บทที่ 275 ความทุกข์ใจของนักร้องดัง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 275 ความทุกข์ใจของนักร้องดัง
บทที่ 275 ความทุกข์ใจของนักร้องดัง

เมื่อมั่นใจแล้วว่าวันนี้ตัวเองไม่สามารถสงบใจบ่มเพาะได้แน่นอน อวี้ฮ่าวหรานจึงถอนหายใจยาวก่อนที่จะออกไปจากห้องเพื่อไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ด้านนอกโรงแรม

เป็นเวลามากกว่าสามหมื่นปีที่เขาไปอยู่ในสถานที่ที่โหดร้ายอย่างดินแดนแห่งเทพ มีหลายครั้งที่ชายหนุ่มเกือบเอาตัวเองไม่รอดจนท้ายที่สุดเขาต้องยอมเสียแทบจะเกือบทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมาอยู่ที่นี่เพื่อหวังว่าจะได้พบหน้าลูกเมีย

แต่แล้วพอเขากลับมา หลี่เม่ยกลับหายไปไหนก็ไม่รู้…

หลังจากเดินไปพลางคิดเหม่อไป อวี้ฮ่าวหรานก็เดินมาถึงลานโล่งซึ่งเป็นจุดชมดาวที่อยู่ด้านหลังโรงแรม

ค่ำคืนนี้เป็นคืนฟ้าเปิด ซึ่งมันยิ่งทำให้มองเห็นพระจันทร์และหมู่ดาวนับหมื่นได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม…

มันสวยงามมากจริง ๆ

และในระหว่างที่ยืนมองหมู่ดาวอยู่นั้น หางตาของอวี้ฮ่าวหรานได้สังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวภายในลานโล่งนี้ ชายหนุ่มพบว่ามีหญิงสาวอีกคนหนึ่งกำลังยืนเหม่อมองดาวอยู่เช่นกัน

นี่มันจะบังเอิญไปหน่อยหรือเปล่า?

ฟ่านซีเหยียนอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ??

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อชายหนุ่มลองนึกทบทวนดูดี ๆ ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในย่านแถวนี้ ดังนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่นักร้องดังอย่างฟ่านซีเหยียนจะเลือกมาพักอยู่ที่นี่

ในขณะนี้ ฟ่านซีเหยียนซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีขาวกำลังเหม่อมองไปที่ดวงดาวมากมายบนท้องฟ้าโดยไม่รู้เลยว่ามีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง

“อะแฮ่ม…”

เสียงกระแอมเบา ๆ ทำให้ฟ่านซีเหยียนได้สติ เธอจึงรีบหันกลับมามองทันที

“เอ๊ะ? นี่คุณ!”

ฟ่านซีเหยียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าคนที่กระแอมคือ อวี้ฮ่าวหราน!

เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อทันที

บรรยากาศตอนนี้ที่เธอพบกับเขามันชวนให้นึกถึงในหนังรัก ที่รอบ ๆ มีป่าเขาที่สวยงามและดวงดาวเต็มท้องฟ้า มันเหมือนกับฝันเลย!

“นี่ฉันฝันไปงั้นเหรอ?”

ฟ่านซีเหยียนหลุดปากพูดไปโดยควบคุมไม่ได้

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ ทันที

“ไม่หรอก คุณไม่ได้ฝัน”

เขาตอบกลับพลางเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกและถามขึ้น

“ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ทำไมคุณถึงออกมาที่นี่คนเดียว?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นแววตาของอีกฝ่ายมันดูซึมเศร้า

นักร้องที่ดังมาก ๆ แบบนี้มีอะไรให้ต้องเศร้ากัน?

