ตอนที่ 1372 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (7) / ตอนที่ 1373 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (8)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1372 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (7)

 

 

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ” ผู้อาวุโสจวินงุนงง “มนุษย์ตายเพราะแสวงหาความมั่งคั่ง นกก็ตายเพราะแสวงหาอาหาร ขณะที่ชายบริสุทธิ์คนหนึ่งโดนไล่ล่าเพราะทรัพย์สมบัติของเขา! แต่ข้าคิดว่าบททดสอบนี้ค่อนข้างน่าสนใจ”

 

 

“โอ้?” มู่ต้งเลิกคิ้ว “เจ้าอยากเข้าร่วมหรือ”

 

 

ผู้อาวุโสจวินส่ายหน้า “จักรพรรดิปีศาจมีความสามารถในการครอบครองหัวใจแห่งมันตาแล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าแค่อยากเห็นความแข็งแกร่งของเมืองหลวงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสมู่อยากรับศิษย์หรอกหรือ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นโอกาสดีก็ได้แต่ข้าขอแนะนำเจ้าอย่างหนึ่งอย่ารับพวกที่ไม่ยึดมั่นในคุณธรรม!”

 

 

“ฮ่าๆ” มู่ต้งหัวเราะเบาๆ “ถ้าเจ้าสนใจ ข้าพาเจ้าไปชมบททดสอบนี่ได้นะ ส่วนเรื่องรับศิษย์ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ…”

 

 

เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสทั้งคู่ต่างดูถูกพวกที่มารวมตัวกันเพื่อทำลายจักรพรรดิปีศาจแต่ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่บททดสอบ

 

 

 

 

นครเทียนเย่ว์

 

 

บนถนนที่คึกคัก ทุกคนต่างสนทนากันเรื่องการรวมกลุ่มจำกัดจักรพรรดิปีศาจทำให้ไม่มีใครเห็นหญิงสาวที่สวมชุดขาวใช้สายตาร้ายกาจของนางกวาดมองผู้คนบนถนนอย่างเย็นชา

 

 

“อาจารย์เจ้าคะ” หลินรั่วไป๋กะพริบดวงตาน่าเอ็นดูของนางแล้วถามว่า “จักรพรรดิปีศาจที่พวกเขาพูดถึงคือใครเจ้าคะ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงก้มหน้าลูบศีษะหลินรั่วไป๋อย่างอ่อนโยนแล้วยกยิ้มบาง “คนรักของอาจารย์ของเจ้า”

 

 

“โอ้ งั้นในเมื่อพวกเขาตั้งใจจะสังหารเขา ข้าควรสังหารพวกเขาหรือไม่เจ้าคะ” หลินรั่วไป๋พูดด้วยความใสซื่อด้วยท่าทีจริงจัง ดูเหมือนว่าในความคิดนาง การสังหารใครสักคนเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนการดื่มน้ำ

 

 

“ไม่จำเป็น สิ่งสำคัญที่สุดคือตามหาเขาให้เจอหลังจากนั้นก็ยังไม่สายที่จะกำจัดพวกเขา” ประกายดุร้ายพาดผ่านดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงขณะที่ปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมา

 

 

หงหลวนที่ยืนอยู่ข้างๆ เดาะลิ้น “ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่เมืองบูรพา ชายผู้นี้ที่ชื่อจักรพรรดิปีศาจโดนยอดฝีมือจำนวนมากไล่ล่าเพราะต้องการสมบัติของเขา ไม่คิดเลยว่าแม้จะมาที่เมืองหลวงแล้ว เหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิม” หงหลวนยิ้มแล้วกอดอก

 

 

“แต่ว่ายอดฝีมือของเมืองหลวงแข็งแกร่งกว่าที่เมืองบูรพามาก อย่างในป้ายจัดอันดับก็มีคนจากเมืองบูรพาเพียงสองสามคน แต่มียอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนจากเมืองหลวง ดังนั้นแล้ว…” หงหลวนหยุดก่อนพูดต่อ “ให้หูหลีและอู๋อยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่าติดตามพวกเรา”

 

 

ส่วนหลินรั่วไป๋นั้น…

 

 

นางมีพลังไม่ปกติในร่างก็คงไม่มีปัญหาในการปกป้องตัวเอง

 

 

“หงหลวน เจ้าหมายความว่าอย่างไร” หูหลีเปลี่ยนสีหน้าทันที “อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์แล้วก็สามารถปกป้องตัวเองได้!”

