บทที่ 274 ตอบรับอย่างจนใจ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 274 ตอบรับอย่างจนใจ
บทที่ 274 ตอบรับอย่างจนใจ

ฟ่านซีเหยียนไม่สนใจเจาหลี่เลย

เธอหันหลังให้กับเจาหลี่ และคุยกับอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแทน

“อวี้ฮ่าวหราน อีกไม่นานฉันก็จะถ่ายรายการเสร็จแล้ว หลังจากเลิกงานฉันขอชวนคุณไปทานข้าวได้ไหม? ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณเลย หลังจากเรื่องที่แล้ว”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากของฟ่านซีเหยียน เจาหลี่ก็ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง…

ถัดมาสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอับอายอย่างรุนแรง

เมื่อกี้ฟ่านซีเหยียนเพิ่งบอกกับเขาว่าไม่ว่างไม่มีเวลากินข้าวกับใครทั้งนั้น แต่ตอนนี้เธอกลับชวนชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขาซะงั้นเนี่ยนะ?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เจาหลี่แทบจะกระอักเลือดมากกว่านั่นก็คือ ชายหนุ่มที่เพิ่งโดนไอดอลของเขาชวนกลับตอบปฏิเสธ!

“ไว้คราวหน้าดีกว่า วันนี้ผมพาครอบครัวมาเที่ยว ผมอยากพาลูกสาวของผมดูวิวบนนี้ให้เต็มที่มากกว่า”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มก่อนที่จะปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

เขาเพิ่งพาหลี่หรงและถวนถวนขึ้นมาเอง และยังไม่ได้ไปเดินเที่ยวที่ไหนเลย ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อยากจะต้องมานั่งรอกินข้าวกับใครทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม ฟ่านซีเหยียนกลับยังคงดึงดัน

“ไม่ ไม่ เราไม่จำเป็นต้องลงไปทานที่ร้านอาหารด้านล่าง เราหาร้านอาหารบนนี้ทานกันก็ได้! บนนี้มีร้านอาหารหลายร้านที่มีรสชาติดี ๆ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจาหลี่ก็ยิ่งอยากจะกระอักเลือด

นี่มันบ้าอะไรกัน!

ทีตอนฉันชวน ผู้หญิงคนนี้ไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน แต่พอไอ้เวรนี่ปฏิเสธ เธอกลับรั้งมันซะงั้น!

แต่แล้ว คำพูดต่อมาของอวี้ฮ่าวหราน มันยิ่งทำให้เจาหลี่ช็อกกว่าเดิม

“ไม่ล่ะ เอาไว้คราวหน้าดีกว่าวันนี้ผมต้องการเที่ยวชมรอบ ๆ ที่นี่ก่อน”

อวี้ฮ่าวหรานปฏิเสธอีกครั้ง

ฟ่านซีเหยียนเป็นนักร้องที่ดังมาก ขืนเขาตอบตกลงไป มันจะทำให้การเที่ยวคราวนี้ของพวกเขาไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยจากสายตาของฝูงชนจำนวนมากที่คอยจับจ้องเขากับเธอ…

การถูกจับตามองโดยคนจำนวนมากไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มชื่นชอบนัก

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนี้จู่ ๆ หลี่หรงเอ่ยขึ้นแทรกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก

“พี่เขย พี่จะปฏิเสธคุณฟ่านทำไมนักหนา! รอบที่แล้วพี่และถวนถวนได้กินข้าวกับคุณฟ่านไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้กินบ้างเลย ฉันอยากกินข้าวกับคุณฟ่าน!”

แน่นอนว่าการได้กินข้าวกับไอดอลที่เธอชอบคือสิ่งที่เธอต้องการมากกว่าการเที่ยวชมวิวที่นี่!

อวี้ฮ่าวหรานอึ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้ของน้องภรรยาตัวเอง จากนั้นก็ทำได้แต่ลอบถอนหายใจและตอบกลับอย่างจนใจ

“ก็ได้ ๆ งั้นเรารอกินข้าวเที่ยงกับฟ่านซีเหยียนก็ได้”

อวี้ฮ่าวหรานจำเป็นต้องตอบตกลง เพราะไม่งั้นหลังจากนี้เขาคงหูชาทั้งวันแน่ ๆ จากคำบ่นของหลี่หรง

ฟ่านซีเหยียนแสดงสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินคำตอบตกลงของอวี้ฮ่าวหราน แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในเรื่องที่หลี่หรงดูมีอิทธิพลต่ออวี้ฮ่าวหรานมากทั้ง ๆ ที่เป็นแค่น้องภรรยา?

ฟ่านซีเหยียนเคยเจออวี้ฮ่าวหรานมาหลายรอบแล้ว ดังนั้นเธอจึงพอมองออกว่า อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนที่เด็ดขาดมาก หากตัดสินใจอะไรแล้วมันแทบไม่มีทางเลยที่เขาจะเปลี่ยนใจ…

แต่แค่คำพูดประโยคเดียวของน้องภรรยากลับทำให้เขาเปลี่ยนการตัดสินใจได้ในทันทีเนี่ยนะ?

มันแปลกจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะแปลกแต่ท้ายที่สุดหากมันทำให้เธอได้ในสิ่งที่เธอหวัง เธอก็รู้สึกยินดีกับมันเช่นกัน

ฟ่านซีเหยียนยิ้มกว้าง

“เยี่ยมเลย! พวกคุณรอกันสักเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันขอไปคุยกับผู้จัดการส่วนตัวและถ่ายรายการต่ออีกนิด จากนั้นฉันจะรีบพาพวกคุณไปกินข้าวทันที!”

ทางด้านของเจาหลี่ เมื่อฟังมาถึงจุดนี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตะโกนชี้หน้าอวี้ฮ่าวหรานอย่างเดือดดาล

“กินข้าวงั้นเหรอ! ฉันไม่ยอมโว้ย! แกไม่มีสิทธิกินข้าวโต๊ะเดียวกับไอดอลของฉัน พวกแกทุกคน กระทืบไอ้เวรนี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

ในขณะที่ตวาด เจาหลี่ออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดของตัวเองจัดการอวี้ฮ่าวหราน

ตั้งแต่เกิดมาเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจมาตลอด ดังนั้นจะยอมโดนหักหน้าแบบนี้ได้ยังไง!

ทางด้านของพวกบอดี้การ์ด เมื่อได้ยินคำสั่งเจ้านายของตัวเอง พวกเขาต่างก็ก้าวออกมาเตรียมตัวกระโจนเข้าหาอวี้ฮ่าวหราน

อย่างไรก็ตาม ฟ่านซีเหยียนที่เห็นเหตุการณ์นี้กระซิบบอกบอดี้การ์ดของเธอทันทีเช่นกัน

“หัวหน้าหวัง! อย่าให้คนพวกนี้ทำร้ายเพื่อน ๆ ของฉัน!”

หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดของฟ่านซีเหยียนพยักหน้ารับคำสั่งทันที จากนั้นเขาก็โบกมือออกคำสั่งลูกน้องของตัวเองสิบกว่าคนให้เดินออกไปขวางกลุ่มของเจาหลี่

ลูกน้องของหัวหน้าหวังแต่ละคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพที่มีประสบการณ์มามากมาย ดังนั้นแค่เพียงพวกเขาก้าวออกไป กลุ่มของเจาหลี่ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันและหยุดชะงักในทันที!

กลุ่มบอดี้การ์ดของเจาหลี่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพวกตนเองนั้นเทียบไม่ได้เลยกับบอดี้การ์ดของฟ่านซีเหยียน ดังนั้นถ้าพวกเขายังดื้อดึงมากไปกว่านี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย…

เจาหลี่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็หน้าซีดไปเช่นกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าบอดี้การ์ดมืออาชีพ ความมั่นใจของเขาก็สลายหายไปหมด

“ธ…โธ่เว้ย! ไป พวกเรากลับ!”

เพราะความหวาดกลัว เจาหลี่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยกลับไปก่อน

หลังจากกลุ่มของเจาหลี่จากไปเรียบร้อย ฟ่านซีเหยียนก็รีบวิ่งกลับไปคุยกับผู้จัดการส่วนตัวของเธอ จากนั้นก็กลับไปถ่ายรายการอยู่อีกราวสิบห้านาที ก่อนที่จะเดินกลับมาหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการส่วนตัวของฟ่านซีเหยียนมองมายังอวี้ฮ่าวหรานตาไม่กะพริบ

เธอไม่เข้าใจเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นใคร ทำไมถึงได้มีอิทธิพลต่อฟ่านซีเหยียนขนาดนี้?

ปกติฟ่านซีเหยียนไม่เคยไปกินข้าวกับใครเลย แถมยังเป็นคนที่เห็นงานสำคัญที่สุด แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้ฟ่านซีเหยียนเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน?

“เรียบร้อยแล้ว! ไปกัน พวกเราไปหาของอร่อย ๆ กินกัน!”

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของฟ่านซีเหยียน อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนใจ เขาอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อพักผ่อนแท้ ๆ และอยากชมวิวในสถานที่ ๆ เขาเคยมากับหลี่เม่ย แต่ทำไมตอนนี้กลับต้องมานั่งกินข้าวกับนักร้องด้วยล่ะเนี่ย?

“อืม ถ้างั้นคุณนำไปเลย”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับ

ถวนถวนแสดงสีหน้าเบิกบานมาก ๆ เช่นกัน

“เย้! หนูจะได้กินข้าวกับพี่สาวฟ่านอีกแล้ว!”

เด็กน้องรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะล่าสุดที่เธอได้กินข้าวกับฟ่านซีเหยียนและได้ลายเซ็นกลับไป มันทำให้เพื่อน ๆ ในโรงเรียนอิจฉาเธออย่างมาก!

หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง ทุกคนก็เดินไปถึงร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่ริมหน้าผาซึ่งมีวิวที่ดีมาก ๆ

เมื่อมีนักร้องดังอย่างฟ่านซีเหยียนมากินอาหารในร้าน ทางร้านอาหารจึงรีบปิดโซนที่ฟ่านซีเหยียนนั่งทันทีเพื่อความเป็นส่วนตัว และที่รอบนอก พวกบอดี้การ์ดต่างก็ยืนกั้นผู้คนป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาถ่ายภาพได้

“เอ่อ…คุณฟ่าน…ฉันขอลายเซ็นคุณหน่อยจะได้ไหม?”

ในระหว่างอยู่ที่โต๊ะอาหาร หลี่หรงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า

สีหน้าประหม่าของหลี่หรงนั้น ทำให้อวี้ฮ่าวหรานคิ้วกระตุก ในตอนที่อยู่กับเขา น้องภรรยาของเขาคนนี้เอาแต่บ่นเขาโดยไม่เกรงใจเลย แต่พออยู่ต่อหน้าฟ่านซีเหยียนกลับกลายทำตัวเหมือนลูกแมวซะงั้น

“อ..อ้อได้สิ ฉันมีรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นอยู่หลายใบในกระเป๋า เดี๋ยวฉันให้คุณหมดเลยก็แล้วกันนะ!”

ฟ่านซีเหยียนอึ้งไปชั่วขณะเหมือนกันกับสีหน้าและท่าทางของหลี่หรง ก่อนที่จะหยิบรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นห้าหกใบยื่นให้อีกฝ่าย

“อะ ทั้งหมดนี่ฉันให้หมดเลย!”

หลี่หรงดวงตาเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น 5-6 ใบในมือของฟ่านซีเหยียน

“น…นี่คุณให้ฉันหมดเลยจริง ๆ เหรอ?”

ในขณะที่พูด หลี่หรงก็รีบรับรูปถ่ายเหล่านั้นมาและกอดเอาไว้แนบกับอกอย่างหวงแหน เธอสะสมของทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟ่านซีเหยียน แต่รูปถ่ายพวกนี้นั้นเป็นรูปใหม่ที่ฟ่านซีเหยียนยังไม่เคยแจกที่ไหนมาก่อน ดังนั้นหลี่หรงจึงยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเดิมที่เธอได้รูปชุดใหม่พวกนี้เป็นคนแรก!

หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง อาหารมากมายก็ถูกนำมาจัดวางบนโต๊ะและในระหว่างที่กินกันอยู่นั้น ฟ่านซีเหยียนก็คุยถึงเรื่องการเจอกันของเธอกับอวี้ฮ่าวหราน

เมื่อฟังไปได้สักพัก หลี่หรงก็ยิ่งเริ่มเบาใจ เพราะเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านซีเหยียนถึงได้อยากจะเลี้ยงข้าวอวี้ฮ่าวหรานเช่นนี้

ที่แท้มันก็เป็นเรื่องการตอบแทนบุญคุณที่พี่เขยของเธอเคยช่วยอีกฝ่ายแค่นั้นเอง นักร้องดังอย่างฟ่านซีเหยียนคงไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับพี่เขยของเธอหรอก…จริงไหม?

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ฟ่านซีเหยียนก็ขอตัวจากไปทำงานต่อ

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน ชายหนุ่มก็พาถวนถวนและหลี่หรงออกไปเดินเที่ยวชมทิวทัศน์ของภูเขาเหมยซานจนถึงเวลาบ่ายสาม

เมื่อใกล้จะเย็น เจ้าหน้าที่ดูแลภูเขาเหมยซานก็ประกาศผ่านลำโพงว่าใกล้จะถึงเวลาปิดสถานที่แล้ว

“เอาล่ะ ที่นี่ใกล้จะปิดแล้วพวกเราไปที่โรงแรมด้านล่างที่พี่จองไว้กันก่อน พรุ่งนี้เราค่อยออกเดินทางกันต่อ”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนที่จะพากลุ่มของเขานั่งกระเช้าลงไปด้านล่าง

โรงแรมไป๋ติง คือโรงแรมที่ดีที่สุดในระแวกใกล้เคียงภูเขาเหมยซาน ผู้คนที่เข้ามาพักที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐีกันทั้งนั้น

อวี้ฮ่าวหรานจองห้องที่โรงแรมนี้เอาไว้สองห้อง เขาพักคนเดียวในอีกห้องหนึ่งเพราะต้องการความสงบในการบ่มเพาะ

อย่างไรก็ตาม พอถึงเวลาที่จะบ่มเพาะ ชายหนุ่มกลับไม่มีสมาธิเลย นึกไม่ถึงเลยว่าการมาที่นี่มันจะยิ่งทำให้เขาคิดถึงหลี่เม่ยมากขึ้น จนสงบใจไม่ได้…