“ม…ไม่มีอะไรหรอก…ฉันแค่…มีหลายเรื่องในหัว ฉันก็เลยออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเพื่อที่หัวจะได้โล่งมากขึ้น…”

หลังจากตอบกลับ ฟ่านซีเหยียนหันกลับไปเหม่อมองภูเขาเหมยซานที่เห็นเป็นแค่เพียงเงาสีดำ ด้วยแววตาที่เศร้าซึมมากกว่าเดิม

“คุณเองก็มีหลายเรื่องให้ต้องคิดด้วยงั้นเหรอ?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความทุกข์ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน อวี้ฮ่าวหรานจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นต่อ เขาไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมีอีกด้านที่ดูทุกข์ทนเช่นนี้

“เรื่องอะไรงั้นเหรอที่กำลังรังควานใจคุณ?”

“หลายเรื่อง มันหลายเรื่องมาก ๆ ซึ่งไม่มีใครอยากจะมารับฟังฉันหรอก” ฟ่านซีเหยียนตอบกลับอย่างโดดเดี่ยว

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง มีผู้คนมากมายอยู่รอบตัวคุณ ไม่มีใครปฏิเสธที่จะฟังคำพูดนักร้องดังอย่างคุณหรอก” อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ

“พวกเขาก็แค่อยู่รายล้อมฉัน แต่พวกเขาไม่ได้ห่วงใยฉันจริง ๆ หรอก ไม่มีใครสนใจว่าฉันคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง พวกเขาสนแค่ว่าฉันควรจะคิดยังไงก็เท่านั้น”

ในระหว่างที่พูด ฟ่านซีเหยียนไม่ได้มองหน้าอวี้ฮ่าวหรานเลย เธอเอาแต่เหม่อมองไปที่ภูเขาเหมยซาน

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย คำพูดของอีกฝ่ายมันคล้ายกับตัวตนของเขาเมื่อก่อนนี้เลย

เมื่อในอดีตไม่มีใครในตระกูลหลี่สนใจเลยว่าเขาพยายามทำงานหนักแทบตาย ทุกคนล้วนเอาแต่ดูถูกเขา ไม่มีใครเลยที่สนใจความรู้สึกของเขา

แต่ชายหนุ่มเองยังโชคดีมากกว่าฟ่านซีเหยียนตรงที่เขามีหลี่เม่ยคอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจตลอดเวลา เขาจึงยังพอทนกับเรื่องราวเลวร้ายแบบนั้นได้…

“ไหนคุณลองระบายให้ผมฟังสักหน่อยสิ มันจะดีกว่าหากคุณได้พูดให้ใครสักคนฟัง”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุด อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้น

“อืม…”

ถัดมาทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่เป็นเวลาพักใหญ่ ๆ ซึ่งในระหว่างที่รับฟังความทุกข์ของฟ่านซีเหยียน อวี้ฮ่าวหรานก็ให้คำแนะนำเป็นช่วง ๆ อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักร้องดัง แต่สุดท้ายแล้ว…เธอก็เป็นแค่หญิงสาวที่อายุยี่สิบต้น ๆ ซึ่งไม่มีประสบการณ์ทางโลกอะไรมากนัก

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำถามขึ้น

“จริง ๆ แล้วคุณอยากเป็นนักร้องดังหรือเปล่า?”

“อาจจะ ฉันชอบให้คนอื่นจำฉันได้”

“อืม เอาล่ะ ผมขอตัวไปนอนก่อน คุณเองก็รีบกลับห้องเถอะนี่มันดึกมากแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในโรงแรม

ฟ่านซีเหยียนมองตามหลังอวี้ฮ่าวหราน จนเมื่อเห็นอีกฝ่ายลับตาไป เธอจึงเริ่มเดินไปอีกทางหนึ่ง

แต่แล้วในขณะที่เธอใกล้จะเดินไปถึงจุดที่เป็นร้านอาหารด้านนอกของโรมแรมซึ่งตอนนี้ปิดอยู่ มันกลับมีเงาของชายฉกรรจ์หลายคนโผล่ออกมาจากมุมมืด!

“ว๊าย…อุ้บ!!”

ฟ่านซีเหยียนกรีดร้องด้วยความตกใจแต่แค่เพียงเสี้ยววินาทีปากของเธอก็ถูกปิดอย่างรวดเร็ว!

