บทที่ 248 ปัญหาเกิดขึ้น
เซียวเฟิงพิจารณาคำอธิบายสกิลของ ‘ชาโดว์เวิร์ด’ อย่างละเอียดพร้อมขมวดคิ้ว
นี่เป็นสกิลการรักษา แต่ก็ทำความเสียหายได้ด้วยเช่นกัน ทว่าในส่วนสร้างความเสียหายนี้ รายละเอียดของมันทำให้ชายหนุ่มสับสนมาก
อย่างแรกเลย ในแง่ของความเสียหาย มันเป็นแบบอัตราความเสียหายต่อวินาที ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งมาก มันไม่เห็นผลชัดเจนเวลาโจมตีมอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ หรือผู้เล่น แต่ถ้าใช้โจมตีกับบอสที่มีพลังชีวิตหลายแสนหรือล้าน เปอร์เซ็นต์ของความเสียหายนั้นจะน่าทึ่งมาก
ค่าจิตวิญญาณของเซียวเฟิงมีมากกว่า 180 หน่วยแล้ว ระยะเวลาของชาโดว์เวิร์ดจึงเท่ากับ 18 วินาที กล่าวคือ ทำความเสียหายได้ 9% ของค่าพลังชีวิตสูงสุด ถ้าบอสมีพลังชีวิต 1 ล้าน สกิลนี้จะทำความเสียหายได้ถึง 90,000!
จินตนาการได้เลยว่าพลังของสกิลที่มีความเสียหายมากถึง 90,000 นั้นช่างยอดเยี่ยมขนาดไหน และความเสียหายของสกิลนี้จะเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะระยะเวลาจะนานขึ้นด้วยค่าจิตวิญญาณที่เติบโตขึ้นของเซียวเฟิงนั่นก็คือความเสียหายจะเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ถือได้ว่าเป็นสกิลที่ทรงพลังมาก! ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือเวลาคูลดาวน์นานเกินไป ซึ่งมากถึงห้านาที…
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงสับสนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นคือสกิลชาโดว์เวิร์ด นั้นยังคงมีความสามารถรักษาอยู่ เซียวเฟิงมีสกิลดีไวน์พาวเวอร์ติดตัว ดังนั้นสกิลรักษาทั้งหมดจึงมีเอฟเฟกต์พิเศษ เช่น ใช้ให้กับทั้งศัตรูและมิตรพร้อมกันได้ เอฟเฟกต์การรักษาเพิ่มเติมให้กับคุณสมบัติแสง และเอฟเฟกต์ความเสียหายบนคุณสมบัติความมืด
ดังนั้นการตัดสินสกิลชาโดว์เวิร์ดนั้นขึ้นอยู่กับดีไวน์พาวเวอร์ว่าจะกำหนดให้เป็นสกิลรักษาหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อเซียวเฟิงปล่อยชาโดว์เวิร์ดให้กับซือเยี่ยจิ๋ง เขาจะทำให้เกิดผลการรักษาเพิ่มเติม หรือขึ้นอยู่กับการตัดสินของชาโดว์เวิร์ด และอาจเป็นอันตรายต่อซือเยี่ยจิ๋งแทน นี่เป็นคำถาม
เซียวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคิดไม่ตก เขาคงต้องลองดูจริง ๆ
“เธอรอที่นี่สักพักนะ ขอร้อง” เซียวเฟิงพูดกับซือเยี่ยจิ๋ง จากนั้นเขาก็ทิ้งเครื่องหมายมิติไว้ตรงจุดที่เขายืนอยู่และทำท่าจะจากไป
“เดี๋ยวนะ…นายจะทำอะไร?” ซือเยี่ยจิ๋งพูดอย่างประหลาดใจและหยุดเซียวเฟิง
“ไปลองใช้สกิลใหม่” เซียวเฟิงตอบ จากนั้นจึงเปิดใช้งานแหวนห้วงมิติเพื่อกลับไปที่ชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพ
เนื่องจากเวลาคูลดาวน์ของชาโดว์เวิร์ดนั้นนานมาก เซียวเฟิงจึงใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการทำความเข้าใจสกิลนี้ บทสรุปทำให้เซียวเฟิงพอใจ และถอนหายใจอีกครั้งอย่างมีความสุขกับความแม่นยำของโลกในเกมที่สร้างโดยเมนเฟรมของโนอาห์
มันเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาได้ตัวแรกของโลกอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับสมองของมนุษย์ มันจะไม่ผิดพลาดในการตั้งค่าข้อมูล!
