“ฉันหวังว่าจะได้เข้าร่วมงานแต่งงานที่พี่ชายของฉันรู้สึกเต็มใจนะคะ ถ้าเป็นเรื่องที่ทำไปผ่านๆ อย่างนั้นฉันขอไม่ไปดีกว่าค่ะ” สิ้นประโยค หลินเฉี่ยนเดินผ่านเฉวียนจื่อเยี่ย และรีบออกไปตามหาหลี่จิ่นแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าต้องไปเจอกับอะไรก็ตาม

 

 

“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้แอบวางแผนอะไรเอาไว้” เฉวียนจื่อเยี่ยหัวเราะออกมาขณะที่มองหลินเฉี่ยนเดินหายจนลับตาไป

 

 

เขาใช้ทั้งชีวิตอยู่ใต้การบงการของคุณนายเฉวียนมาโดยตลอด และไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลยแม้แต่น้อย จากนี้ไปเขาจะทำให้เธอรู้ว่าไม่มีใครมาควบคุมชีวิตเขาได้อีก

 

 

 

 

หลินเฉี่ยนเริ่มออกรถมุ่งตรงไปยังจุดหมาย ฐานทัพอากาศ เธอต้องได้เห็นหลี่จิ่นและมั่นใจว่าเขาปลอดภัย

 

 

ทว่าแน่นอนว่าฐานทัพไม่ใช่ที่ที่ให้คนนอกเข้าไปได้ง่ายๆ ดังนั้นหลังจากขับรถถึง 3 ชั่วโมงและมาถึงทางเข้าฐานทัพ นายทหารบางคนก็เข้ามาขวางเธอไว้

 

 

“คุณครับ นี่เป็นเขตกองบัญชาการทหารหลัก ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ครับ”

 

 

“ฉันมาหาหลี่จิ่น” หลินเฉี่ยนชี้แจงเหตุผลของเธอ “ฉันเป็นแฟนของเขาค่ะ…”

 

 

“ต้องขอโทษด้วยครับ แต่คุณเข้าไปไม่ได้เด็ดขาดครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม” ทหารเฝ้ายามยืนกราน

 

 

“แค่เข้าไปเยี่ยมก็ไม่ได้เหรอคะ”

 

 

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ขอโทษด้วยครับ อย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยนะครับ ดึกแล้ว รีบกลับบ้านเถอะครับ ที่นี่อยู่ห่างไกลมากคุณคงจะหาที่พักใกล้ๆ แถบนี้ไม่ได้”

 

 

หลินเฉี่ยนรู้ว่าฐานทัพทหารเป็นสถานที่ที่เข้มงวด แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ไม่น่าล่ะแม้แต่คุณพ่อหลี่ถึงยังไม่ได้ข่าวเรื่องลูกชายของตัวเอง

 

 

“อย่างนั้นฉันก็จะรออยู่ที่นี่แหละค่ะ” หลินเฉี่ยนไม่ยอมแพ้และไม่มีใครสามารถยับยั้งอะไรเธอได้

 

 

ทหารยามส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจขณะที่นำเธอไปรอที่พื้นที่ที่ปลอดภัย สุดท้ายหลินเฉี่ยนจึงใช้เวลาครึ่งวันไปกับการรออยู่ที่เดิม

 

 

จนกระทั่งทหารยามหมดเวลาประจำการและผลัดเปลี่ยนเป็นคนอื่นเข้ามาแทน และแน่นอนว่าทหารยามคนใหม่ยังคงปฏิบัติกับหลินเฉี่ยนเช่นเดิม เขาไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรคำสั่งทางทหารก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้

 

 

ไม่นานหลังจากนั่งมองรถทหารขับเข้าออกฐานทัพ เพื่อที่จะถามเรื่องของหลี่จิ่นเท่าที่จะทำได้ หลินเฉี่ยนเข้าไปขวางรถแต่ละคันเอาไว้

 

 

“เสี่ยวฟัง ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน” หนึ่งในผู้บังคับบัญชาสังเกตเห็นหลินเฉี่ยนขณะที่เขาออกจากฐานทัพและอดไม่ได้ที่จะถามกับทหารยาม

 

 

“ผู้หญิงคนนี้อ้างว่าเธอเป็นแฟนของนายพลหลี่ครับท่าน เธอมาที่นี่เพื่อดูว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงครับ” ทหารยามรายงาน “เพื่อป้องกันไม่ให้มีสายสืบเข้ามาในฐานทัพเราเลยไม่ได้แจ้งใครว่าเธอมาครับ”

