Ch.78 – ลักพาตัว

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.78 – ลักพาตัว

 

แรงสั่นไหวที่คุ้นเคยนี้ ทำให้ฉินเฟิงกวาดมองไปรอบๆโดยไม่รู้ตัว

 

กระทั่งในตอนเที่ยงคืน ร้านค้าอุปกรณ์ของกลุ่มหวันซ่งก็ยังเปิดทำการให้ซื้อขาย อันที่จริงช่วงเวลาทำการซื้อขายส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในตอนกลางคืนซะมากกว่า เพราะช่วงเช้า มันคือเวลาที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของพวกเขาออกไปต่อสู้

 

และปัจจุบัน ในร้านขนาดใหญ่ มันมีคนอยู่ทั้งสิ้นห้ากลุ่ม

 

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงไม่ขยับไหวหรือแสดงอาการพิรุธใดๆ เขาเหลือบตาลงมองอุปกรณ์สื่อสารอย่างใจเย็น

 

【แจ้งเตือนนักล่าเงินรางวัล , ล็อคเป้าหมาย : อาชญากรหลิวเจียหมิง!】

 

【แจ้งเตือนนักล่าเงินรางวัล , ล็อคเป้าหมาย : อาชญากรหลิวเจียซิง!】

 

【แจ้งเตือนนักล่าเงินรางวัล , ล็อคเป้าหมาย : อาชญากรหลิวเจียฝู!】

 

ไม่เพียงแต่ฉินเฟิงที่กำลังมองไปที่มัน โจวฮ่าวก็ยกข้อมือขึ้นมาเช่นนั้น จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นตึงเครียด

 

ตั้งแต่คราวก่อนที่ฉินเฟิงไล่ล่าและสังหารไวเปอร์ลง โจวฮ่าวก็ทำการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ของเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลมา

 

โจวฮ่าวต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ฉินเฟิงก็ชิงส่งสัญญาณให้เขา โจวฮ่าวเลยหุบปากเงียบ

 

“ซุนน้อย ไม่เจอกันแค่สองสามวัน คุณก็เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการซะแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะ!” ฉินเฟิงกล่าวกับซุนเชี่ยน

 

ซุนเชี่ยนเร่งตอบรับ “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณมิสเตอร์ฉินที่ช่วยดูแล! ฉันเลยสามารถทำเงินมหาศาลให้กับทางร้าน จนมีวันนี้!”

 

เหตุผลที่ซุนเชี่ยนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการนั้น แน่นอนว่าเพราะฉินเฟิงเล่นสั่งทำอุปกรณ์รูนเงิน , มีดกษัตริย์คราม ฯลฯ ที่ต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ผ่านทางซุนเชี่ยน ทั้งหมดเลยกลายเป็นผลงานของเจ้าตัวไป

 

ทางสำนักงานใหญ่กลุ่มหวันซ่งเลยตัดสินใจให้ซุนเชี่ยนทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทันที

 

ตำแหน่งนี้ไม่เพียงเป็นการยืนยันความสามารถของซุนเชี่ยน แต่ยังเนื่องมาจากลูกค้ารายหลักอย่างฉินเฟิง

 

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงนั้นเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นปริมาณการทำธุรกรรมของเขาย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และหากยังคงติดต่อซื้อขายผ่านพนักงานตำแหน่งเล็กๆ เกรงว่าคงไม่อาจสร้างความพึงพอใจให้แก่ฉินเฟิงได้มากพอ ผลลัพธ์คืออาจทำให้ฉินเฟิงไม่พอใจ และสูญเสียลูกค้าคนสำคัญไป

 

นี่คือความคิดของทางกลุ่มหวันซ่ง และเป็นที่มาของตำแหน่งของซุนเชี่ยน

 