ก่อนอื่นชาโดว์เวิร์ดจะไม่ถูกตัดสินโดยสกิลการรักษาของดีไวน์พาวเวอร์ และจะไม่ส่งผลการรักษาต่อศัตรู เซียวเฟิงเป็นผู้กำหนดเองว่าจะสร้างความเสียหายหรือให้ผลการรักษาแก่ศัตรูหรือไม่
ประการที่สอง ‘ชาโดว์เวิร์ด’ ก็ได้รับผลจากดีไวน์พาวเวอร์เช่นกัน มันมีเอฟเฟกต์การรักษาเพิ่มเติมสำหรับคุณสมบัติแสงและคุณสมบัติธรรมชาติ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด มันไม่เพียงมีผลสร้างความเสียหายต่อคุณสมบัติความมืดและอันเดดเท่านั้น เนื่องจากเซียวเฟิงสามารถเลือกผลการรักษาได้ ความเสียหายต่อคุณสมบัติความมืดและอันเดดจึงไม่ได้อยู่ที่ 0.5% อีกต่อไป แต่เป็น 1% ของผลการรักษา กล่าวคือ ความเสียหายเป็นสองเท่า!
“ทำไมนายใช้เวลานานจัง?!” ซือเยี่ยจิ๋งใจร้อนกับการรอคอยเซียวเฟิงเธอรีบถามหลังจากที่เซียวเฟิงกลับมา
“ไม่มีอะไร สกิลนี้มันแข็งแกร่งมาก ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะใช้เวลาทั้งวันไปกับแผนที่นี้!” ชายหนุ่มค่อนข้างอารมณ์ดี มันคุ้มค่าสำหรับเขาที่ได้ใช้เวลาไปกับแผนที่นี้นานมาก ในที่สุดตัวเองก็ได้สกิลที่ยอดเยี่ยมมาสักที
“เรายังต้องล่ามอนสเตอร์อยู่ไหม?” ซือเยี่ยจิ๋งถามอีกครั้ง อันที่จริง หญิงสาวไม่อยากล่ามอนเตอร์ในแผนที่นี้อีกต่อไปแล้ว เพราะเธออยู่ที่นี่มาสองสามวันแล้ว เธอไม่ได้เพิ่มเลเวลหรือของสวมใส่ของตัวเองเลย แถมแม้แต่วันนี้เธอก็ยังไม่ได้ล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนอีกด้วย
“ไม่จำเป็นต้องล่ามอนสเตอร์แล้ว อย่ากัดคำโตเกินกว่าที่เราจะเคี้ยวได้ เราควรออกไปเมื่อเรายังนำหน้าอยู่”
เซียวเฟิงมองไปรอบ ๆ เพื่อดูสภาพแวดล้อมที่ชุ่มเลือดและตอบ แม้จะรู้สึกว่าแผนที่นี้ไม่ธรรมดา แต่เขาก็จะไม่เสียเวลาที่นี่ ยังไงซะ ตัวชายหนุ่มก็ยังมีแหวนห้วงมิติที่สามารถทำให้ตัวเองมาที่นี่ได้ตลอดเวลา
ทั้งเขาและซือเยี่ยจิ๋งก็ได้หนังสือสกิล ทั้งสองควรจะหยุดตรงนี้จริง ๆ
“งั้นไปที่ดันเจี้ยนกันเถอะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งพูดทันทีและหยิบคัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมืองออกมาแล้วโยนลงไป
เซียวเฟิงก็ทำแบบเดียวกัน เขากลับมาที่เมืองพร้อมกับซือเยี่ยจิ๋ง แต่เมืองนี้ไม่ใช่เมืองเฮ่ยฉี แต่เป็นเมืองออร์คที่พวกเขาไม่เคยมา ดูเหมือนว่าระยะทางจากป่าแห่งสัตว์ร้ายที่ถูกผนึกถึงเมืองเฮ่ยฉีนั้นจะไกลกว่าเมืองนี้ ดังนั้นทั้งสองจึงถูกส่งมาที่นี่เมื่อใช้คัมภีร์เทเลพอร์ตกลับเมือง
“มันอย่างกับเมืองของกิลด์วูล์ฟเลย มีผู้เล่นในกิลด์วูล์ฟอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
เมืองออร์คนี้มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งปรากฏตัว พวกเขาทั้งสองก็พบว่าผู้เล่นทั้งหมดติดชื่อกิลด์วูล์ฟอยู่
“หืม? กิลด์วูล์ฟต่อสู้กับใครอยู่? ทำไมสมาชิกกิลด์ถึงโผล่ออกมาจากจุดเทเลพอร์ตเรื่อย ๆ เลย?” ซือเยี่ยจิ๋งถามอย่างแปลกใจ เนื่องจากจุดเทเลพอร์ตอยู่ไม่ไกล จึงเห็นได้ชัดเจนว่าผู้เล่นกิลด์วูล์ฟฟื้นขึ้นมาที่จุดเทเลพอร์ต จากนั้นก็วิ่งเข้าจุดเทเลพอร์ตและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“มีสงครามป้องกันฐานที่ตั้งของกิลด์หรือเปล่านะ?” เซียวเฟิงมองดูและพูดขึ้นมา จากนั้นเขาก็คว้าตัวผู้เล่นกิลด์วูล์ฟที่ผ่านมาและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ คำตอบก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
“ไปเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของเรา”
แม้ว่าพวกเขาและกิลด์วูล์ฟจะรู้จักกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีมิตรภาพมากขนาดนั้น โดยเฉพาะซือเยี่ยจิ๋งที่มีเครื่องหมายของกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่เหนือหัวของเธอ จึงไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมสงครามป้องกันฐานที่ตั้งของกิลด์อื่น
เลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นกิลด์วูล์ฟก็อยู่ที่ประมาณเลเวล 20 แล้วในตอนนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา สงครามป้องกันฐานที่ตั้งระหว่างกิลด์น่าจะผ่านได้ง่ายมาก
ไม่นานนักทั้งสองคนก็ออกจากเมืองออร์คและกลับมายังเมืองเทียนหลง ในขณะเดียวกัน เซียวเฟิงก็เปิดดูข่าวของ BBS เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย
จากนั้นเซียวเฟิงก็พบว่าข่าวทั้งหมดของเขตฮัวเซีย มีแต่ประเด็นเรื่องของการปะทะกันของกิลด์ใหญ่ ๆ เต็มไปหมด
ข่าวเกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับกิลด์ใหญ่ และกิลด์ใหญ่เกือบทั้งหมดก็เลือกที่จะพัฒนาตัวเองในช่วงนี้ สงครามป้องกันฐานที่ตั้งได้เริ่มขึ้นแล้ว!
มีความสำเร็จจากกิลด์ต่าง ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงยังมีอุบัติเหตุและความล้มเหลวอีกด้วย รายชื่อกิลด์ 100 อันดับแรกใกล้จะเต็มแล้ว ราคาโทเคนกิลด์ในตลาดก็เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งล้านอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่าใครก็ตามที่ครอบครองโทเคนกิลด์ คน ๆ นั้นก็จะกลายเป็นเศรษฐีทันทีและร่ำรวยอย่างไม่น่าเชื่อ!
และในขณะที่กิลด์ใหญ่แต่ละแห่งตั้งฐานขนาดใหญ่ตาม ๆ กัน ทั้งเขตฮัวเซียก็เต็มไปด้วยความผันผวน
ในเวลาเดียวกัน ความขัดแย้งและบาดหมางระหว่างกิลด์มากมายก็เริ่มเกิดขึ้น ความตึงเครียดได้แพร่กระจายไปในเขตฮัวเซีย เชื่อได้เลยว่าหากไม่ใช่ช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนากิลด์ใหญ่แต่ละกิลด์ บางทีมันอาจจะมีสงครามกิลด์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นระหว่างกิลด์ใหญ่ก็ได้!
“หืม? ฉันคิดว่ากิลด์มิดซัมเมอร์ไม่มีสงครามป้องกันฐานที่ตั้งนะ ทำไมถึงมีคนจำนวนมากอยู่ที่จุดเทเลพอร์ตล่ะ?”
เซียวเฟิงที่เพิ่งปรากฏตัวจากจุดเทเลพอร์ตของเมืองเทียนหลงก็ถามอย่างแปลกใจ เขามองไปที่จุดเทเลพอร์ตข้าง ๆ ตัวเองที่มีผู้เล่นกิลด์มิดซัมเมอร์ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกิลด์วูล์ฟ
“มีบางอย่างผิดปกติ! ทำไมลูกพี่ลูกน้องฉันไม่บอกฉันเลยล่ะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งมองไปในทางเดียวกัน จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีและน้ำเสียงก็ดูจริงจัง เธอไม่ได้บอกลาเซียวเฟิงและหายตัวไปในจุดเทเลพอร์ตอีกครั้ง
เซียวเฟิงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เขาส่ายหัว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก หากมีเรื่องร้ายแรงที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ หลิวเฉียงเหว่ยจะต้องแจ้งให้เขารู้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงยังคงไปล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนตามที่ตัวเองได้วางแผนไว้
อันที่จริงเซียวเฟิงรู้มาตลอดว่าการพัฒนาของกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นเป็นไปได้ไม่ค่อยดี เหตุผลไม่ได้มีแค่ตัวกิลด์เองที่แข็งกร้าวเท่านั้น แต่กิลด์มิดซัมเมอร์เคยถูกเซียวเฟิงบดขยี้มาก่อน ซึ่งทำให้กองกำลังอื่นเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเกลียดชังระหว่างกิลด์มิดซัมเมอร์และเซียวเฟิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าไปยุ่งกับสิ่งที่เซียวเฟิงไม่ชอบ และทุกคนต่างมองข้ามกิลด์มิดซัมเมอร์ไป นอกจากนี้ยังนำไปสู่การที่ไม่มีใครให้ความสนใจกับสงครามป้องกันฐานที่ตั้งครั้งที่สองของกิลด์มิดซัมเมอร์ด้วย
แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ความเกลียดชังระหว่างกิลด์มิดซัมเมอร์และเซียวเฟิงดูเหมือนจะเคลียร์กันแล้ว จากนั้นคนที่ไม่ชอบกิลด์มิดซัมเมอร์มาก่อนก็เริ่มสนใจมัน
และเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คืออาณาเขตของกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นน่าดึงดูดใจเกินไป มีกองกำลังนับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่นั่น!