ร่างกายบอบบางของเธอพยายามขัดขืน แต่มันไร้ประโยชน์!

ในขณะเดียวกันชายร่างอ้วนที่ก็โผล่ออกมา

“ฮ่าฮ่า! ฟ่านซีเหยียน! ฉันอุตส่าห์ชวนเธอกินข้าวแต่เธอกลับไม่ยอมกินเองนะ! ตอนนี้ฉันคงต้องขอหยาบคายกับเธอบ้างแล้ว!”

แน่นอนว่าชายร่างอ้วนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเจาหลี่จากเมื่อตอนกลางวันนั่นเอง!

เขาให้ลูกน้องของตัวเองติดตามความเคลื่อนไหวของฟ่านซีเหยียนมาตั้งแต่เย็นแล้ว และเมื่อตอนนี้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่คนเดียวตามลำพังเขาจึงลงมือทันที!

“หึหึหึ เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธออยู่ในมือของฉันแล้ว เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปสถานที่ดี ๆ ที่เราจะได้มีความสุขกันสองคน!”

สายตาของเจาหลี่ตอนนี้มองไปที่ฟ่านซีเหยียนอย่างกระหื่นกระหาย ในใจของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องสกปรกไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง!

“ฮือ…ฮือ…”

ฟ่านซีเหยียนยังคงดิ้นรน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีแรงพอจะสู้กับผู้ชายร่างโต ๆ ได้ ท้ายที่สุดจึงทำได้แต่ร้องไห้อย่างน่าเวทนา

“ไร้ประโยชน์ ขัดขืนไปก็เท่านั้น! เธอมันโง่เองที่แอบหนีออกมาคนเดียว มอบโอกาสทองนี้ให้ฉัน!”

เจาหลี่เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีด

ตราบใดที่แผนการวันนี้สำเร็จ เขาคงมีความสุขไปจนวันตาย!

ดังนั้นเพื่อแผนการนี้เขาจึงยอมทุ่มสุดตัว

ในทางกลับกัน ฟ่านซีเหยียนรู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด

หากเธอถูกไอ้คน ๆ นี้ล่วงเกินจริง ๆ ชีวิตของเธอมันคงจบสิ้น มันคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น

เมื่อคิดได้เช่นนี้น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลพรั่งพรูมากกว่าเดิม

แต่แล้วในช่วงนาทีแห่งความสิ้นหวังนี้ จู่ ๆ กลับมีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น

“หึหึ พวกแกนี่มันเดนสังคมจริง ๆ”

เสียงที่เย็นชานี้ทำให้กลุ่มของเจาหลี่สะดุ้งโหยงและหันไปมองทันที

“ฉันขอแนะนำให้พวกแกปล่อยเธอซะ ไม่งั้นพวกแกไม่มีทางออกไปจากที่นี่ในสภาพสมบูรณ์แน่นอน”

ในขณะที่พูดประโยคนี้ เจ้าของเสียงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้จนเจาหลี่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่น มันคืออวี้ฮ่าวหราน!

เมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหรานมาแค่คนเดียว เจาหลี่ก็หัวเราะขึ้นอย่างดูถูก

“ฮ่า ๆ ปั้ดโธ่เอ๊ย ฉันก็นึกว่าใคร? ที่แท้มันก็เป็นแกนี่เอง! ทำไม แกอยากรับบทเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวงั้นเหรอ?”

“แกคิดว่าตอนนี้ มันจะเหมือนตอนกลางวันหรือไง? แกเชื่อไหมว่ามันจะไม่มีใครรู้เลยหากฉันฆ่าแกตอนนี้?”

ในระหว่างที่พูด แววตาของเจาหลี่เปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาตั้งใจที่จะฆ่าอวี้ฮ่าวหรานจริง ๆ เพื่อปิดปาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชายอ้วนคนนี้ไม่รู้เลยว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว!