บทที่ 555 ต้องการยาถอนพิษ + บทที่ 556 ยังไม่ตาย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 555 ต้องการยาถอนพิษ

ทันใดนั้น ชิงจู๋ก็เดินเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเป็นคนเก่ง ที่เขายังไม่กลับมาตอนนี้ คงเพราะว่ามีบางอย่างที่ยังต้องทำอยู่เจ้าค่ะ”

“ข้ารู้ ชิงจู๋ แล้วสถานการณ์ทางฝั่งของพ่อค้าหลวงเป็นอย่างไรบ้าง” หนิงเมิ่งเหยาวางลูกน้อยในเปล ก่อนจะหันมาถามอีกฝ่ายอย่างจริงจัง

“เหลือเพียงแค่ร้านอาหารแห่งนั้นที่ยังคงเปิดกิจการอยู่ และตอนนี้ เราได้กระจายข่าวออกไปแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกจะมีหลายคนไม่เชื่อ แต่หลังจากที่ลองทำตามคำพูดของพวกเรา ทุกคนก็เริ่มวิตกกังวล ข้าคิดว่าตอนนี้ข้างนอกคงจะเกิดความโกลาหลอยู่เป็นแน่” ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หัวเมืองหลักของเมืองหลิงเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่ว โดยเฉพาะร้านอาหารที่ชาวเหมียวเจียงเปิดกิจการนั้นได้เกิดปัญหารุนแรงมากกว่าที่อื่นๆ

หากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่รุนแรงนัก ก็คงจะสามารถกลับไปจัดการปัญหาด้วยตนเองได้ แต่สำหรับร้านที่มีปัญหารุนแรง ก็แทบจะพังพินาศลงทั้งสิ้น

หลังจากที่ซ่งลี่ถูกนำตัวกลับมาจากหน้าทางเข้าจวนของผู้สำเร็จราชการ นางก็นอนอยู่บนเตียงไม่ไปไหน และในทุกๆ วัน นางต้องสัมผัสกับความเจ็บปวด เพราะกู่พิษในร่างกายที่คอยทำร้าย ไม่ว่านางจะกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม

เดิมที ซ่งลี่ต้องการใช้กู่พิษของตนกลืนกินกู่พิษของอีกฝ่าย แต่ด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่อาจรู้ได้ ทำให้กู่พิษขนาดเล็กของพวกนั้นไม่เกรงกลัวต่อกู่พิษของนางเลยแม้แต่น้อย และทุกครั้งที่นางกำลังจะลงมือจัดการพวกมัน นางก็จะมีอาการปวดศีรษะขึ้นมาในทันที

หมอหลวงเข้ามาตรวจดูอาการเจ็บปวดของซ่งลี่ ก่อนจะแจ้งว่านางถูกวางยาพิษ โดยที่เขานั้นไม่สามารถรักษาได้

หลังจากรับฟังคำวินิจฉัย ซ่งลี่ก็แทบจะบีบคอหมอหลวงผู้นั้นจนถึงแก่ความตาย แต่จู่ๆ ชายชราก็เดินเข้ามา จึงช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ได้พอดี

ชายชรามองหน้าซ่งลี่ด้วยสีหน้าถมึงทึง “พระชายา เกิดเรื่องขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นางอดกลั้นความเจ็บปวดในร่างกาย ก่อนจะขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นอีก”

“ร้านอาหารแห่งเดียวที่ยังเปิดกิจการอยู่นั้นเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ร้านอาหารส่วนใหญ่ถูกรื้อทิ้ง และเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง นอกจากนี้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านอาหารก็ได้รับบาดเจ็บ กระหม่อมเกรงว่า หากพวกเรายังไม่ไปแสดงตัว สถานการณ์อาจจะบานปลายจนควบคุมได้ยากพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น หลิงฮ่องเต้ก็เริ่มกดดันพวกเราแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรกัน” สีหน้าของซ่งลี่เปลี่ยนไป หากร้านอาหารแห่งนั้นเกิดเรื่องขึ้น อิทธิพลที่พวกนางมีในเมืองหลิงก็จะพังทลายไปจนหมดสิ้น

“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ นอกจากเมืองเหลิงแล้ว ร้านของเราในเมืองอื่นๆ ก็…” แม้ว่าชายชราจะพูดไม่จบ แต่ซ่งลี่ก็พอจะตระหนักได้ว่าร้านค้าเหล่านั้นก็ได้รับผลกระทบ และต้องปิดตัวลงเช่นกัน

“ไปจัดการเรื่องนี้เสีย ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้” ซ่งลี่รีบออกคำสั่งในทันที หลังจากนั้นนางก็บอกให้เขาคอยเฝ้าระวัง

หลังรับคำสั่งจากนาง สีหน้าของชายชราก็ดูเหี่ยวย่นราวกับลูกพรุน หากเรื่องนี้สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เขาก็คงจะไม่ต้องวิตกกังวลเช่นนี้