สำหรับผู้จัดการร้านคนก่อนซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคน เธอได้ถูกปลดจากตำแหน่งเดิมไปแล้ว เพราะทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ ขณะนี้กำลังแนะนำสินค้าให้ลูกค้าคนอื่นด้วยรอยยิ้มฝืนๆอยู่ หากไม่ใช่เพราะว่าเธอมีญาติเป็นผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งล่ะก็ เกรงว่าเธอคงถูกไล่ออกจากร้านนี้ไปแล้ว

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณไปหรอก คุณแค่ทำงานของตัวเองได้ดีต่างหาก อ้อจริงสิ คราวนี้ผมก็เอาของดีๆมาขายอีกแล้วนะ” ว่าจบ ฉินเฟิงก็หยิบห่อวัตถุดิบขนาดใหญ่ออกมา

 

แม้ว่าปีกค้างคาวยักษ์เหล่านี้จะสามารถพับได้ แต่ฉินเฟิงเล่นฆ่าพวกมันไปมากกว่าร้อยตัวในคืนเดียว ดังนั้นเลยต้องแบกกันมาในสภาพนี้

 

“โอเค ฉันจะเรียกคนมาช่วยนับสินค้าทันที!”

 

“อ๊ะ พอดีว่าเพื่อนของผมก็มีของมาขายอีกชุดนึงเหมือนกัน รบกวนช่วยนับแยกด้วยนะ”

 

“ไม่มีปัญหา!”

 

แล้วหลายคนก็เริ่มกรูกันเข้ามาวุ่นวาย ราคาของปีกค้างคาวยักษ์ไม่คงที่ หากนำไปแยกขายทีละชิ้นจะอยู่ที่ประมาณ 2400 เหรียญ แต่หากขายผ่านทางกลุ่มหวันซ่ง จะขายได้ในปริมาณเยอะๆ ทว่าราคาจะถูกลง รับซื้อแค่ชิ้นละ 2100 เหรียญเท่านั้น

 

พอมีหลายคนเข้ามาช่วยนับ งานก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

 

“สินค้าของมิสเตอร์ฉินมีมูลค่า 275,000 เหรียญ ส่วนมิสเตอร์โจวฮ่าวมีมูลค่า 111,300 เหรียญ พวกคุณต้องการซื้ออะไรเพิ่มเติมก่อนจะรับเงินหรือเปล่า?” ซุนเชี่ยนถาม

 

ฉินเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าว “เอาเป็นชุดต่อสู้ T7 ก็แล้วกัน”

 

ชุดต่อสู้ T7 มีราคาแพงกว่าชุด T3 ที่ฉินเฟิงเคยใส่ก่อนหน้านี้ ราคาของมันอยู่ที่ราวๆ 150,000 เหรียญ แต่คุณภาพก็ดีกว่าเดิมตามราคา กล่าวได้ว่าหากสวมใส่ชุดนี้ ฉินเฟิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยจากการต่อสู้ในห้องทดลองระหว่างเหอหลี

 

ส่วนทางโจวฮ่าว เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะใช้เงินซื้ออะไรในตอนนี้

 

“ฉันไม่ต้องการซื้ออะไร”

 

“รับทราบ”

 

ฉินเฟิงลองสวมชุดรบ เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ สั่งซุนเชี่ยนหักเงินสำหรับชุดรบใหม่ จากนั้นก็รับเงินส่วนต่างพร้อมกับโจวฮ่าว

 

“ไปกันเถอะ” ฉินเฟิงกวักมือมาทางโจวฮ่าว

 

โจวฮ่าวต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้ขัดคำพูดของฉินเฟิง ทั้งสองเดินออกจากร้านไปพร้อมกัน

 

ทันทีที่พวกเขาออกมา โจวฮ่าวก็อดไม่ไหว

 

“ฉินเฟิง ทำไมนายไม่คิดจะทำอะไรเลยล่ะ? อาชญากรทั้งสามคนอยู่แค่ในเลเวล G เท่านั้นเองนะ!” โจวฮ่าวกล่าว

 

ฉินเฟิงสามารถสังหารไวเปอร์ลงได้ แล้วสามคนนี้จะนับว่าเป็นสิ่งใด?

