บทที่ 174 ศึกแย่งชิงสิทธิ์ (1)
เขตการปกครองโตว้ไห่กลับมาคึกคักอีกครั้ง นั่นเป็รเพราะชายหนุ่มชื่อ‘ซิวหลัว’ กลับมาสร้างความวุ่นวายอีกครั้ง
ซิวหลัวปรากฏตัวครั้งแรกที่บริเวณใกล้วัดกวนเหลย ตอนนั้นผลการฝึกตนยังเป็นแดนพรสวรรค์ขั้น6
เมื่อตอนที่เขาปรากฏตัวในเขตการปกครองโตว้ไห่ครั้งที่สอง ผลการฝึกตนของเขานั้นกลายเป็นแดนพรสวรรค์ขั้น9แล้ว
และครวนี้ซิวหลัวปรากฏตัวเป็นครั้งที่สาม เขาสามารถรอดพ้นจากมือของปรมาจารย์โลกยุทธ์ระดับแดนฝึกจิตขั้น9 โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ!
ซึ่งได้ยืนยันแล้วว่าคราวนี้ร่างกายของซิวหลัวนั้นมีคลื่นพลังจิตแท้ และมันก็ผนึกรวมสมบูรณ์แล้ว ก้าวเข้าสู่แดนฝึกจิตครึ่งแล้ว
เขาปรากฏตัวสามครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งห่างกันไม่นาน ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ความก้าวหน้านั้นรวดเร็วมาก สามารถเรียกได้ว่าเป็นปีศาจ
ลู่เมิ่งเหยาประสบความสำเร็จบรรลุไปถึงแดนพรสวรรค์ขั้น3 และหลังจากที่ออกจากห้องแล้วนางก็ได้ยินเรื่องนี้ นางจึงไปเยี่ยมหลัวซิวทันที
เพียงแต่หลังจากหลัวซิวกลับมาในองค์กรนักล่ายุทธ์แล้วเขาก็ฝึกตนปิดขัง และฝึกฝน‘พลังก่อรวมวิญญาณ’อยู่ในห้องลับ โดยหวังว่าตนเองจะสามารถผนึกรวมการสำนึกได้โดยเร็ว และสามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ หลัวซิวและลู่เมิ่งเหยาต่างอยู่ในองค์กรนักล่ายุทธ์ตลอด ทำให้สำนักเหลยหวู่ไม่มีโอกาสลงมือใด ๆ
ไม่ทันได้รู้ตัว เหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่แดนปริศนาจะเปิด และศึกแย่งชิงสิทธิ์กำลังจะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้
หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานกล่าวว่า เหวินเซวียนหงนั้นได้ฝึกตนปิดขังแล้ว เพื่อพยายามหาทางบรรลุราชายุทธ์ขั้น5 ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นโอกาสที่หายากสำหรับนักฝึกยุทธ์ที่ถูกพันธนาการอยู่ในราชายุทธ์ขั้น4 มาเป็นเวลานานนับร้อยปี
ดังนั้น เหวินเซวียนหงจึงไม่สามารถพาหลัวซิวไปเข้าร่วมศึกแย่งชิงสิทธิ์ในครั้งนี้ได้ ก่อนที่จะเขาจะฝึกตนปิดขัง เขามอบหมายให้เสิ่นหยวนหนานพาหลัวซิวไปที่นั่น
สำนักต่าง ๆ ในสิบสามเขตการปกครองของประเทศเทียนหวู จำเป็นต้องประลองเพื่อแย่งชิงสิบสิทธิ์นั้น และกระทั่งอาจไม่สามารถกระจายไปหนึ่งเขตการปกครองล่ะหนึ่งสิทธิ์
จากสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าสิทธิ์ของแดนปริศนานั้นมีค่าเพียงใด
สถานที่จัดการประลองสำหรับศึกแย่งชิงสิทธิ์นั้น อยู่ในเขตการปกครองชิงฮัว และสำหรับสิบสามเขตการปกครองของประเทศเทียนหวู เขตการปกครองชิงฮัวถูกจัดเป็นอันดับที่หนึ่ง
ขณะที่ศึกแย่งชิงสิทธิ์ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้เขตการปกครองชิงฮัวคึกคักขึ้นมาด้วย เพราะสำนักจากทั่วสารทิศมารวมตัวกันที่นี่