ทุกคนต่างรู้กันดีว่าลูกค้าที่ไปกินอาหารในร้านของพวกเขาเป็นคนมีฐานะร่ำรวยและทรงอิทธิพล แต่ตอนนี้ความลับถูกเปิดโปงแล้ว หากอีกฝ่ายยอมให้พวกเขาแก้ไขปัญหานี้อย่างง่ายดายก็คงแปลก

นอกจากนี้ ท่าทีของหลิงฮ่องเต้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า หากพวกเขาจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ก็จะโยนความผิดทั้งหมดให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน

“พระชายา เราไม่อาจแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้พ่ะย่ะค่ะ คนพวกนั้นต้องการยาถอนพิษ และพวกเขาก็รู้แล้วว่าในจานอาหารของพวกเราวางยาพิษจากหญ้าวิเศษเอาไว้” ชายชราตอบกลับอย่างไร้ทางเลือก

ซ่งลี่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “พวกเขารู้ได้อย่างไรกัน”

“กระหม่อมเกรงว่าทงเป่าไจจะเป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ หากพวกเราไม่เอายาถอนพิษไปให้ คนพวกนั้นก็คงจะไม่นิ่งนอนใจอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” ชายชรามองนางอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร และหวังให้อีกฝ่ายคิดหาทางออก

ซ่งลี่ปัดสิ่งของต่างๆ ข้างตัวลงไปกองกับพื้น สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ในช่วงนี้ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนการของนางเลย

“เราไม่สามารถนำหญ้าวิเศษออกมาได้”

“พระชายาต้องการให้หลิงฮ่องเต้โยนความผิดให้พวกเรากลายเป็นแพะรับบาปหรือพ่ะย่ะค่ะ” ชายชรามองนางอย่างไม่พอใจนัก

จริงๆ แล้ว ตอนนั้นซ่งลี่เป็นคนต้นคิดที่จะใช้หญ้าวิเศษ แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้นในตอนนี้ นางกลับไม่ต้องการที่จะเป็นคนแก้ไขหรือ

แววตาของซ่งลี่ดูเยือกเย็นเล็กน้อย และมองชายชราอย่างเคร่งเครียด “เจ้ากล่าวโทษข้าหรือ”

“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่ไม่อยากให้พวกเราต้องกล้ำกลืนฝืนทนโดยเปล่าประโยชน์ก็เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” แม้ว่าร้านอาหารเหล่านั้นจะต้องปิดกิจการไป ชายชราก็มิได้เจ็บปวดใจแต่อย่างใด แต่เขาคงจะรู้สึกไม่ดีนัก ถ้าหากจะต้องเสียผู้คนเหล่านั้นไปด้วย

นางรู้หรือไม่ว่าการจะฝึกฝนใครสักคนนั้นจะต้องใช้เวลาและเรี่ยวแรงไปมากมายเพียงใด

“ข้าคือผู้เป็นนายของเจ้า”

บทที่ 556 ยังไม่ตาย

ซ่งลี่ไม่ชอบให้คนคนตรงหน้าพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น

“แม้ว่าพระชายาจะเป็นลูกศิษย์ของปุโรหิต แต่อย่าลืมว่าหากพระองค์ทำงานของท่านราชครูผิดพลาด ก็ต้องรับผลที่จะตามมาให้ได้”

“อย่าเอาท่านราชครูมาขู่ข้า” สีหน้าของซ่งลี่โกรธจัดจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มในทันที

ซ่งลี่และฮ่องเต้คือนายท่านแห่งเหมียวเจียง แล้วทำไมนางจะต้องหวาดกลัวต่อชายที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เขาคือชายที่ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าอันแท้จริงของตนเอง และนางเกลียดคนเช่นนี้ที่สุด

ชายชรามองซ่งลี่อย่างสุขุม “พระชายาตรัสกับราชครูเช่นนั้นก็ได้ และกระหม่อมก็หวังว่าพระองค์จะนำหญ้าวิเศษมาได้ มิเช่นนั้น เมื่อถึงเวลา พวกเราจะตายกันหมด”

สีหน้าของซ่งลี่ดูโกรธจัดสลับกับหวาดกลัว นอกจากนี้ ความเจ็บปวดที่ชอนไชอยู่ในร่างกายยังทำให้ใบหน้าซีดเซียวของนางนั้น ยิ่งไร้สีสันจนแทบจะโปร่งใส

“ข้าไม่ต้องการทำเช่นนั้น” ซ่งลี่ขบฟันกรอดและยังคงดื้อดึง นางไม่ต้องการจะนำหญ้าวิเศษออกมา

เมื่อเห็นท่าทีของนาง ชายชราจึงยิ้มและผงกศีรษะ “ในเมื่อพระชายาไม่ประสงค์จะทำ กระหม่อมก็ไม่บังคับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ชายชราเอ่ยพร้อมยิ้มเล็กน้อย “แต่ถ้าหากราชครูต้องการหาตัวผู้กระทำความผิด กระหม่อมก็จะพูดถึงเรื่องนี้เอง”

“เจ้าขู่ข้าหรือ” ซ่งลี่เอ่ยอย่างโกรธแค้น

ชายชราส่ายศีรษะเบาๆ “หาใช่ไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้ขู่พระองค์ กระหม่อมเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น ระหว่างหญ้าวิเศษกับชีวิตของพระองค์ สิ่งใดสำคัญกว่ากันหรือพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ก็น่าจะรู้ ดังนั้นนพระหม่อมจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

ซ่งลี่มองชายชราด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “เหมียวเจียงเป็นของฮ่องเต้ พวกเจ้าทุกคนคือคนทรยศ”

“ฮ่าๆ เป็นของเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ หากพวกพระองค์ไม่สังหารคนในตระกูลหนานจนหมดสิ้น ตอนนี้ก็คงยากที่จะบอกได้ว่าใครคือฮ่องเต้กันแน่” ชายชราหัวเราะเยาะเย้ย

ในอดีต มีเด็กน้อยจากตระกูลหนานคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์เรื่องกู่พิษอย่างมาก และเขายังได้รับการคัดเลือกจากราชากู่ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอีกด้วย เดิมที เด็กชายคนนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้มากที่สุด แต่ทว่าฮ่องเต้คนปัจจุบันของเหมียวเจียงกลับสังหารตระกูลของเด็กหนุ่มผู้นั้นจนหมดสิ้น แม้แต่ราชากู่ก็ยังหายตัวไปนานนับสิบปี ทั้งหมดนั้นคือการกระทำของหญิงสาวตรงหน้าเขาที่ร่วมมือกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฮ่องเต้ในปัจจุบันนั่นเอง

ผู้ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากราชากู่ แต่ต้องการจะขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเช่นนั้นหรือ เขาคิดว่าผู้คนจำนวนมากหลงเชื่อเช่นนั้นจริงๆ หรือ นั่นเป็นเพราะมีท่านปุโรหิตที่คอยสนับสนุนเขาอยู่ต่างหาก

“เจ้า…” ซ่งลี่กำลังจะปะทุอารมณ์ความโกรธ แต่จู่ๆ นางก็ตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง

ในตอนที่นางเข้าไปในจวนของผู้สำเร็จราชการนั้น นางได้พบกับชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างองค์หญิง และดูเหมือนเขาจะมีชื่อว่าหนานอวี่

หนาน…เป็นไปได้หรือไม่… ดวงตาของซ่งลี่เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

หากการสันนิษฐานของนางถูกต้อง ชายหนุ่มที่ชื่อว่าหนานอวี่คงจะต้องเป็นทายาทของตระกูลหนานอย่างแน่นอน นอกจากนี้เขาอาจจะเป็นผู้ครอบครองราชากู่อีกด้วย

เมื่อชายชราเห็นสีหน้าของซ่งลี่เปลี่ยนไป เขาก็คิดในใจ ‘หญิงผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จู่ๆ สีหน้าท่าทางของนางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง’

“เด็กคนนั้นยังไม่ตาย”

“พระชายาหมายความว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเช่นกัน เขามองซ่งลี่และขมวดคิ้ว

“ในจวนของผู้สำเร็จราชการ มีคนๆ หนึ่งที่ชำนาญเรื่องกู่พิษ เขามีนามว่าหนานอวี่ นอกจากนี้ราชากู่อาจจะอยู่กับเขาด้วย” ตอนที่ซ่งลี่อยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการนั้น นางพยายามจะกระตุ้นกู่พิษของตน แต่ไม่เป็นผล ดูเหมือนว่ากู่พิษของนางจะหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

แม้ว่ากู่พิษเหล่านั้นจะเทียบกับตัวก่อนหน้านี้ของนางไม่ได้ แต่มันก็ถือว่าเป็นกู่พิษระดับสูง อย่างไรก็ตาม ตอนที่นางอยู่ที่นั่น พวกมันกลับไร้ประโยชน์ และเอาแต่ตัวสั่นไม่หยุด จึงพิสูจน์ได้เพียงอย่างเดียวว่าราชากู่จะต้องอยู่ในจวนแห่งนั้นอย่างแน่นอน

ชายชราขมวดคิ้วมองซ่งลี่ หากเป็นเรื่องจริง ก็ยิ่งจัดการสถานการณ์ตอนนี้ได้ยากขึ้นอีก และเมื่อเห็นสภาพของซ่งลี่เช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องการแก้แค้น

และขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ ซ่งลี่ก็กรีดร้องและกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเจ็บปวด ราวกับว่ากระดูกในร่างกายของนางกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับว่านางถูกฝูงมดนับร้อยนับพันตัวกัดแทะไปทั่วร่างกาย ความเจ็บปวดทรมานเหล่านี้ทำให้ซ่งลี่แทบบ้าคลั่ง

หนานอวี่กำลังเป่าขลุ่ยอยู่บนหลังคาจวนผู้สำเร็จราชการ ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉย แต่แววตาคู่นั้นกลับดูกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขากำลังตื่นเต้นกับเรื่องบางอย่าง

ชิงซวงยืนมองหนานอวี่อยู่ด้านล่างและรู้สึกเป็นห่วง นางจึงกระโจนตัวขึ้นมาหาเขาในทันที “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าสบายดี เพียงแค่คิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ก็เท่านั้น” หนานอวี่ดูหดหู่เล็กน้อย