ตอนที่ 890 หาโอกาสมาตกลงกัน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากหมดสติไปนานในที่สุดหลินเฉี่ยนฟื้นขึ้นมาในเวลาราวห้าทุ่มครึ่ง ทันทีที่เปิดเปลือกตาขึ้น เธอเห็นใบหน้าของหลี่จิ่น เธอตกใจไปเล็กน้อยในทีแรกหากแต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

“เฉี่ยนเฉี่ยน…”

 

 

“คุณไม่เป็นไรสินะคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งขณะมองไปที่หลี่จิ่น “ฉันอยากจะนอนพักอีกสักหน่อยค่ะ”

 

 

เขายื่นมือออกไปกุมมือข้างขวาของเธอเอาไว้พลางพยายามพูดเสียงอ่อนโยนที่สุด “นอนพักเถอะครับ ผมจะอยู่ตรงนี้เอง”

 

 

หลินเฉี่ยนค่อยๆ หลับตา ทว่าในจังหวะถัดมาอยู่ๆ ดวงตาของเธอก็เปิดขึ้นอีกครั้ง “ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ”

 

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ” หลี่จิ่นตอบพลางคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แน่น “ผมผิดเองที่ไปหาคุณช้าอีกแล้ว”

 

 

“ไม่เห็นต้องพูดเรื่องไร้สาระอย่างนั้นเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณควรโทรหาพ่อแม่ของคุณนะคะ พวกท่านเป็นห่วงคุณมากจริงๆ ” พูดจบหลินเฉี่ยนก็หลับตา ในครั้งนี้เธอคงได้หลับอย่างสนิทใจเสียที

 

 

หลี่จิ่นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเธออย่างไร มาถึงป่านนี้เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองละเลยคนอื่นขนาดไหน

 

 

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหลินเฉี่ยนจะเห็นด้วยหรือเปล่า เขารู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขาทำได้

 

 

เขาช้อนตัวหลินเฉี่ยนขึ้นจากเตียงและอุ้มเธอออกจากโรงพยาบาล

 

 

เธออึ้งกับการกระทำอย่างกะทันหันของเขา จึงรีบโอบรอบคอเขาก่อนเอ่ยถาม “คุณจะทำอะไรคะ”

 

 

“ผมจะพาคุณไปที่หนึ่งครับ” สิ้นประโยค หลี่จิ่นวางร่างของเธอเข้าไปในรถ และขับมุ่งหน้าเข้าไปในป่า ไม่นานก็มาถึงยอดเขา สถานที่ที่ราวกับอยู่ห่างท้องฟ้าเพียงเอื้อมมือ

 

 

หลี่จิ่นเปิดหลังคารถและดึงหลินเฉี่ยนมาเอนกายพิงกับตัวเองไว้ ขณะที่ห่อตัวเธอไว้ใต้ผ้าห่มอย่างมิดชิด

 

 

“ท้องฟ้าตอนกลางคืนที่นี่สวยที่สุดในปักกิ่งครับ”

 

 

หลินเฉี่ยนเข้าใจการกระทำที่ละเอียดอ่อนของเขา หากแต่หัวใจของเธอกลับเริ่มเต้นระรัวขณะที่เบียดกายเข้าสู่อ้อมกอดของหลี่จิ่น สัมผัสได้ถึงแผงอกแน่นที่แนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ ความจริงแล้วเธอยังรู้สึกถึงจังหวะหัวใจของเขาด้วยซ้ำ

 

 

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”

 

 

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าอะไรพาให้ฉันมาที่นี่เหมือนกันค่ะ ฉันรู้แต่ว่าฉันมาถึงที่นี่แล้วฉันจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด แต่ไม่คิดว่าร่างกายของฉันจะอ่อนแอขนาดนี้”

 

 

หลี่จิ่นไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

 

 

ตลอดช่วงสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่นึกว่าตัวเองจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่ามันคงไม่ง่ายนัก ทว่าในตอนนี้ที่เขากำลังกอดหลินเฉี่ยนไว้ในอ้อมแขน ในที่สุดเขาก็รู้ซึ้งว่าร่างกายของคนเราไม่อาจฝืนหัวใจไปได้ และมันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา

 

 

เขาอยากโอบกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักที่มีให้กับเธอ

 

 

