บทที่ 173 เจ้าไม่สามารถหลบหนีได้หรอก

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 173 เจ้าไม่สามารถหลบหนีได้หรอก

 

“งั้นหรือ?”

หลัวซิวโค้งปากเล็กน้อย ทันใดนั้นร่างนั้นเป็นประกาย และเขาแสดงวิชาตามลมล่าจันทรา ราวกับลมกระโชก ซึ่งเร็วราวกับดาวตก

หลัวซิวไม่ได้คิดที่จะต่อสู้กับเล่อเผิงเฉิงตั้งแต่แรก เขารู้ว่าถึงแม้ความแข็งแกร่งของตนเองจะก้าวหน้าไปมาก แต่เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแดนฝึกจิตขั้น9

“คิดหนี? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

ดวงตาของเล่อเผิงเฉิงประกายดุดัน เขาเหาะเหินเดินฟ้า และไล่ตามหลัวซิวไป

และจอมยุทธ์พรสวรรค์สี่คนที่ตามเล่อเผิงเฉิงมา ก็ไล่ตามมาเช่นกัน แต่ความเร็วนั้นช้ากว่ามาก และเพียงครู่เดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ปรมาจารย์ฝึกจิตสามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้ เมื่อเปรียบความเร็วแล้ว แม้ว่าวิชาตามลมล่าจันทราของหลัวซิวจะเป็นวิชายุทธ์ระดับ7 และเขาได้ฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว แต่ไม่นานเขาก็ไล่ตามทัน

“ตายเสียเถอะ!”

เล่อเผิงเฉิงสะบัดมือและปล่อยพลังฝ่ามือ จากนั้นพลังจิตแท้พุ่งออกมา กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่คลุมไปที่ร่างของหลัวซิว

เกิดความโกลาหลวุ่นวายบนถนน และเนื่องจากกลัวว่าตนเองจะได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้คนที่เดินสัญจรไปมาต่างหลบหนีไปทั่วสารทิศ

ขณะที่เห็นว่าหลัวซิวกำลังจะถูกตาข่ายขนาดใหญ่ปกคลุม แต่ความเร็วของเขานั้นเพิ่มขึ้นทันที และร่างที่อยู่กลางอากาศนั้นเคลื่อนไปด้วยความประหลาด สามารถหลบหนีจากขอบเขตของตาข่ายขนาดใหญ่ได้

วิชาที่หลัวซิวใช้เป็นทักษะการสร้างพลังของวิชาดาบเร็ว

“ไอ้หนุ่ม เจ้าไม่สามารถหลบหนีได้หรอก!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเล่อเผิงเฉิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย เผยให้เห็นไอสังหารที่รุนแรงในดวงตา

เขาได้ตัดสินใจที่จะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีอีกต่อไป และฆ่าหลัวซิวด้วยผลการฝึกตนที่ทรงพลังของปรมาจารย์โลกยุทธ์!

ขอเพียงแค่ฆ่าเขา ไม่ว่าจะเป็นความลับที่อยู่ในตัวเขา และไม่ว่าสิ่งที่ได้จะเป็นอะไร มันก็จะกลายเป็นของตนเอง

ดึงดาบออกจากแหวนเก็บของ พลานุภาพบนร่างของเล่อเผิงเฉิงปะทุขึ้นทันที และพลังจิตแท้ก็ถูกปลุกเสกเบิกเนตรลงบนดาบ

“ดาบดับอัสนีตก!”

วิชาที่เล่อเผิงเฉิงใช้คือวิชายุทธ์ขั้นสุดยอดระดับ6 และด้วยผลการฝึกตนของปรมาจารย์โลกยุทธ์ของเขานั้น มันทรงพลังกว่าวิชายุทธ์ระดับ7 ของหลัวซิวมาก!