 

ฉินเฟิงส่ายหัวและตอบ “พวกเขาไม่ทำอะไรหรอก แค่กำลังเลือกซื้อปืนอยู่เท่านั้นเอง”

 

โจวฮ่าวกำลังคิดตาม แต่ฉินเฟิงก็ชิงกล่าวซะก่อน “ต่อให้พวกเขามีความกล้ามากกว่านี้สักสิบเท่า พวกเขาก็ไม่กล้าปล้นร้านอุปกรณ์ของกลุ่มหวันซ่งหรอก แล้วก็อย่างที่บอกไป ว่าพวกเขากำลังเลือกปืนกันอยู่ ถ้าจู่ๆฉันพุ่งเข้าไปจับกุม แล้วในปืนมีกระสุนขึ้นมา พวกมันจะไม่สาดยิง จนคนบริสุทธิ์ที่อยู่รอบๆโดนลูกหลงหรอกหรอ?”

 

เพราะยังไงซะ พนักงานขายของร้านหวันซ่ง ก็เป็นเพียงคนธรรมดา มิได้มีความสามารถในการต่อสู้ใดๆ และอีกอย่าง คนที่กำลังแนะนำอาชญากรทั้งสามอยู่ ก็เป็นแค่วัยรุ่นหญิงอายุ 20 ปีเท่านั้น

 

โจวฮ่าวเหลียวหลังกลับไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อต้องการจะดูว่ามันจะเกิดเหตุร้ายขึ้นรึเปล่า ในหัวใจเผยถึงร่องรอยของความกังวลเล็กน้อย

 

แต่ก็เพราะการเหลียวหลังของเขานี่เอง เลยทำให้เห็นว่าอาชญากรทั้งสามไม่ได้คิดปล้นร้านจริงๆ พวกเขาก้าวฉับๆออกมา และดูเหมือนว่ากำลังตรงมาทางเขากับฉินเฟิง!

 

โจวฮ่าวตกตะลึงงันไปวูบหนึ่งกับภาพตรงหน้า

 

“เหอๆ” ฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ เขาอุตส่าห์ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีแกะอ้วนรนเข้ามาหาที่เอง

 

ปัจจุบัน ฉินเฟิงสวมชุดแบรนด์เนม ในขณะที่โจวฮ่าวแต่งกายในชุดนักเรียน

 

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงดูไม่เหมือนกับนักสู้ ในทางตรงกันข้าม คนหนึ่งดูเหมือนลูกชายผู้มีอิทธิพล อีกคนดูเหมือนคนของทหารรับจ้างที่มาเพียงลำพัง

 

หรือไม่ก็เป็นคนที่ปิดซ่อนความแข็งแกร่งแล้วมาขายของ

 

แต่แน่นอน ว่าพวกอาชญากรย่อมเชื่อในข้อแรกมากกว่า

 

เพราะเป้าหมายในข้อแรก มักจะตกเป็นเป้าหมายของสามพี่น้องตระกูลหลิว

 

-เป้าหมายในการลักพาตัว!

 

ในเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล ประวัติของทั้งสามพี่น้องก็คือ พวกเขามักจะใช้วิธีการดังกล่าวในการลักพาตัวเหยื่อ จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อหลอกลวงญาติของเหยื่อ ทำทีเป็นขอเงินให้โอนมา จากนั้นก็ทำการข่มขู่พวกเขา

 

และอัตราความสำเร็จของแผนการดังกล่าวนี้ก็สูงมาก ทั้งสามคนก่ออาชญากรรมมาแล้วหลายครั้ง

 

“มาทางนี้!” ฉินเฟิงกระซิบกับโจวฮ่าว ทั้งสองไม่กลับไปที่รถล่องเวหา แต่ตรงไปยังมุมถนนด้านข้าง

 

อาชญากรทั้งสามมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นแยกตัวไปเตรียมรถ อีกสองคนไล่ติดตามฉินเฟิงกับโจวฮ่าว

 

หลังจากนั้นพี่ชายคนโตหลิวเจียหมิงก็ชักมีดออกมา ยกขึ้นง้างเตรียมจะฟันใส่โจวฮ่าว

 

โจวฮ่าวที่ตื่นตัวอยู่แล้วในที่สุดก็ทนไม่ไหว ชิงหมุนตัวกวาดเตะเป็นวงสวนกลับไป

 

เปรี้ยง!

 

กลับกลายเป็นหลิวเจียหมิงซะเองที่ถูกลอบโจมตีใส่อย่างกระทันหัน เขากระเด็นหงายหลังไถลไปสามเมตร

 

“อั๊ก! ไอ้สารเลวเอ๊ย!”

 

หลิวเจียหมิงไม่คาดคิดเลยว่าโจวฮ่าวจะต่อต้านเขา เจ้าตัวสบถสาปแช่งด้วยความโกรธ แต่โจวฮ่าวไม่คิดเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ เขาคว้าปืนพลังงานที่เอว ยกมันขึ้น และยิงออกไปทันที

 

“อ๊าาาา!” หลิวเจียหมิงกรีดร้อง ปรากฏหลุมเลือดขึ้นบนขาของเขา

 

อันที่จริง สิ่งที่อาจารย์หยางจากสถาบันระดับสูงกล่าวนั้นไม่ได้ผิดเลย เขาสั่งสอนได้ถูกต้องจริงๆ -อาวุธปืนน่ะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้ระหว่างพวกเลเวลต่ำๆ

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกระทั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณ ก็ยังต้องพกปืนในช่วงแรก

 

หลิวเจียซิงที่อยู่ข้างๆชักปืนออกมาเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ฉินเฟิงไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายทำเช่นนั้น

 

ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นด้านข้างศัตรู วางมือลงบนไหล่ของหลิวเจียซิง

 

กร๊อบ กร๊อบ!

 

“อ๊ากกกกกก!”

 

สองไหล่ของศัตรูถูกฉินเฟิงบดขยี้จนแหลกโดยตรง!

 

เมื่อถึงจุดนี้ หลิวเจียฝูคนสุดท้ายที่อยู่ในรถเห็นท่าไม่ดี สตาร์ทเครื่องขับหนีทันที

 

“จะไปไหน? รู้ไว้ซะว่ามันสายไปซะแล้ว!”

 

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น พลางชักเอาปืนพลังงานจากเอวขึ้นมา นี่มิใช่ปืนที่เขาได้แลกเปลี่ยนมาจากซูซิงฝู หากแต่เป็นสินสงครามที่ได้รับมาจากเหอหลี

 

ปัง!

 

เสียงปืนดังขึ้น กระสุนเจาะทุลุกระจกด้านหลังของรถ มันปริร้าว แตกระแหงเหมือนใยแมงมุม วินาทีต่อมา มันก็ทะลุเข้าหลังหัวของอาชญากรคนสุดท้าย

 

รถยนต์ที่ไร้ซึ่งคนควบคุมกระแทกเข้ากับราวบันได และหยุดลงในที่สุด

 

และเนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาต่อสู้กันมันไม่ใช่มุมอับ ผู้คนที่ผ่านทางก็เริ่มกรีดร้อง พากันหนีกระเจิงด้วยความหวาดกลัว

 

สำหรับคนธรรมดา แม้ว่าสถานที่ชุมชนจะปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขเสมอไป

 

ในสถานที่ชุมชน อาจเกิดการต่อสู้ขึ้นได้ทุกเมื่อ และมันคือการต่อสู้ระหว่างคนกับคน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันโหดร้ายยิ่งกว่า และหากไม่ระวัง คุณก็อาจจะตกเป็นเหยื่ออย่างไม่ตั้งใจ!