 

 

หงหลวนเหลือบมองเขาแล้วยิ้มเยาะ “เจ้าปกป้องตัวเองได้แล้วเด็กคนนี้ล่ะ”

 

 

เห็นได้ชัดว่าเด็กชายกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วใช้ดวงตากลมโตมองหูหลีอย่างสิ้นหวัง

 

 

หูหลีขมวดคิ้ว ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมากที่เอาเด็กคนนี้มาด้วยมันทำให้เขาอดช่วยอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วต้องมาดูแลเด็กคนนี้ทุกวันแทน

 

 

“หูหลี เจ้า อู๋และเสี่ยวไป๋ควรอยู่ที่นี่”

 

 

“อาจารย์!” หลินรั่วไป๋กัดปากแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงขณะน้ำตาคลอเบ้า “ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงนะเจ้าคะ”

 

 

“ข้ารู้” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “แต่วิญญาณของเจ้ายังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์ข้าจึงไม่ยอมให้เจ้าออกไปต่อสู้ รอจนกว่าร่างกายเจ้าหายดีค่อยมาเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งเคียงข้างข้าก็แล้วกัน เข้าใจหรือไม่”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1373 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง (8)

 

 

หลินรั่วไป๋ก้มหน้าผ่านไปสักพักถึงยอมเหลือบตาขึ้นมามองแล้วพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านแต่ว่าอาจารย์เจ้าคะ ท่านต้องรีบหาคนรักให้เจอโดยเร็วที่สุดนะเจ้าคะ ข้าจะ…ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่”

 

 

นางเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ถ้าอาจารย์บอกให้นางอยู่ที่นี่ นางก็จะอยู่แล้วรออาจารย์กลับมา เมื่อเทียบกับนิสัยกระตือรือร้นมีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน หลินรั่วไป๋ในตอนนี้เชื่อฟังดีมากจนทำให้คนรักและเอ็นดูนางมากขึ้น ถึงแม้ว่านางจะไม่อยากแยกกับอวิ๋นลั่วเฟิงแต่นางก็เชื่อฟังคำสั่งแล้วอยู่ที่นี่

 

 

“หงหลวน พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังเดินไปที่ประตูเมืองแต่สิ่งที่เกิดขึ้นผิดจากที่นางคาดการณ์เอาไว้มาก นางถูกผู้คุ้มกันสองคนหยุดไว้ทันทีที่นางไปถึงหน้าประตู

 

 

“ช่วงนี้ประตูเมืองจะไม่เปิดให้คนทั่วไปผ่าน โปรดกลับไปด้วย”

 

 

“ทำไม” หงหลวนเก็บความโกรธไว้แล้วถามอย่างเย็นชา ผู้คุ้มกันไม่ได้เหลือบมองนาง อีกทั้งไม่ตอบคำถามนางอีกด้วย กลับเป็นคนที่ผ่านทางพวกนางไปที่ตอบ “แม่นาง พวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่าถนนในนครเทียนเย่ว์ถูกปิดอยู่ ถ้าพวกเจ้าอยากผ่าน พวกเจ้าต้องเข้าร่วมบททดสอบที่จัดโดยจวนเจ้านครเทียนเย่ว์เสียก่อน”

 

 

“บททดสอบอะไรงั้นหรือ”

 

 

“บททดสอบมีสองประเภท หนึ่งคือพลังฌาน สองคือทักษะแพทย์ มีแค่คนที่ผ่านบททดสอบเท่านั้นถึงจะสามารถติดตามกลุ่มที่จะออกเดินทางพรุ่งนี้ไปได้ ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าอย่าใช้กำลังฝืนออกเมือง ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าจะถูกยอดฝีมือของนครเทียนเย่ว์ไล่ตาม”