ทักษะยุทธ์ที่นักฝึกยุทธ์ระดับต่ำแสดงออกมา ไม่ว่าจะระดับสูงเพียงใด ยังด้อยกว่าทักษะยุทธ์ทั่วไปที่นักฝึกยุทธ์ระดับสูงแสดงออกมา

นี่คือความแตกต่างและช่องว่างของผลการฝึกตน

แสงสีฟ้าประกายออกมาจากดาบ และกลายเป็นสายฟ้าพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ จนทำให้เกิดเสียงดัง

สายฟ้าที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องก่อให้เกิดพายุใหญ่ และผู้คนที่เดินสัญจรไปมาบนถนนบางคน ที่ไม่มีเวลาหลบหนีก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ชั่วพริบตาผู้คนบาดเจ็บและเสียชีวิตนับสิบ

และขณะที่เขาแสดงทักษะยุทธ์ เล่อเผิงเฉิงได้ปล่อยพลานุภาพของปรมาจารย์โลกยุทธ์ แล้วตรึงหลัวซิวด้วยการสำนึก ทำให้เขาไม่สามารถหลบหนี ทำได้เพียงแค่ต่อต้านอย่างหนัก

เพราะตนเองนั้นเป็นแค่เพียงจอมยุทธ์พรสวรรค์เท่านั้น จะต้านทานการโจมตีของเขาได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมาสีหน้าของเล่อเผิงเฉิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวหลัวซิวนั้นหลุดพ้นจากการตรึงของการสำนึก

ไอสังหารที่พลุ่งพล่านวนอยู่รอบตัวหลัวซิว ราวกับกระแสน้ำวนสีแดงเลือด ไอสังหารทุกเส้นเป็นเหมือนแสงดาบสีเลือด ซึ่งเป็นพลานุภาพที่ไม่สามารถต้านทานได้

ห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร!

ก่อนหน้านั้นหลัวซิอาศัยห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร กระทั่งสามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันที่มีพลานุภาพของยอดฝีมือราชายุทธ์เสิ่นหยวนหนานได้ นับประสาอะไรกับการตรึงการสำนึกของปรมาจารย์ฝึกจิต?

“ที่แท้เป็นห้วงยุทธ์นี่เอง!”

ไอสังหารในดวงตาของเล่อเผิงเฉิงยิ่งดุดันขึ้น ผลการฝึกตนของเขาอยู่ระดับแดนฝึกจิตขั้น9 แล้ว แต่เขายังไม่เข้าใจความลึกลับของห้วงยุทธ์ ซึ่งหลัวซิวนั้นเป็นแค่จอมยุทธ์พรสวรรค์ กลับสามารถควบคุมห้วงยุทธ์ได้?

คนเช่นนี้ปล่อยเอาไว้มิได้ มิเช่นนั้นต่อไปจะเกิดปัญหาไม่รู้จบ

“บูม ๆ ๆ……”

ลมพายุที่เกิดจากสายฟ้า ทำให้ห้องใต้หลังคาถล่มลงมา และฝุ่นปลิวกระจายไปทั่วท้องฟ้า

และการโจมตีครั้งนี้ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะหลังจากหลัวซิวหลุดพ้นจากการตรึงของการสำนึกแล้ว เขาก็หลบหนีไปทันที

เป็นแค่จอมยุทธ์พรสวรรค์คนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับทำให้ตนเองที่เป็นถึงปรมาจารย์โลกยุทธ์ที่มีเกียรติ ลงมือสามครั้งแล้วแต่ก็ไม่สามารถจับเขาได้

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเล่อเผิงเฉิงเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก เขาปล่อยการสำนึกออกไป และตรึงร่างของหลัวซิวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เล่อเผิงเฉิงรู้สึกหดหู่จนแทบกระอักเลือดคือตอนที่การสำนึกของเขาตรึงหลัวซิวอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายนั้นกลับยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ขององค์กรนักล่ายุทธ์แล้ว

สี่องค์กรใหญ่นั้นตั้งอยู่ไม่ไกลนัก และเล่อเผิงเฉิงลงมือถึงสามครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับตัวหลัวซิวได้ และปล่อยโอกาสให้หลัวซิวหนีเข้าไปในองค์กรนักล่ายุทธ์

ไอสังหารที่รุนแรงของดาบได้ทำลายการตรึงของการสำนึก และเล่อเผิงเฉิงจ้องมองหลัวซิวด้วยดวงตาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ปรมาจารย์โลกยุทธ์ ก็แค่นั้น”

ห่างออกไปหลายร้อยเมตร หลัวซิวจ้องมองเล่อเผิงเฉิงอยู่กลางอากาศด้วยแววตาเยาะเย้ย

“เจ้า สมควรตาย!”

