บทที่ 553 ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย + บทที่ 554 ศัตรูที่เป็นคนฆ่าล้างตระกูล

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 553 ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย

ซ่งลี่มองอู๋โยวอย่างตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดจาเช่นนั้นกับตน “ข้า…”

“ซ่งลี่ ตอนนี้ ข้าเพียงอยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนั้น” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าพูดจาตะกุกกะกัก อู๋โยวจึงเผยรอยยึ้ม พร้อมกับสีหน้าอันเยือกเย็น

“ท่านพี่ชิงเฉิง ข้าไม่ได้ตั้งใจ เชื่อข้าเถอะ” เมื่อรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ จู่ๆ นางก็มองชายหนุ่มด้วยแววตาเศร้าสร้อยพร้อมกับมีน้ำตาคลอ หนิงเมิ่งเหยาแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อเห็นนางเล่นละครตบตาเช่นนี้

หนิงเมิ่งเหยาขยี้ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อว่าคนที่เพิ่งโจมตีนางอยู่เมื่อครู่ จะกลายเป็นคนที่อ่อนไหวเช่นนี้

อู๋โยวมองซ่งลี่อย่างเย้ยหยัน แววตาคู่นั้นแสดงให้เห็นถึงความเหยียดหยาม “ซ่งลี่ คนอื่นๆ อาจจะตกหลุมพรางนี้ แต่ไม่ใช่ข้า เจ้าคิดว่าตนเองคือซ่งลี่คนเดียวกับเมื่อสิบปีก่อนหรือ”

“ข้า…”

“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าพอจะเดาได้แล้วว่าจริงๆ แล้วเจ้าไม่เคยจริงใจกับข้าเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าเพียงหลอกใช้ข้าเท่านั้น” อู๋โยวลูบหน้าผากของตน สีหน้าและแววตาของเขาดูหนักแน่นอย่างยิ่ง

ซ่งลี่มองชายหนุ่ม “เจ้ายอมละทิ้งความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันมาหลายปีเช่นนั้นหรือ”

“ความสัมพันธ์หลายปีรึ เหอะ” อู๋โยวยิ้มเยาะเย้ยตนเอง

“พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะความผิดพลาดเล็กน้อยของข้า เจ้าถึงกับต้องการจะลบข้าทิ้งไปเลยหรือ” ในสายตาของซ่งลี่ การที่นางใส่กู่พิษในร่างของอู๋โยวนั้นเป็นเพียงความผิดพลาดเล็กน้อยที่ไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนี้

ทันใดนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ปรากฏตัวต่อหน้าซ่งลี่ ก่อนจะบีบคอนาง และเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “ความผิดพลาดเล็กน้อยหรือ ดีเลย ถ้าเช่นนั้นเราก็จะให้เจ้าได้ลิ้มลองความเจ็บปวดจากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นั่น หนานอวี่”

“รขอรับพี่สะใภ้” หนานอวี่หยิบเม็ดโอสถสีแดงออกมาและยัดมันใส่ในปากของซ่งลี่โดยที่นางพยายามขัดขืน

หนิงเมิ่งเหยามองดูสีหน้าสะพรึงกลัวของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มและเอ่ยขึ้น “อย่ากังวลเลย มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ยาพิษและกู่พิษตัวเล็กน่ารักตัวหนึ่งเท่านั้น มันไม่ทำให้เจ้าถึงตายหรอก”

“พวกเจ้า… เฟยชิงเฉิง จะมากเกินไปแล้ว”

เดิมที อู๋โยวต้องการให้ทั้งสองคนปล่อยตัวซ่งลี่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาจึงเงียบต่อไป

“เมิ่งเหยา ข้าจะกลับไปนอนพักก่อน” เขาเมินเฉยต่อซ่งลี่ที่ดูโกรธเคือง หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัว แผ่นหลังของเขาเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ราวกับว่าเขาตัดขาดจากนางได้แล้ว

หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจแผ่วเบา และคิดว่าชายผู้นี้คงจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่กว่าจะออกมาอีกครั้ง

“ใครกันแน่ที่มากเกินไป เจ้าไม่คสมควรได้รับความรักจากเขาด้วยซ้ำ หนานอวี่ จับตัวนางออกไป หากนางยังกล้าแอบเข้ามาในจวนแห่งนี้อีก ก็ฆ่านางทิ้งได้เลย” หนิงเมิ่งเหยาเดินกลับเข้าห้อง แต่ซ่งลี่ที่อยู่เบื้องหลังนั้นกำลังเบิกตากว้าง