 

 

หงหลวนขมวดคิ้วแน่นแล้วหันมาพูดกับอวิ๋นลั่วเฟิง “อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้าตัดสินใจว่าอย่างไร ข้าจะทำตามที่เจ้าคิด”

 

 

“ถ้าพวกเราใช้กำลังฝ่าไป…ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่ได้เสียเวลาแค่คืนเดียว” นางมั่นใจว่าตัวเองสามารถหนีออกไปได้แต่หูหลีกับคนอื่นๆ ล่ะ แล้วหงหลวนอีก

 

 

นางจะยอมให้หงหลวนและคนอื่นมาเสี่ยงกับนางได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นถ้านางเลือกใช้กำลังฝ่าออกไป ยอดฝีมือจำนวนมากก็จะไล่ล่านาง แล้วตอนนั้นนางก็คงไม่เสียเวลาแค่คืนเดียวแน่นอน…

 

 

“บททดสอบจัดขึ้นที่ไหน” เมื่อคิดถึงตรงนี้อวิ๋นลั่วเฟิงก็ย้ายสายตาไปที่คนที่ผ่านมาที่ดึงความสนใจของพวกนางแล้วเอ่ยถาม

 

 

“แม่นาง พวกเจ้าอยากเข้ารับบททดสอบไหนล่ะ บททดสอบพลังฌานจัดที่สนามประลอง ส่วนบททดสอบแพทย์จัดที่โถงโอสถ”

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าไม่รู้วิชาแพทย์ เช่นนั้นข้าขอเลือกไปสนามประลองนะ” หงหลวนเลิกคิ้วแล้วออกตัวเมื่อได้ยินคำอธิบายของคนผ่านทาง

 

 

“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปโถงโอสถ” พูดจบ อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปมองคนผ่านทางอีกครั้ง “ข้ารบกวนให้เจ้าช่วยนำทางให้พวกข้าหน่อย”

 

 

คนผ่านทางผู้นี้ดูเหมือนจะยินดีนำทางให้สาวงามทั้งสอง เขาทำท่าเชื้อเชิญอย่างมีความสุขแล้วพาอวิ๋นลั่วเฟิงกับหงหลวนไปส่งที่โถงโอสถและสนามประลอง

 

 

ขณะนั้น ภายในโถงโอสถก็มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจากผู้คนจำนวนมหาศาลที่ตัวสั่นจากความกลัวเมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของบททดสอบ มีแต่คนกล้าหาญสองสามคนเท่านั้นที่แก้ปัญหายากๆ นี้ได้

 

 

ผู้อาวุโสจวินและมู่ต้งเดินเข้ามาขณะที่หลิงเอ๋อร์เดินข้างปู่ของนางมาตลอดทาง

 

 

คนในโถงโอสถไม่รู้จักผู้อาวุโสจวินแต่พวกเขารู้จักมู่ต้ง เขาเป็นที่รู้จักดีว่าแม้แต่เจ้านครเทียนเย่ว์ยังต้องประจบเอาใจ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นมู่ต้ง คนในโถงโอสถก็รีบเข้าไปทักทายเขา “ท่านมู่ เหตุใดจึงมาที่นี่ขอรับ”

 

 

สีหน้าของมู่ต้งเฉยชา “ข้าแค่มาดูบททดสอบเฉยๆ อ้อ ใช่ เขาพูดกันว่าเจ้าเอาคำถามเก่าแก่ที่ยากมากมาถาม ข้าสงสัยว่าจะมีคนตอบได้หรือ”

 

 

“ท่านมู่ ท่านต้องล้อข้าเล่นแล้ว จะมีคนตอบคำถามเก่าแก่ที่ยากแบบนั้นได้อย่างไร ตามคำสั่งของเจ้านครถ้ามีคนที่อย่างน้อยตอบได้สักส่วนของคำถามพวกเขาก็ถือว่าผ่านบททดสอบแล้วขอรับ”