ตอนที่ 52 ผักหนึ่งคันรถ

แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ขอแค่ผักคุณภาพดีซื้อสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร ต่างจังหวัดในช่วงฤดูหนาวมีผักดองไม่พอรับประทาน เขาใช้ชีวิตแบบนั้นมามากพอแล้ว เขาไม่ต้องการให้ภรรยาของตัวเองมีชีวิตแบบนั้นในปีนี้อีก!

“นายเอามาให้ฉันดูสักหัวสิ” จ้าวเหวินเทากล่าว

เด็กหนุ่มได้ยินว่าพอจะมีหวังจริง ๆ แล้ว เขาจึงวิ่งกลับเข้าไปในตรอกอย่างมีความสุข เพียงไม่นานก็ใช้เสื้อโค้ทซ่อนตัวอย่างผักกาดขาวสองหัวออกมาให้จ้าวเหวินเทาดู

หัวหนึ่งเป็นผักกาดขาว ส่วนอีกหัวเป็นผักกวางตุ้งฮ่องเต้ ทั้งหมดเป็นผักกาดฉ่ำ ๆ ทั้งคู่!

จ้าวเหวินเทาพอใจเป็นอย่างยิ่ง ผักกาดขาวนี้ดีมาก คาดคะเนทางสายตาหนึ่งหัวมีน้ำหนักครึ่งชั่ง ผักกาดขาวของบ้านเขาไม่สามารถเทียบกับสิ่งนี้ได้เลย ถ้าเปรียบเทียบกันผักกาดขาวของเขาก็เหมือนกับหญ้าเลยล่ะ

แม้ว่าเขาจะพึงพอใจอยู่ภายในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า จ้าวเหวินเทาถามไปว่า “นายไปเอาผักพวกนี้มาจากไหน ปลูกยังไงถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?”

เด็กหนุ่มเห็นจ้าวเหวินเทามีท่าทางแบบนี้ก็พอจะทราบได้ว่าเขาพึงพอใจแล้ว แม้ว่าจ้าวเหวินเทาจะไม่ได้แสดงออกมา แต่เขาก็รู้สึกได้ เขาจึงเต็มใจที่จะกล่าวมากขึ้น “ของพวกนี้มาจากหมู่บ้านไท่ผิง ผู้คนที่นั่นหลังจากปลูกข้าวสาลีเสร็จก็จะปลูกผักกาดขาว เมื่อฟางข้าวสาลีถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้าไม้ ก็จะผสมเข้ากับปุ๋ยคอก ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลีหรือผักกาดก็เจริญเติบโตงอกงามเชียวล่ะ ผักฤดูหนาวจำนวนมากในเมืองก็มาจากที่นั่น นอกจากผักกาดขาวแล้วยังมีแครอท มันฝรั่งและผักกาดเขียวด้วยนะ จริงสิ ในฤดูหนาวพวกเขายังทำเรือนกระจกปลูกผักด้วย มีทุกอย่างเลย!”

จ้าวเหวินเทาเองก็เคยได้ยินชื่อหมู่บ้านไท่ผิงมาบ้าง พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากในด้านนี้

แต่มันอยู่ไกลเกินไป เขาจึงไม่เคยไปมาก่อน แต่จ้าวเหวินเทารู้ว่าในช่วงปีใหม่ ผักที่ขายอยู่ในตลาดเกือบทั้งหมดก็นำเข้ามาจากหมู่บ้านไท่ผิง สถานที่แห่งอื่นต่างก็ไม่ได้มีสิ่งนี้

ก่อนหน้านี้จ้าวเหวินเทาชอบรับประทานมาก ไม่มีเนื้อไม่เป็นไร เขาก็หาวิธีเข้าไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขากลับมารับประทาน แต่ฤดูหนาวกลับทำเช่นนั้นไม่ได้ แม่ของเขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะซื้อผักราคาแพงแบบนั้น ดังนั้นจึงทำได้แค่รับประทานผักดอง

แต่ตอนนี้เขาเป็นคนดูแลครอบครัวแล้ว เขาจึงสามารถรับประทานผักนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเองก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขายังมีภรรยาอีกหนึ่งคน ดังนั้นฤดูหนาวนี้ไม่เพียงแต่ต้องการเนื้อ แต่ยังต้องการผักด้วย!

หากได้กินผักสดใหม่คู่กับเนื้อในฤดูหนาว เพิ่มการดื่มเหล้าอีกสักสองสามแก้ว ชีวิตแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่าเซียนหรอก ภรรยาของเขาจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ!