นางสามารถเข้ามาที่นี่ในวันนี้ได้ เพียงเพราะว่าหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ ตั้งใจปล่อยให้นางเข้ามาเช่นนั้นหรือ

หนานอวี่มองสีหน้าของซ่งลี่ ก่อนจะหัวเราะเยาะ “แล้วเจ้าคิดว่าเข้ามาได้ง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไรล่ะ นั่นเพราะว่าพี่สะใภ้ของข้าตั้งใจจะให้อู๋โยวคลายปมในใจของเขาได้สำเร็จต่างหากเล่า”

หลังจากพูดจบ หนานอวี่ก็ลากตัวนางไปที่ประตูหลัก และโยนนางลงกับพื้น โดยไม่สนใจว่านางเป็นหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย

คืนนั้น ซ่งลี่รู้สึกว่าถูกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ในใจของนางเชื่อมั่นมาตลอดว่าอู๋โยวจะยอมให้อภัยนางเสมอ ไม่ว่านางจะทำอะไรผิดพลาด แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ไม่ยกโทษให้นาง เขายังพูดเป็นนัยว่าขอตัดความสัมพันธ์กับนางอีกด้วย

นางรู้ว่านางอาจทำผิดที่ใส่กู่พิษในร่างกายของอู๋โยว แต่สาเหตุที่นางทำเช่นนั้น เพราะไม่อยากให้เขาปฏิบัติกับคนอื่น เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติกับนางนั่นเอง

หลังจากที่พวกเขาไม่พบเจอกันมากว่าสิบปี ซ่งลี่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะหมดรักนางเช่นนี้

เมื่อคิดถึงอู๋โยว ร่างกายของนาง โดยเฉพาะตรงหัวใจก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับว่ามีมือข้างหนึ่งเข้ามาบีบอย่างรุนแรง

ใบหน้าอันซีดเซียวของนางนั้น ดูไร้สีสันยิ่งกว่าเดิม

ขณะนั้นเอง ซ่งลี่ก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า อู๋โยวต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้มาตลอดหลายปี’

เมื่อนางคิดถึงอู๋โยวอีกครั้ง ความเจ็บปวดในร่างกายของนางก็รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ซ่งลี่ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นและเดินกลับไป นางจึงขดตัวลงอย่างทรมาน

บทที่ 554 ศัตรูที่เป็นคนฆ่าล้างตระกูล

ซ่งลี่กุมหน้าอกด้วยมือทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ใบหน้าของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อจนผมเผ้าเปียกโชก นางกัดริมฝีปากของตนแน่น

อู๋โยวยืนมองซ่งลี่จากระยะไกล และรู้สึกเหมือนเห็นภาพตนเอง

ตอนนั้น เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก มันเจ็บปวดจนเขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ทำให้เขาพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง สิ่งที่ซ่งลี่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดที่เขาเคยเจอมาเท่านั้น

ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองแขนข้างซ้ายของตนที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการทำร้ายตนเองในตอนที่เขารู้สึกเจ็บปวด

อาการที่ซ่งลี่เป็นอยู่ตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อู๋โยวมองซ่งลี่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวจากไป

“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองอู๋โยวและเอ่ยถามอย่างสุขุม

ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ข้าไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร”

หญิงสาวยิ้มอย่างแผ่วเบา “ซ่งลี่จะไม่มีจุดจบที่สวยงาม เพราะหนานอวี่จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น หากเจ้ารับไม่ได้ ก็จงออกไปจากตรงนี้เสียดีกว่า” หญิงสาวต้องการบอกเขาก่อนล่วงหน้าว่าซ่งลี่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คนทั้งตระกูลของหนานอวี่ถูกสังหาร หนานอวี่จึงไม่มีทางปล่อยให้ซ่งลี่ลอยนวลไปอย่างแน่นอน

อู๋โยวยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ข้ายังอยากที่จะติดตามพวกเจ้าอยู่ ส่วนซ่งลี่…ข้าไม่มีพันธะใดๆ กับนางอีกต่อไปแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยายักไหล่และยิ้มอย่างสุขุม “ดี”

“ข้าอยากรู้ว่าหนานอวี่เป็นใครหรือ”

“หลังจากที่ราชากู่เลือกเขา เขาคือฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง แต่ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงคนปัจจุบันกลับสังหารตระกูลของเขาจนหมดสิ้น เหลือเพียงสองพี่น้องที่พยายามหลบหนีกันอย่างสุดชีวิต และนั่นทำให้พวกเขาอาฆาตแค้นซ่งลี่และฮ่องเต้คนปัจจุบัน” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ

อู๋โยวมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ท่าทีของนางดูไม่เหมือนคนที่กำลังพูดเท็จ จึงเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง

ในตอนนั้น ซ่งลี่ก่อเรื่องราวเลวร้ายไว้มากมาย อู๋โยวยิ้มอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่านางปิดบังข้าหลายเรื่องทีเดียว”

“เจ้ายังรู้สึกว่านางเป็นคนสำคัญอยู่อีกหรือ”

“นั่นสิ ไม่ว่านางจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับข้าอีกแล้ว” อู๋โยวหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงนั้นฟังดูสบายใจขึ้นเล็กน้อย

หนิงเมิ่งเหยาบิดขี้เกียจก่อนเอ่ยขึ้น “กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะกลับไปนอนต่อเช่นกัน”

หลังจากเห็นว่าหญิงสาวจากไป อู๋โยวจึงเดินกลับเข้าห้องพักของตน แต่ตลอดทั้งคืนนั้น ชายหนุ่มนอนไม่หลับเลย เขาเพียงนั่งอยู่บนเตียงและมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย และเมื่อขอบฟ้าเริ่มมีแสงสว่าง เขาจึงลุกขึ้นขยับตัวเพื่อคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น

อู๋โยวเดินมาเยี่ยมลูกน้องของตน หลังจากนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ช่วยเขาปลอมตัวเพื่อออกไปข้างนอกจวน

“หนานอวี่ นางกลับไปที่วังหลวง…”

กลางดึกเมื่อวาน ข้ารับใช้ของซ่งลี่เห็นว่านางยังไม่กลับ จึงออกตามหา จนในที่สุดพวกเขาก็พบและพานางกลับไป

หนานอวี่ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกขอรับ” ตอนนี้กู่พิษในร่างกายของซ่งลี่นั้นได้พรากชีวิตครึ่งหนึ่งของนางไปแล้ว นอกจากนี้พิษนั่นยังทำให้นางทรมานจนไม่อยากจะชีวิตอยู่ต่อไปอีกด้วย

หนิงเมิ่งเหยาสำลัก ก่อนจะไม่คัดค้าน “ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ”

หนานอวี่รับคำ และยืนอยู่ข้างหญิงสาวโดยมิได้พูดจาอะไร

หญิงสาวผู้นั้นร่วมมือกับคนอื่น ทำให้ตระกูลของเขาต้องพังพินาศ แล้วเขาจะปล่อยให้นางตายอย่างสงบได้อย่างไรกัน ก่อนที่ซ่งลี่จะตาย เขาอยากให้นางรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังเหมือนกับที่ทำกับตระกูลของเขาเอาไว้ เมื่อเวลานั้นมาถึง หญิงผู้นั้นจะต้องตายแบบเดียวกับตระกูลของเขา นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ไฟแห่งความเกลียดชังในใจของเขาดับมอดลงได้

“หนานอวี่ เจ้าสามารถแก้แค้นได้ แต่อย่าให้ความเกลียดชังมันบังตาจนมืดบอด จะทำอะไรก็นึกถึงชิงซวงเข้าไว้” หนิงเมิ่งเหยาเห็นหนานอวี่เป็นแบบนี้แล้วก็ไม่สบายใจนัก นางจึงเอ่ยเตือนเขาอย่างจริงจัง

ร่างกายของหนานอวี่แข็งเกร็ง จากนั้นเขาจึงผงกศีรษะ “พี่สะใภ้ ข้าเข้าใจแล้วอย่ากังวลเลยขอรับ”

หนิงเมิ่งเหยาไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นจึงมองเฉียวโม่ซางที่อยู่ข้างๆ “เจ้าลิงน้อย เจ้าคิดว่าท่านพ่อใกล้จะกลับมาแล้วหรือไม่ ข้าคิดถึงท่านพ่อของเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าคิดถึงท่านพ่อบ้างหรือไม่”

เฉียวโม่ซางกระพริบตากลมโตคู่นั้นและมองผู้เป็นแม่ด้วยนัยน์ตาสีเข้ม ราวกับกำลังจะสื่อว่าเขาก็คิดถึงท่านพ่อเช่นกัน

หนิงเมิ่งเหยาเดินไปตรงเปล และอุ้มเขาขึ้นมา “เจ้าลิงน้อย ข้าอยากจะเจอท่านพ่อของเจ้ายิ่งนัก บอกข้าทีว่าข้าควรทำเช่นไร”

ชิงซวงและคนอื่นๆ ฟังหนิงเมิ่งเหยาพูดพึมพำกับลูกน้อยที่ยังแบเบาะ พวกเขาไม่อาจช่วยอะไรได้ ต่างก็รู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง