ่งชวนคิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าอึมครึม ยกแก้วชาขึ้นมาจิบเล็กน้อยพลางมองดูเฉินฝานซิงที่กำลังมองไปทางสวี่ชิงจือที่อยู่ข้างๆ
บนใบหน้านิ่งเฉยงดงาม ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นถึงความกังวล
แววตาของป๋อจิ่งชวนเริ่มมืดดำดูน่ากลัว ผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ตอนเปลี่ยนสีหน้าเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดูน่าเย้ายวนขนาดนั้น
“ชิงจือ เธอไม่เป็นไรนะ?”
สวี่ชิงจือนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ในขณะที่มือก็กำลังกำที่วางแขนบนเก้าอี้ไว้ด้วยใบหน้าที่เริ่มจะซีดขาว