 

 

“เธอมารอตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วครับ…” ทหารยามตอบ

 

 

“อย่างนั้นก็ให้คนไปส่งเธอออกไป ที่นี่เป็นฐานทัพทหาร คนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป” เจ้าหน้าที่ระดับสูงเอ่ยก่อนเลื่อนกระจกขึ้นและจากไป

 

 

หลังรับคำสั่ง นายทหารคนนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากไปบอกกับหลินเฉี่ยน “คุณครับ ทำไมไม่ให้ผมไปส่งคุณกลับไปในเมืองล่ะครับ ไม่มีทางที่คุณจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปหรอกนะครับ”

 

 

“ฉันจะรออยู่ที่นี่ค่ะ” หลินเฉี่ยนยืนกรานหนักแน่น

 

 

เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับไปทำหน้าที่ต่อพลางมองหลินเฉี่ยนพิงตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง

 

 

เพราะเธอไม่อาจไปขวางทางเข้าออกฐานทัพ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากจอดรถในจุดที่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรและเดินมาที่ทางเข้า เธอจึงไม่สามารถกลับไปที่รถของตัวเองได้เพราะจะทำให้ตัวเองยิ่งเป็นอันตราย

 

 

ทั้งหลินเฉี่ยนยังตั้งใจแล้วว่าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าจะได้เห็นหน้าหลี่จิ่น

 

 

ดังนั้นหลังจากหนึ่งคืนผ่านไป เธอจึงยังคงยืนหยัดรออยู่ด้านนอกทางเข้าต่อไป

 

 

ทหารยามผลัดเปลี่ยนหน้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า หากแต่หลินเฉี่ยนยังไม่ได้รับข่าวของหลี่จิ่นแต่อย่างใด

 

 

“คุณครับ กลับบ้านเถอะครับ คุณต้องทานอาหารและพักผ่อนนะครับ”

 

 

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

 

 

“นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาอวดว่าตัวเองอดทนและมุ่งมั่นหรอกนะครับ ที่นี่เป็นฐานทัพทหารครับ”

 

 

“แฟนของฉันเป็นทหารและฉันก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา จะให้ฉันทำยังไงล่ะคะ” เธอท้วงขึ้นอย่างท้อใจ “ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณหรอกนะคะ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะไม่ขัดขวางฉันเหมือนกัน…”

 

 

“คุณนี่มันดื้อด้านจริงๆ เลย…” ทหารยามรู้สึกเอือมระอา

 

 

หลินเฉี่ยนเพิ่งจะหายดีจากอาการป่วยหนัก และตอนนี้เธอใช้เวลาทั้งคืนอยู่กลางแจ้งเธอจึงเริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเป็นลมไปได้

 

 

ทว่า…

 

 

…ไม่นานเสียงก็ดังมาจากบริเวณที่เธอยืนอยู่ ทหารยามรีบหันไปมองตามต้นเสียงและวิ่งไปหาหลินเฉี่ยน “คุณครับๆ …อย่าเพิ่งเป็นลมไปนะครับ”

 

 

เมื่อไม่มีทางเลือก ทหารยามทำได้เพียงเรียกนายทหารบางคนให้ไปส่งหลินเฉี่ยนที่โรงพยาบาลทหารใกล้ๆ

 

 

หลินเฉี่ยนหมดสติลงไประหว่างที่หมอกำลังดูอาการให้เธอ

 

 

 

 

เวลาเที่ยงคืน หลี่จิ่นและเพื่อนร่วมภารกิจของเขาขับรถออกมาจากฐานทัพหลังเสร็จสิ้นภารกิจพิเศษ เขาได้รับมอบหมายให้คุ้มกันอาชญากรคนหนึ่งกลับมาที่จีนเพื่อทำการสอบสวน ด้วยอาชญากรมีลูกสมุนอยู่มาก จึงต้องมีขั้นตอนที่ยืดเยื้อและยากลำบากซึ่งกินเวลายาวนาน ทำให้เขาต้องเสียเวลาไปมาก

 

 

ในที่สุดภารกิจก็ถูกส่งต่อให้คนอื่นก่อนหลี่จิ่นจะแยกตัวออกมาด้วยความเหนื่อยล้า แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายังคงอยู่ในรถคันเดียวกับเขา