แม้ว่าสุดท้ายจะมีเพียงสิบคนเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ไปแดนปริศนา แต่สำนักต่าง ๆ ยังคงส่งศิษย์หัวกะทิมาเข้าร่วม และหลายคนนั้นไม่ได้มาเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ แต่เพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ที่มีความอัจฉริยะในสำนักได้มาหาประสบการณ์กับการประลองที่ทุกคนต่างคาดหวังนี้
สำนักเหลยหวู่ หอหย่งชาง และตระกูลกงซุน ต่างมายืมค่ายวาร์ปกับองค์กรนักล่ายุทธ์ในเขตการปกครองโตว้ไห่
ถึงแม้ค่ายวาร์ปนี้จะสร้างโดยปรมาจารย์ระดับสูงของแก๊งนักค่ายกล แต่สำหรับเมืองใหญ่ในประเทศเทียนหวูนั้น มีเพียงองค์กรนักล่ายุทธ์เท่านั้นที่มีค่ายวาร์ป
หลัวซิวและคนอื่น ๆ กำลังเตรียมออกเดินทาง นำโดยหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนาน โดยพาหลัวซิว หลินเจียเอ๋อร์ และลู่เมิ่งเหยานั่งค่ายวาร์ปเดินทางไป
เหตุผลที่พาลู่เมิ่งเหยาไปด้วย เป็นเพราะหลัวซิวไม่วางใจที่จะให้นางอยู่ในเขตการปกครองโตว้ไห่คนเดียว และการอยู่แต่ในองค์กรนักล่ายุทธ์ และไม่สามารถออกไปข้างนอกเป็นเวลานาน จะทำให้นางรู้สึกหดหู่
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางข้ามเขตการปกครองนั้นไม่สูงนัก แต่คราวนี้เนื่องจากเป็นการเข้าร่วมศึกแย่งชิงสิทธิ์ในแดนปริศนา ทำให้หลัวซิวและคนอื่น ๆ ไม่ต้องจ่ายค่าเดินทาง
เขตการปกครองโตว้ไห่และเขตการปกครองชิงฮัวนั้นห่างไกลกันมาก และบางสถานที่นั้นไม่สามารถเดินทางด้วยค่ายวาร์ปได้
ดังนั้น หลัวซิวและคนอื่น ๆ เดินทางมาถึงเขตการปกครองชิงฮัวนั้น ใช้เวลาประมาณสองวัน
ระหว่างทาง จาการชี้แนะของหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนาน ทำให้หลัวซิวรู้เรื่องราวเกี่ยวกับศึกแย่งชิงสิทธิ์ครั้งนี้คร่าว ๆ ไม่เพียงแต่จะมีลูกศิษย์อัจฉริยะจากสำนักต่าง ๆในสิบสามเขตการปกครองเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังมีอัจฉริยะของสี่องค์กรใหญ่ในสิบสามเขตการปกครองเข้าร่วมอีกด้วย ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการรวมตัวของอัจฉริยะอย่างแท้จริง
ข้อจำกัดของศึกแย่งชิงสิทธิ์คือสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบปีเท่านั้น และผลการฝึกตนอยู่ในแดนพรสวรรค์ขึ้นไป ว่ากันว่ามีคนไม่น้อยได้ก้าวเข้าสู่แดนฝึกจิตแล้ว และมีผู้ที่อยู่ในแดนฝึกจิตครึ่งเหมือนหลัวซิวมากมาย
เป็นเรื่องยากมาก ที่จะโดดเด่นจากอัจฉริยะกลุ่มนี้และได้รับสิทธิ์
นอกจากนี้ ศึกแย่งชิงสิทธิ์ ไม่ใช่การประลองโดยตรงเพื่อตัดสินผู้ชนะหรือผู้แพ้ แต่จะต้องผ่านการประลองสามรอบ เพื่อชิงตำแหน่งสิบอันดับ
การประลองรอบแรก เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด!