ทั้งความนิยม การหลั่งไหลเข้ามาของผู้เล่น และความสนใจของผู้คนต่อเมืองเทียนหลงนั้นอยู่ในอันดับต้น ๆ ในบรรดาเมืองทั้งหมด เนื่องจากสาขาหลักของร้านค้ามหาสมบัติตั้งอยู่ที่นี่ทำให้มีชื่อเสียงมาก สามารถเห็นได้ในทุกการประมูลของร้านค้ามหาสมบัติผู้เล่นที่มีชื่อเสียง ผู้เล่นระดับสูง และผู้อาวุโสจากแต่ละกิลด์ทั้งเขตฮัวเซียจะมารวมตัวกันที่นี่
อาณาเขตของเมืองเทียนหลงตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังนับไม่ถ้วนจากกิลด์อื่น ๆ ทั้งหมดจะต้องอิจฉาถ้ามีใครสามารถพัฒนาที่นี่ได้ เพราะทรัพยากรของเมืองเทียนหลงนั้นน่าดึงดูดเกินไป
และในฐานะกิลด์ท้องถิ่น กองกำลังใหญ่ทั้งหมดในเขตฮัวเซียจึงไม่ทันได้ตั้งตัว โดยมีเซียวเฟิงเป็นต้นเหตุ และกิลด์มิดซัมเมอร์ที่จู่ ๆ ก็ตั้งฐานของกิลด์เสร็จก็จะตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงแปลกใจ แต่หลิวเฉียงเหว่ยน่าจะเตรียมตัวพร้อม นอกจากนี้เซียวเฟิงยังคิดว่าความทะเยอทะยานของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ปัญหาเหล่านี้ไม่น่าจะทำให้เธอต้องชะงัก อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มีสถานการณ์ใด ๆ ที่หลิวเฉียงเหว่ยไม่สามารถรับมือได้ เธอจะต้องแจ้งให้เขารู้
เนื่องจากตอนนี้เขาไม่ได้รับข้อความใด ๆ จากหลิวเฉียงเหว่ยเลย นั่นย่อมหมายความว่าไม่มีปัญหาใหญ่ เซียวเฟิงเลยไม่ต้องการเข้าไปยุ่ง และไปที่ดันเจี้ยนแทน
ดันเจี้ยนเลเวล 15 ของเมืองเทียนหลงเคยเป็นเมืองร้าง มอนสเตอร์ทั้งหมดเป็นอันเดด เซียวเฟิงสามารถกวาดล้างมอนสเตอร์และผ่านได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นาน แต่เมื่อชายหนุ่มผ่านสมรภูมิแนวหน้าไป กัปตันโบลตันซึ่งเขาไม่ได้เจอมาสองสามวันแล้วก็หยุดเขาไว้
“ท่านอาร์คบิชอป! ท่านอาร์คบิชอป!”
กัปตันโบลตันซึ่งไม่รู้ว่ากลับมาที่สนามรบแนวหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ วิ่งมาทางเซียวเฟิงทันทีที่เห็นชายหนุ่มออกมาจากจุดเทเลพอร์ต
แม้ว่าเซียวเฟิงจะซ่อนของสวมใส่และชื่อตัวละครของเขา แต่ NPC เหล่านี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบ จึงทำให้พวกเขาจำเซียวเฟิงได้อย่างง่ายดาย
“เกิดอะไรขึ้น… กัปตันโบลตัน?”
เซียวเฟิงหยุดและถาม แต่เขาคาดว่านี่น่าจะเป็นภารกิจหลัก ท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ไม่ได้ทำภารกิจมานานแล้ว ความคืบหน้าน่าจะล้าหลังไปมาก
“ท่านอาร์คบิชอป! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ท่านจำเมืองแห่งความเศร้าโศกที่เราสำรวจด้วยกันได้ไหม?”
ตามที่คาดไว้ กัปตันโบลตันพูดอย่างจริงจังหลังจากหยุดเซียวเฟิง
“จำได้สิ เกิดอะไรขึ้น?” เซียวเฟิงถามอย่างแปลกใจ