 

 

ขณะที่ประตูรถเปิดออก ทหารยามต่างตกใจที่เห็นหลี่จิ่น หากแต่ก็ตัดสินใจรายงานกับเขา “ท่านครับ ผมมีเรื่องจะรายงานครับ”

 

 

“อะไรล่ะ ว่ามา” หลี่จิ่นมีท่าทีเหนื่อยล้า

 

 

“เมื่อวานช่วงบ่ายมีผู้หญิงคนหนึ่งมาตามหาท่านที่ฐานทัพครับ เพราะข้อบังคับของฐานทัพที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป เธอเลยยืนรออยู่ด้านนอกทั้งวันทั้งคืนและหมดสติไปในที่สุดครับ เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนของท่านครับ”

 

 

ลูกน้องในรถหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น “หัวหน้า ท่านมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ”

 

 

“นั่นสิ ใช่ไหมล่ะ ท่านรู้เรื่องที่หันเซียวตกหลุมรักท่านมานานแล้วหรือเปล่าครับ เมื่อไม่นานมานี้เธอย้ายมาประจำการที่ฐานทัพนี้เพราะท่านเลยนะครับ”

 

 

หากแต่หลี่จิ่นไม่ได้สนใจจะฟังเรื่องนั้นขณะเอ่ยถามทหารยาม “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนแล้ว”

 

 

“เธอถูกส่งไปโรงพยาบาลทหารแล้วครับ”

 

 

ได้ยินดังนั้น เขาก็เร่งเครื่องขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที

 

 

ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะมีแฟนสาว ถึงอย่างไรเขากับหันเซียวก็เหมาะสมกันดี เขาไม่ชอบหันเซียวบ้างเลยหรือ

 

 

เพื่อความแน่ชัดเพื่อนและลูกน้องของหลี่จิ่นตามเขาไปที่โรงพยาบาล และรู้เลขห้องคนไข้ของหลินเฉี่ยนอย่างรวดเร็ว

 

 

ในเวลานี้หลินเฉี่ยนยังคงไม่ได้สติ แม้ว่าสีหน้าของเธอจะไม่ได้ซีดเซียวเหมือนอย่างตอนที่เธอหมดสติไปในช่วงแรก แต่พวงแก้มของเธอก็ไม่ได้กลับมามีเลือดฝาดเหมือนอย่างเคยเช่นกัน

 

 

“พยาบาลครับ เธอเป็นยังไงบ้างครับ”

 

 

“เธอแค่อ่อนเพลียเกินไปเท่านั้นค่ะ” นางพยาบาลตอบ

 

 

หลี่จิ่นนั่งลงข้างเตียงหลินเฉี่ยนก่อนกดเปิดเครื่อง ตอนนั้นเองที่ข้อความหนึ่งจากหลินเฉี่ยนปรากฏขึ้นบนหน้าจอท่ามกลางข้อความจากคนอื่นๆ

 

 

“หัวหน้าครับ เธอ…”

 

 

“เธอเป็นแฟนของผมเอง” หลี่จิ่นยอมรับ

 

 

“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่กวนท่านแล้วนะครับ”

 

 

พวกเขานิ่งอึ้งที่เห็นหลี่จิ่นเรียกใครบางคนบนโลกใบนี้ว่าเป็นแฟนสาวของตัวเอง เดิมทีพวกเขานึกว่าเขาจะไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนอีก ด้วยมีหันเซียวอยู่ข้างๆ แล้วเขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นผู้หญิงของเขา ใครจะไปคิดว่าเฉิงเหย่าจิน [1] จะปรากฏตัวขึ้นอย่างคาดไม่ถึงและทำแผนพังเช่นนี้…

 

 

หลี่จิ่นยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงหลินเฉี่ยน ในตอนนี้เขาไม่เห็นใครในสายตาอีกแล้ว ได้แต่รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจ

 

 

เขาไม่เคยคิดว่าจะทำให้คนรักของตัวเองเป็นห่วงเขามากขนาดนี้

 

 

การปรากฏตัวของหลินเฉี่ยนทำให้เขาทั้งอุ่นใจและเจ็บปวด

 

 

 

 

——

 

 

[1] แม่ทัพจีนจากราชวงศ์ถังที่ขึ้นชื่อด้านการซุ่มโจมตีศัตรู