ณ.แก๊งนักค่ายกลของเขตการปกครองชิงฮัว ได้มีสร้างค่ายวาร์ปไว้ อัจฉริยะทุกคนที่เข้าร่วมในศึกแย่งชิงสิทธิ์ จะถูกสุ่มส่งไปยังป่าดงดิบซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหลายร้อยลี้
ในป่าดงดิบนั้น มีอสุรกายมากมาย พวกมันมีกรงเล็บที่ดุร้าย และยังมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
อัจฉริยะที่เข้าร่วมประลองแต่ละคนจะได้รับยันต์หยกสองชิ้น คือยันต์หยกแดง และยันต์หยกขาว
เมื่อเผชิญกับอันตรายที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต ขอเพียงแค่ขยี้ยันต์หยกแดง ก็จะถูกส่งตัวกลับมาในเมืองภายในพริบตา
และเมื่อกลับมาแล้ว ยันต์หยกขาวจะร่วงหล่น และยิ่งสะสมยันต์หยกขาวได้มากเท่าใด อันดับก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่าจะมีการต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะที่เข้าร่วมประลอง เพราะแต่ละคนมียันต์หยกขาวเพียงชิ้นเดียว หากต้องการอันดับมากกว่านี้ ต้องแย่งชิงยันต์หยกขาวของผู้อื่น
หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ถูกส่งตัวกลับมา ยันต์หยกแดงจะทำงานเองทันที และส่งทุกคนกลับมาในเมือง
“ผู้เข้มแข็งอยู่รอด ผู้แข็งแกร่งคือเจ้า นี่คือหนทางเอาตัวรอดสำหรับนักฝึกยุทธ์” หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานบอกกับหลัวซิวและหลินเจียเอ๋อร์ ถึงกฎของศึกแย่งชิงสิทธิ์
ไม่มีข้อจำกัดในการลงชื่อสำหรับศึกแย่งชิงสิทธิ์ ขอเพียงแค่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข อายุต่ำกว่าสามสิบปี และผลการฝึกตนอยู่ในแดนพรสวรรค์ขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ลงชื่อเข้าร่วมการประลอง
เนื่องจากมีผู้ลงชื่อเข้าร่วมการประลองมากมาย จึงมีจุดลงชื่อหลายร้อยจุดอยู่ในเขตการปกครองชิงฮัว
ถึงกระนั้นจุดลงชื่อหลักก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เพราะแดนปริศนา 30 ปีจะเปิดเพียงครั้งเดียว และจำกัดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบปีเข้าไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าตลอดชีวิตของทุกคนนั้นมีโอกาสเข้าไปครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพลาดแล้วก็จะไม่มีโอกาสอีก
สิบสามเขตการปกครองนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่มาก และมีอัจฉริยะมากมาย ศึกแย่งชิงสิทธิ์ทุกครั้ง สร้างความโกลาหลวุ่นวายนับไม่ถ้วน จำนวนคนที่สมัครเข้าร่วมประลองนั้นเกือบหนึ่งแสนคนแล้ว!
เพราะไม่เพียงแค่มีนักฝึกยุทธ์อัจฉริยะจากสำนักต่าง ๆ ในสิบสามเขตการปกครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอัจฉริยะบางคนที่ฝึกฝนด้วยตนเองที่ตรงตามเงื่อนไข ก็จะเข้าร่วมการประลองด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อได้อันดับที่ดีหรือสร้างผลงานได้ดี บางทีอาจจะเข้าตาสำนักใหญ่ที่ทรงพลัง และนำไปบ่มเพาะความสามารถต่อไป
องค์กรนักล่ายุทธ์มีสถานะพิเศษ ดังนั้นหลัวซิวและหลินเจียเอ๋อร์จึงไม่ต้องเข้าแถวลงชื่อเข้าร่วมการประลอง หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานได้ติดต่อกับองค์กรนักล่ายุทธ์ในเขตการปกครองชิงฮัว ทำให้พวกเขาได้รับสิทธิ์เข้าประลองโดยตรง
องค์กรนักล่ายุทธ์ในเขตการปกครองชิงฮัว หลัวซิวและหลินเจียเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนาน
“ฮ่า ๆ ศิษย์พี่เสิ่น พวกเราไม่ได้พบกันหลายสิบปีแล้วใช่ไหม?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา…….