จ้าวเหวินเทาคิดถึงการรับประทานจนใบหน้าแดงก่ำของภรรยา ในใจของเขาก็มีความสุขนำไปก่อนแล้ว

ดังนั้นจึงถามว่า “น้องชาย ผักของนายไม่เลวเลยนะ หนึ่งชั่งราคาเท่าไรล่ะ? พวกเราทำการค้าขายต้องซื่อสัตย์เป็นอันดับแรก อย่าตั้งราคาให้ฉันซะสูงปรี๊ดล่ะ”

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข “พี่ชาย จะทำแบบนั้นได้ไงล่ะครับ? แค่ดูก็รู้แล้วว่าพี่เป็นคนกล้าหาญ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผมจะให้ราคาถูก ๆ หนึ่งชั่งราคาห้าเฟิน เป็นไง? ราคานี้ไม่แพงเลยนะ ถ้าขายให้คนอื่นผมให้ราคาต่ำสุดอยู่ที่เจ็ดเฟิน ต่ำสุด ๆ แล้ว!”

จ้าวเหวินเทาชั่งน้ำหนักผักกาดขาวด้วยมือ คะเนได้ประมาณครึ่งชั่ง ถ้าคำนวณตามนี้ หนึ่งเหมาได้สี่หัว หนึ่งหยวนได้สี่สิบหัว เขาและภรรยาสองคนซื้อผักดองและผักฤดูหนาวไว้แปดสิบหัวก็พอแล้ว

ถึงอย่างไรที่บ้านของเขาก็ยังปลูกผักกาดขาวเหล่านี้ แถมยังมีมันฝรั่งอะไรพวกนั้นด้วย เอามารับประทานผสมกันได้

ส่วนพ่อกับแม่ ถ้าทำของอร่อยรับประทานค่อยเอาไปให้สักถ้วยก็ได้แล้ว พวกท่านทั้งสองจะได้ประหยัดเวลาด้วย

“เอามาให้ฉันแปดสิบหัว!” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างสบาย ๆ

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองดูคนไม่ผิด จึงเสนอขายต่อ “พี่ใหญ่ ผมยังมีหัวไชเท้า พวกผักสีขาวสีแดงสีเขียวสีอะไรก็มีหมดเลยนะ มันฝรั่งก็มี ต้นหอมกับพริกก็ด้วย ผมรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้มีใครช่วยเหลือ ถ้าพี่ใหญ่อยากได้ผมจะขายให้ราคาถูก ๆ เลย!”

จ้าวเหวินเทาเลิกคิ้วกล่าว “พาฉันไปดูหน่อยสิ?”

“ครับ!” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงพาเขาเข้าไปยังลานแห่งหนึ่งภายในตรอก

ครั้งนี้จ้าวเหวินเทาซื้อผักเยอะมาก ผักกาดขาว หัวไชเท้า ต้นหอมและพริก เขาซื้อมาทั้งหมด โดยไม่ลืมที่จะบอกกับเด็กหนุ่มว่าถ้าฤดูหนาวมีผักสดก็อย่าลืมมาบอกเขาด้วย

ในช่วงฤดูหนาวผักสดเป็นสิ่งที่ขาดแคลนในทุกพื้นที่ จะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน!

จ้าวเหวินเทาไม่ได้คิดแต่เรื่องกิน เขาเองก็ดีดลูกคิดในหัวได้เป็นอย่างดี ในหัวของเขามีความคิดบางอย่างแล้ว

จ้าวเหวินเทาซื้อของเยอะมาก ฤดูหนาวยังคิดจะซื้อผักสดอีก นี่คือลูกค้าคนสำคัญเชียวล่ะ หลังจากนี้เด็กหนุ่มจะทำเงินได้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ครั้งนี้ชัดเจนมาก เขาจึงเอาของมาส่งถึงบ้าน!

เย่ฉูฉู่เห็นชายหนุ่มลากรถเข็นผักคันใหญ่กลับมา ความไม่พอใจเพื่อนบ้านที่อยู่ในใจของเธอจึงหายไป

เธอไม่ใช่ลูกคุณหนูที่ไม่ทำอะไร ย่อมรู้ว่าผักฉ่ำ ๆ เหล่านี้หายากแค่ไหน!

นี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาติที่แล้วของเธอหรอก ในฤดูหนาวของอะไรที่ขาดแคลน? ก็คือผักอย่างไรล่ะ!