แม้ว่าท้องฟ้าในยามค่ำคืนจะงดงาม แต่ไม่นานหลินเฉี่ยนก็เริ่มจามออกมาเพราะความหนาวเย็น หลี่จิ่นรู้ว่าเธอคงไม่อาจอยู่กลางแจ้งท่ามกลางสายลมในตอนกลางคืนได้นานนัก เขาจึงรีบพยุงเธอกลับไปนั่งและมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านตระกูลหลี่

 

 

“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านคุณนี่คะ”

 

 

“อือหึ” เขาตอบรับก่อนก้าวออกจากตัวรถและอุ้มเธอไว้ในวงแขนอีกครั้ง

 

 

สมาชิกครอบครัวหลี่ถึงกับอึ้งไป หลี่จิ่นไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่บ้านมาก่อน ทั้งตอนนี้เขายังอุ้มเธอเข้ามาในบ้านอีก แน่นอนว่าคุณนายหลี่และคุณพ่อหลี่เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขามองค้างขณะที่ตามหลี่จิ่นเข้าไปที่ห้องของเขา

 

 

“ลูก…”

 

 

“แม่ครับ ช่วยทำซุปให้ผมได้ไหมครับ”

 

 

“ได้สิจ๊ะ” คุณนายหลี่รีบหันกลับไปทันที พร้อมคุณพ่อหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างและกระแอมในลำคอ เขายังคงอยู่ในอาการตกตะลึง ลูกชายของเขาช่างกล้าหาญจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวคนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังพาเธอมาถึงที่บ้าน

 

 

แน่นอนว่าหลินเฉี่ยนเองก็ตกใจจนพูดไม่ออกเช่นกัน เธอจึงแสร้งทำเป็นหลับไปเพื่อหลีกเลี่ยงความประหม่า

 

 

“หลี่จิ่น ออกมาสักเดี๋ยวสิ” เมื่อเห็นว่าเขาช่วยเธอให้นอนดีๆ แล้ว คุณพ่อหลี่เรียกลูกชายของตัวเองออกมาที่ห้องนั่งเล่น “นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะ ทำไมอยู่ดีๆ ลูกถึงอุ้มแม่หนูคนนี้กลับมาที่นี่”

 

 

“เธอรอผมอยู่ที่ฐานทัพอยู่ทั้งวันทั้งคืนจนเป็นลมไปครับ ผมกลัวว่าตัวเองจะดูแลเธอได้ไม่ดีเลย…” หลี่จิ่นตอบกลับ

 

 

“เด็กคนนี้เป็นลูกสาวที่ตระกูลเฉวียนรับมาเลี้ยงใช่ไหม” คุณพ่อหลี่ถามขึ้น

 

 

“ครับ”

 

 

“เธอดูเป็นเด็กว่าง่ายดีนะ ไม่มีอะไรระหว่างเธอกับพี่ชายของเธอจริงๆ ใช่ไหม”

 

 

“ไม่มีครับ” เขายืนกรานด้วยความมั่นใจ

 

 

คุณพ่อหลี่เชื่อในการตัดสินใจของลูกชาย เขาจึงพยักหน้ารับ “โอเค ไหนๆ ลูกก็พาเธอมาถึงที่นี่แล้ว แม่ของลูกกับพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ เราไม่ได้ต้องการอะไรจากลูกสะใภ้ของเรา แค่เธอเป็นคนดีก็พอแล้ว”

 

 

“เดี๋ยวพ่อก็จะรู้เองหลังจากได้รู้จักเธอครับ” หลี่จิ่นออกปากรับรอง

 

 

ไม่นานคุณนายหลี่ก็ทำซุปเสร็จและถือชามเข้ามาในห้อง ในตอนนี้เองที่หลินเฉี่ยนไม่อาจแกล้งตายได้อีกต่อไปเพราะคุณนายหลี่จับได้เสียแล้ว

 

 

“หนู ลุกขึ้นมาทานซุปสักหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้หลับอยู่”

 

 

หลินเฉี่ยนไม่มีทางเลือกนอกจากลุกขึ้นมาและเอ่ยขอโทษ “ฉันขอโทษนะคะ คุณป้า คือว่าฉันไม่รู้จะทำตัวยังไงน่ะค่ะ…”

 

 

“เธอไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกนะ พวกเราเองก็งงแทบตายเหมือนกัน” คุณนายหลี่ว่าขึ้นด้วยท่าทีไม่คิดมาก “แต่ไหนๆ เธอก็อยู่ที่นี่แล้ว หมายความว่าพวกเธอมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันใช่ไหมจ๊ะ”

 

 

ใบหน้าของหลินเฉี่ยนขึ้นสี ทว่าเธอก็พยักหน้าตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

 

“เยี่ยมไปเลยจ้ะ งั้นเราหาโอกาสมาตกลงกันนะจ๊ะแล้วพวกเธอจะได้คบกันอย่างเป็นทางการสักที…”

 

 

นี่คุณนายหลี่กลัวว่าเธอจะหนีไปหรืออย่างไรกัน

 

 

หลินเฉี่ยนชักเริ่มกลัวครอบครัวนี้ซะแล้วสิ…

 

 

 

 

ข่าวเรื่องหลินเฉี่ยนลอยเข้าหูถังหนิงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เธอจะบุกไปที่ฐานทัพทหารเพื่อรอหลี่จิ่น เธอยังถูกลากไปพบพ่อแม่ของเขาที่บ้านอีกด้วย พวกเขาคืบหน้าไปกันอย่างรวดเร็วพอๆ กับตอนที่เธอกับโม่ถิงเจอกันครั้งแรกเลย

 

 

ทว่าแน่นอนว่าในฐานะเพื่อน เธอยินดีที่หลินเฉี่ยนจะได้มีความสุขสักที

 

 

ในขณะเดียวกัน ราชินีมด ได้เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ

 

 

หากแต่ในตอนที่เคทมาถึงปักกิ่ง เธอยังคงเล่นแง่ไม่เลิก เดิมทีเธอได้เพิ่มเงื่อนไขบางข้อลงไปในสัญญาที่ทำกับเฉียวเซินแล้ว แต่ก่อนการถ่ายทำจะเริ่มขึ้นเธอกลับยังเรียกร้องเพิ่มเติมอีก

 

 

เฉียวเซินโกรธจนกินอะไรไม่ลงตลอดทั้งวัน เขาไม่อาจทำใจยอมรับได้แต่ก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน

 

 

ถึงอย่างไรเธอเองก็เป็นบุคคลที่หาตัวจับได้ยาก เขาจึงต้องรักษาเธอไว้

 

 

ในตอนนี้โม่ถิงยังไม่ได้เริ่มเข้ากองถ่าย มีเพียงตัวละครสมทบที่เริ่มถ่ายทำฉากของตัวเอง ในขณะที่ทีมงานทั้งหมดรับปากอย่างมั่นอกมั่นใจ นักแสดงคนอื่นๆ ยังไม่ได้เห็นหน้านักแสดงนำทั้งสองคนด้วยซ้ำ พวกเขารู้เพียงว่านักแสดงนำหญิงเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อว่าเคท

 

 

เคทเป็นหญิงสาวที่ทุกคนเฝ้าใฝ่หา แต่เฉียวเซินรู้ว่าเมื่อมีคนเข้ามาเกี่ยวพันกับเธอจะต้องเป็นเรื่องใหญ่โตทุกครั้งไป

 

 

สุดท้ายเฉียวเซินจึงบอกถังหนิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเคท แม้ว่าเธอจะไม่อยากมาพบเคท เธอก็ต้องลงมาจัดการด้วยตัวเองเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ราบรื่น

 

 

ทีมงานของเคททำตัวอวดดีไม่น้อย จะว่าไปแล้วหากไม่ใช่เพราะจำนวนเงินที่เสนอมา เคทไม่มีทางร่วมถ่ายทำเช่นนี้แน่

 

 

นอกจากผลประโยชน์เรื่องเงินแล้ว ทีมงานฝ่ายผลิตที่ไม่มีชื่อเสียงแม้แต่น้อยคงอาจทำงานผิดพลาดจนไม่เหลือชิ้นดี

 

 

พวกเขากำลังอ้างว่านี่เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่ยิ่งใหญ่เรื่องแรกของจีน แต่สุดท้ายพวกเขากลับเอานักแสดงฝรั่งเศสมาเล่น หากพวกเขาแน่จริงก็ควรใช้คนในประเทศของตัวเอง

 

 

“พวกคนกระจอก!” พวกเขาคิด