ตอนที่ 593 อดีตของราชาภูต Ink Stone_Fantasy
ท่ามกลางหมู่ดาวอันไร้ที่สิ้นสุด
เรือเสากระโดงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น
“พวกเราได้ออกจากโลกลำดับชั้นที่สี่มาเรียบร้อยแล้ว”
“ทำการยืนยันทิศทาง”
“กำลังจะเข้าสู่สนามรบในไม่ช้า”
“ส่งสัญญาณร้องขอเข้าร่วมสงครามออกไป”
“ช้าก่อน!”
สิ้นเสียง ไม่กี่ลมหายใจต่อมาก็ปรากฏเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากบนดาดฟ้าเรือ
เสียงฝีเท้านี้ยังคงวิ่งอย่างต่อเนื่อง ตรงเข้ามาในห้องของกัปตัน
“รายงานท่านประธานสมาคม! แนวหน้าได้ทำการยืนยันตัวตนของพวกเราแล้ว พวกเขาขอให้พวกเราเข้าร่วมสงครามในทันที!”
ชายชราที่มีเครายาวสีเงินหันหลังกลับมาหาผู้รายงาน ปากเอ่ยพึมพำ “เร่งด่วนขนาดนั้นเชียวหรือ? ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่คิดนะ”
ช้างๆ ชายชราเคราเงิน เป็นชายแก่หลายคนที่สวมชุดคลุมยาว ทั้งหมดต่างหันมามองหน้ากันและกัน และเห็นถึงความกังวลในแววตาของอีกฝ่าย
บางคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “หลายร้อยกองกำลัง และหลายพันจักรวรรดิได้ผนึกกำลังกัน เข้าร่วมต่อสู้แล้ว แต่สถานการณ์สงครามยังวิกฤติอยู่อีกหรือ?”
“ยังไม่หมดเท่านี้ เหล่าตัวตนทรงอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดคนแล้วคนเล่าต่างก็ก้าวเข้าร่วมสงคราม ฉะนั้น มันไม่สมควรที่จะมีปัญหาใดๆ สิ” ชายแก่อีกคนหนึ่งกล่าว
แต่ในเวลานั้นเอง อีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาในห้องกัปตัน และเปล่งเสียงด้วยความกระวนกระวาย “รายงาน! อัลเบอัสได้ถูกกองทัพพันธมิตรของพวกเราล้อมเอาไว้หมดแล้ว แต่ทริสเต้ดันได้รับโลกของเธอไปเสียก่อน ส่งผลให้สถานการณ์ในที่แห่งนั้นหยุดชะงักไป!”
หลังจากนั้นก็มีอีกคนส่งข่าว วิ่งเข้ามาในห้องกัปตัน และบอกสถานการณ์ออกไป “รายงานท่านประธานสมาคม ระบบของราชามารได้ยกทัพมาแล้ว ตามข้อมูลที่ได้รับมา แม้กระทั่งนายพลมารที่แท้จริงหลายพันตนก็ยังเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วย!”
“นายพลมารที่แท้จริงหลายพันตน?” บางคนอุทานด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ครับ และในสงครามเต็มรูปแบบครั้งก่อน ก็เป็นพวกมันนี่แหละที่ออกหน้า จนสามารถคว้าชัยยึดเอาตลอดทั้งดินแดน จนกลายมาเป็นดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรูได้”
“นี่มันช่างเลวร้าย”
“ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกมันจะเอาจริง”
ภายในห้องกัปตัน บังเกิดเสียงถกเถียงดังอื้ออึงขึ้น
บางคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา “ ตลอดหลายพันปีมานี้ พวกเราก็เคยสู้กับพวกมันมาตั้งหลายครั้ง แต่พวกเรากลับไม่เคยเห็นพวกมันบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนเลย”
ภายในห้องกัปตันจู่ๆ ก็บังเกิดความเงียบขึ้น
ทุกคนต่างจมลงสู่ในห้วงความคิด
ระหว่างนั้นเอง ปรากฏถึงนกพิราบที่ไม่รู้ว่าบินมาจากที่ไหน โฉบลงมากลางวงสนทนา ก่อนจะเกาะลงบนไหล่ของชายชราเคราเงิน
ชายชราแกะกระดาษที่พันอยู่บนขานกพิราบออก เขาคลี่มันและกวาดสายตาอ่านเนื้อหาภายในอย่างจริงจัง
“ทุกคนลองดูนี่สิ นี่คือข่าวล่าสุดจากมือมืดที่ข้ามอบหมายให้ไปอยู่ในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู เขาได้ส่งข่าวมาให้แก่ข้า”
ชายชราส่งกระดาษให้กับคนข้างๆ
“จอมมารที่แท้จริงได้ออกเดินทางแล้ว และจะนำกองทัพบุกมายังแนวหน้าในไม่ช้า” บางคนที่รับกระดาษขึ้นมา อ่านด้วยน้ำเสียงเหม่อเลย
คนแล้วคนเล่าที่รับกระดาษมาอ่านต่อ ใบหน้าของพวกเขาเริ่มกลายเป็นซีดเซียว
แม้กระทั่งมารที่แท้จริงที่อยู่ใกล้เคียงกับอาณาจักรของราชามารก็ยังถูกส่งออกมา
หากเป็นเช่นนี้ สมดุลของสงครามคงจะเอนเอียงในไม่ช้า
ชายชราเคราเงินถอนหายใจและกล่าว “ดูเหมือนว่าโลกสมบัติของทริสเต้ จะมีสิ่งที่เผ่ามารต้องการเป็นอย่างมากอยู่ภายในนั้นเป็นแน่”
“และข้าเองก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันคือสิ่งใด ดังนั้นพวกเราจะต้องหยุดมันให้จงได้!”