เล่อเผิงเฉิงรู้สึกโกรธแค้น แต่ภาพที่เสิ่นหยวนหนานลงมือฆ่าคนนั้นยังตรึงตาตรึงใจอยู่ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะไล่ล่าไปที่หน้าประตูใหญ่ขององค์กรนักล่ายุทธ์

หลัวซิวยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้ง และไม่อยากจะสนใจเขาอีก จากนั้นก็เดินเข้าไปในองค์กรนักล่ายุทธ์

“ไอ้หนุ่ม ผนึกปราณสมบูรณ์ ฝึกจิตครึ่งแล้ว?”

ทันทีที่หลัวซิวกลับมาถึง เขาก็พบกับท่านหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนาน

ดวงของหัวหน้าแก๊งเสิ่นเป็นประกาย และจ้องมาที่เขา “ผลการฝึกตนของไอ้หนุ่มนั้นสูงกว่าเจ้าหนึ่งแดนใหญ่ แต่เจ้าสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของเขาได้ เจ้านี่เก่งใช่ย่อย”

เสิ่นหยวนหนานเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น5 และมีการสำนึกที่ทรงพลัง เขาสามารถมองเห็นภาพที่เกิดขึ้นภายนอกเมื่อสักครู่ได้อย่างชัดเจนโดยผ่านการสำนึก

หลัวซิวยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “ถ้าผู้อาวุโสไม่ช่วยข้า อย่างน้อยข้าต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะถึงขั้นนี้”

สำหรับเรื่องนี้ เสิ่นหยวนหนานมุ่ยปาก “นั่นเป็นเพราะเจ้ามีความสามารถ ที่สามารถฝ่าฟันแรงกดดันจากความเป็นและความตายจนบรรลุได้”

เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์นั้น ด้วยสภาพจิตใจของเสิ่นหยวนหนานที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว เขารู้สึกชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวและความกล้าหาญของชายหนุ่มที่อายุสิบห้าปีคนนี้

อย่างน้อยที่สุด ตอนสมัยที่เขายังเป็นหนุ่มนั้นเขาไม่เคยมีเจตจำนงที่มั่นคงและเชื่อมั่นในวิชายุทธ์ มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีวันหยุดอยู่ที่แดนราชายุทธ์

เจตจำนงและความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่คิดว่ามีมันก็จะมี ซึ่งมันสามารถเข้าใจได้ แต่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้

“ผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าอยู่ในแดนฝึกจิตครึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำได้อย่างไรถึงจะสามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้?”

หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะแสดงความสงสัยที่อยู่ภายในใจออกมา ก่อนหน้านั้นตอนอยู่ในสำนักยุทธ์ชิงหยุน ผลการฝึกตนของเจ้าสำนักยุทธ์นั้นอยู่ในแดนฝึกจิตครึ่ง แต่เขาสามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้

และตอนนี้ หลัวซิวก็บรรลุถึงแดนเดียวกันแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจวิธีเหาะเหินเดินฟ้า

ถ้าเขาสามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้ เขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วของตนเองได้ และเขาสามารถฝึกการหลบหนีที่บันทึกไว้ในวิชาท่าร่างระดับ7 ตามลมล่าจันทรา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นหยวนหนานเบิกตากว้าง และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและดุว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้านั้นละโมบมากเกินไปแล้ว การเหาะเหินเดินฟ้านั้นต้องเป็นปรมาจารย์ฝึกจิตเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้ ส่วนพวกที่อยู่ในแดนฝึกจิตครึ่งที่สามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้นั้น เป็นเพราะหลังจากที่พวกเขาผนึกรวมการสำนึก แล้วฝึกพลังจิตแท้หลายสิบปีถึงจะสามารถทำได้”

“และไอ้หนุ่มอย่างเจ้า เพิ่งเข้าสู่แดนฝึกจิตครึ่ง และยังไม่ได้ผนึกรวมการสำนึก ก็อยากจะเหาะเหินเดินฟ้าแล้วหรือ?”

“ถ้าต้องการเหาะเหินเดินฟ้า จำเป็นต้องฝึกการสำนึก และการสำนึกจะผนึกรวมและไหลเวียนอยู่ในสติแล้ว ถึงจะสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งสวรรค์และโลกได้ หลังจากผนึกรวมการสำนึกแล้ว เจ้าจะเข้าใจด้วยตนเอง”