สีหน้าของเขากลับกลายเป็นเคร่งขรึม
“ส่งคำสั่งของข้าออกไป”
“ให้สมาชิกทุกคนในสมาคมผู้พิทักษ์หอคอยสูงมุ่งสู่แนวหน้า เข้าร่วมสงครามทันที!”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา คนทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะยืดหลังตรงและขานรับลั่น “รับทราบ!”
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว เรือเสากระโดงยักษ์เริ่มปรับองศา หันหัวไปยังทิศทางหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เรือใบนับพันที่แสนยิ่งใหญ่และมหึมา ก็เริ่มทยอยกันเร่งความเร็วขึ้น และไล่ติดตามเรือเสากระโดงยักษ์ไป
เบื้องหน้า…คือทิศทางมุ่งสู่สนามรบ!
อีกด้านหนึ่ง
ในโลกสมบัติของทริสเต้
ณ ภายในเมืองไห่เช่า
จักรพรรดินีหลี่อันเร่งท่องคาถายาวเหยียดอีกครั้ง เพื่อหมายจะเรียก ราชาภูตผีปรภพอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ภายในหมอกกลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ
คราวนี้เธอไม่เพียงแค่เธอที่ประหลาดใจ แต่แม้กระทั่งอีกสามราชาภูตก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ท่านแม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลี่อันหันหลังกลับไปถามแม่มารด้วยความสับสน
ทว่ากลับเห็นแค่เพียงแม่มารที่กำลังจ้องมองตรงมาที่กู่ฉิงซานด้วยสีหน้าแปลกๆ
เธอกล่าว “สามราชาภูต โปรดใช้ตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ของพวกเจ้า ทำการตามหาราชาภูตผีปรภพให้ข้าด้วย”
ราชาภูตผีโหย ราชาภูตผีกระหายเลือด และราชาภูตผีศพ ได้ใช้ตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ของตน ตรวจจับตำแหน่งของราชาภูตแห่งปรภพอย่างระมัดระวัง
ในช่วงเวลาสั้นๆ สายตาของพวกเขาก็เบนมาตกลงบนร่างของกู่ฉิงซาน
“เจ้าเป็นราชาภูต…เป็นผีปรภพอย่างงั้นหรือ?” ราชาภูตผีกระหายเลือดพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มนุษย์ผู้นี้เป็นคนกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์มิใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงมีตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์อยู่กับตนเองได้?” ราชาภูตผีกระหายเลือด เอ่ยด้วยความสับสน
“น่าสนใจดีนี่ เจ้ามนุษย์ผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้ข้ามผ่านโทษทัณฑ์ แต่ยังเป็นผู้ลงทัณฑ์ไปด้วยในขณะเดียวกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย” ราชาภูตผีศพกล่าว
แม่มารสวรรค์พึมพำ “ไม่ นี่มันไม่ถูกต้อง ปรภพคือสถานที่ของคนตาย แต่เขาคือ ‘คนเป็น’ จะกลายเป็นราชาภูตแห่งปรภพไปได้อย่างไร?”
เมื่อสถานการณ์มันดำเนินมาถึงจุดนี้ ผู้ชมต่างก็เริ่มรับรู้ได้ด้วยตนเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ว่ากู่ฉิงซานนั่นแหละ ที่แท้จริงเป็นราชาภูตผีปรภพ!
ลอร่ากรีดร้อง “กู่ฉิงซาน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่เจ้าตายไปแล้วหรือ?”
หลี่อันก็หันมากล่าวกับเขาเช่นกัน “เจ้าไม่คิดจะอธิบายหน่อยหรือ?”
กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบไม้เท้าออกมา
ตามด้ามจับของมันเป็นสีดำหมึก ส่วนหัวถูกประดับไว้ด้วยหัวกะโหลกเขาแหลม ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต!
ซึ่งตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ที่บนตัวไม้เท้าบังเกิดเสียงเรียกที่ฟังดูคลุมเครือออกมา
และเสียงเรียกที่ว่า นั่นก็คือการเรียกขานผู้ลงทัณฑ์ของราชาภูตแห่งปรภพ!
เนื่องจากกู่ฉิงซานยังมีชีวิตอยู่ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่ต้องการข้ามผ่านโทษทัณฑ์ ดังนั้นทัณฑ์สวรรค์จึงไม่สามารถมอบตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์ให้แก่เขาโดยตรงได้ จึงมอบหมายมันให้แก่ไม้เท้าแห่งการจองจำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชาภูตแทน
กู่ฉิงซานลูบไล้ไม้เท้าแห่งการจองจำ ก่อนจะย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาที่ตนต่อสู้ในนรก และอดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์ “ใช่ เป็นข้าเอง ข้าคือราชาภูตผีปรภพ”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่สามารถอยู่เหนือกฎเกณฑ์แห่งชีวิตและความตาย! เจ้าจะตายไปแล้วฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้อย่างไร?” แม่มารตั้งคำถาม
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าเพียงแต่ใช้เทคนิคลับบางอย่าง ถอดจิตตนเองเข้าไปในปรภพ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว ข้ามีปัญหาบางอย่างที่ต้องไปจัดการที่นั่นก็เท่านั้นเอง”
แม้เขาจะเฉลยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ทุกคนที่ฟังกลับแทบลืมหายใจ
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป หากมีคนมาบอกกับคุณว่าตนเองจำเป็นต้องลงไปยังปรภพเพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่าง ทั้งที่ยังอยู่ในฐานะคนเป็นอยู่ แบบนี้ใครมันจะเชื่อ?
อย่างไรก็ตามตำแหน่งผู้ลงทัณฑ์แห่งทัณฑ์สวรรค์ กลับปรากฏขึ้นบนตัวเขาจริงๆ
จักรพรรดินีหลี่อันสูดหายใจลึก และพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองลง
“เอาล่ะๆ งั้นตอนนี้พวกเราจะมาอธิบายถึงสถานการณ์ของทัณฑ์สวรรค์กันก่อน”
แล้วเธอก็บอกเล่าถึงประโยคก่อนหน้านี้แก่ราชาภูตตนอื่นๆ
“ราชาภูต พวกเจ้ามีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการจัดการทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้หรือไม่?” เธอเอ่ยถาม
ราชาภูตผีศพเปิดปากกล่าว “ข้าไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับมันหรอก อันที่จริงแล้วข้ากลับอยากรู้อยากเห็นในเรื่องอื่นเสียมากกว่า”
“อยากรู้อยากเห็นในเรื่องอื่นงั้นรึ?”
“ใช่ ก็เจ้ายังเป็น ‘คนเป็น’อยู่ แต่กลับสามารถไปยังปรภพได้ แต่เพียงเท่านั้นมันจะไปได้รับการยอมรับจากคนตายนับล้านๆ คนได้อย่างไร? กลวิธีใดกันที่ทำให้เจ้าได้รับคุณสมบัติเป็นราชาภูตผีปรภพ?”
“บางที อาจจะเป็นเพราะข้าสังหารคนตายมากมายที่คิดต่อต้านจนสิ้นซากล่ะมั้ง” กู่ฉิงซานอธิบาย
“โห?”
สามราชาภูตพอได้ฟังคำเขา แต่ละตนต่างก็หันมาสบตากัน และเผยถึงท่าทีสนใจ
นี่มันเรื่องแปลกเกินไป แท้จริงแล้วเป็นประสบการณ์สังหารล้างบางแบบใดกัน จึงจะสามารถกำราบคนตาย แล้วกลายเป็นจ้าวแห่งขุมนรกได้?
สามราชาภูตอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เหลือเกิน ทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนจะบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้น
ราชาภูตผีกระหายเลือดพ่นไข่มุกออกจากปากของมันและกล่าว “ในเมื่อกล่าวถึงการสังหาร ข้าเองชักจะอยากเห็นภาพของเจ้าในช่วงเวลานั้นเสียแล้วสิ”
ว่าแล้วมันก็จี้ไข่มุกไปทางไม้เท้าแห่งการจองจำ
ไข่มุกสาดแสงจรัส และเข้าครอบคลุมรอบตัวไม้เท้า
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
“ใจเย็นน่า มันก็แค่เทคนิคมนตราตรวจสอบเล็กๆ น้อยๆ ที่มักจะถูกนำมาใช้ในการลอบมองเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่ต้องการก็เท่านั้นเอง” ราชาภูตผีกระหายเลือดอธิบาย
เห็นแค่เพียงในไข่มุก ม่านแสงสีเลือดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉายภาพเคลื่อนไหวอันคมชัดขึ้น
มองไปยังกู่ฉิงซานที่กำลังถือไม้เท้าแห่งการจองจำ ยืนอยู่ท่ามกลางขุมนรก ปากอ้าถอนหายใจ “พวกเจ้าคิดว่าหลังจากที่ข้าได้ขึ้นเป็นราชาภูตแล้ว ข้าจะบัญชาเหล่าคนตายด้วยจิตเมตตากระนั้นหรือ?”
พร้อมกันกับคำพูดของเขา หลายสิบล้านล้านเสียงก็พลันกรีดร้อง โหยหวนด้วยความเจ็บปวด สะท้านไปทั่วทั้งขุมนรก
คนตายนับล้านล้านคนถูกสังหารในบัดดล
แล้วภาพก็เปลี่ยนไป
เผ่ามารนับไม่ถ้วนกำลังร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า เตรียมพร้อมที่จะทำการล้างโลก
กู่ฉิงซานยืนหยัดอยู่บนยอดเขาสูง และชูไม้เท้าขึ้นเหนือหัวเขา
บังเกิดพลังที่มองไม่เห็นแผ่ขยายออกจากไม้เท้า กวาดกระจายไปทั่วพื้นโลก
และเสียงของเขาก็ดังขึ้น “พวกเจ้าเป็นอมตะ ดังนั้นจงไปกัดกินพวกมันเสีย!”
จากนั้น เสียงสะท้านสะเทือนนับไม่ถ้วนก็ดังกึกก้องขึ้น
“แด่ราชาภูต!”
“ใช่แล้ว พวกเราจะสู้เพื่อท่านราชาภูต!”
“ราชาภูตทรงพระเจริญ!”
“ไปกัน!”
“ไปกินพวกมัน!”
เสียงคำรามสั่นสะเทือนโลกหล้าของคนตายนับร้อยล้านล้านคนสนั่นหวั่นไหว ทั้งหมดต่างกรูกันปืนขึ้นไปบนร่างของเผ่ามารตัวใหญ่ และใช้ปากกัดแทะเนื้อหนังของมันอย่างบ้าคลั่ง
เผ่ามารค่อยๆ ถูกกลืนกิน จนหลงเหลือเพียงกระดูก
แล้วภาพก็สลายหายไป
แต่ฝูงชนกลับยังคงนิ่งงัน ไม่ไหวติงไปพักหนึ่ง
เมื่อครู่…เขาสังหารคนตายนับล้านล้านคนอย่างเย็นชาและไร้ความปรานี
และเขายังสั่งกองทัพคนตายจากขุมนรก โถมเข้ากัดกินเผ่ามาร หรือกระทั่งอสุรกายทั้งเป็นจนไม่เหลือซาก
แม้ว่าจะมีเพียงสองภาพเท่านั้น แต่นี่มันช่างน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง!
“โคตรเท่เลย…นี่ใช่ไหมที่เรียกกันว่าการลงมือของราชา” ดวงตาของลอร่าเปล่งประกายสดใส
ขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไรออกมา
เห็นเมื่อว่าฉากโดยรอบตกลงสู่ความเงียบ กู่ฉิงซานก็เงยหน้าขึ้น และหันไปพูดกับหลี่อัน
แต่หลี่อันยังคงตะลึงงัน สายตาจ้องค้างอยู่แต่ในความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานกระแอมไอเบาๆ และกล่าว “นั่นมันแค่เรื่องในอดีต ตอนนี้พวกเราควรที่จะมาให้ความสนใจกับปัจจุบันจะดีกว่านะ”
“ในเรื่องกระบวนการระหว่างทัณฑ์สวรรค์ สหายราชาภูตทั้งสามมีอะไรจะคัดค้านหรือไม่?” เขาเอ่ยถาม
บังเกิดความเงียบงันไปหลายลมหายใจ
ก่อนที่ราชาภูตจะตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่คัดค้าน! เอาตามใจเจ้าเลย!!”
……………………………………………..