“ภรรยา ดูสิ ผักกาดขาวนี้ใหญ่ขนาดไหน หนึ่งหัวเท่ากับของพวกเราสองสามหัวเลยนะ! นี่คือผักกวางตุ้งฮ่องเต้ พวกเราทางฝั่งนี้ไม่มี แล้วก็มีพวกหัวไชเท้า พริกและต้นหอมด้วย คุณดูสิว่าชอบรึเปล่า?” จ้าวเหวินเทายิ้มตาหยี

“ชอบสิคะ ฉันรู้ว่าคุณซื้อมาเพื่อฉัน” เย่ฉูฉู่มองสามีของเธออย่างมีความสุข ในใจอดรู้สึกอ่อนไหวไม่ได้ เหวินเทาของเธอสามารถทำให้จิตใจของเธอสงบลงได้จริง ๆ

จ้าวเหวินเทาถูกสายตาที่แกล้งทำเป็นงอนของเธอทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม เขาเหลียวซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นคนอยู่รอบ ๆ จึงใช้มือทั้งสองข้างประคองแก้มของเย่ฉูฉู่ ก่อนจะบรรจงจูบไปหนึ่งฟอด “ขอแค่ภรรยาได้กินของดี ๆ ผมลำบากนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป? ยิ่งลำบากยิ่งเหนื่อย ก็ยิ่งคุ้มค่า!”

เย่ฉูฉู่หน้าแดงก่ำ คนคนนี้เมื่อใดที่เขาสัมผัสเธอก็จะจูบตลอด เธอจึงกลอกตาใส่เขาพลางกล่าวว่า “กลับเข้าไปพักผ่อนที่ห้องก่อนค่ะ วันนี้ออกไปทั้งวันแล้ว”

“ภรรยา มื้อค่ำวันนี้ผมอยากกินบะหมี่ไข่จัง” จ้าวเหวินเทารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ระหว่างที่พูดก็อดไม่ได้ที่จะหาวออกมา

“คุณรีบไปนอนก่อนเถอะค่ะ ใกล้ถึงเวลาฉันจะปลุกคุณเอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ได้เลย ภรรยา ผมไปงีบสักพักนะ ผักพวกนี้คุณไม่ต้องล้างล่ะ เดี๋ยวผมตื่นแล้วจะมาจัดการเอง เดี๋ยวมือคุณแข็งหมด” จ้าวเหวินเทากล่าวจบ ก็เดินกลับไปเอนตัวนอนที่ห้อง

วันนี้เขาตื่นเช้ามาก ทั้งยังยุ่งเกือบทั้งวัน ตอนนี้เขาเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว

เมื่อเย่ฉูฉู่เห็นท่าทางอันอิดโรยของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ เธอหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเขาไว้ ก่อนจะออกไปจัดการผักเหล่านั้น

เหวินเทาเหนื่อยมากแล้ว เธอปล่อยให้สามีที่ไปทำงานนอกบ้านต้องกลับมาทำงานบ้านต่อไม่ได้หรอก เรื่องนี้เธอทำเองได้

เด็กหนุ่มที่ขายผักคนนั้นได้นำผักมาวางไว้ใต้หน้าต่างและกลับไปแล้ว ผักเหล่านี้วางทิ้งไว้ตรงนี้ไม่ได้ ต้องนำไปวางไว้ที่ห้องใต้ดิน เย่ฉูฉู่ทำความสะอาดห้องใต้ดินที่จ้าวเหวินเทาขุดไว้แล้ว ตอนนี้แค่นำผักไปวางไว้ก็เสร็จแล้ว

ผักกาดขาวถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกวางไว้ข้างนอกเพื่อทำผักดอง จำเป็นต้องตากแดดเพื่อไล่ความชื้น อีกส่วนหนึ่งใช้ทำผักฤดูหนาว เอาไปใส่ไว้ในห้องใต้ดิน

ผักกาดขาวนำไปเป็นผักดองได้อร่อย ส่วนผักกวางตุ้งฮ่องเต้ยังไม่เคยรับประทาน เธอจึงเหลือไว้สองสามต้นเพื่อลองทำผักดองดู ส่วนผักกวางตุ้งฮ่องเต้ที่เหลือนำไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินเป็นผักฤดูหนาว

หัวไชเท้าเหลือไว้หนึ่งหัว ส่วนที่เหลือนำไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินทั้งหมด เย่ฉูฉู่ฝังดินไว้ด้วย แบบนี้ มันก็จะไม่แห้งในช่วงฤดูหนาว

พริกอยู่ได้ไม่นาน ต้องเอาไปตากแดดเป็นพริกแห้ง ไม่ว่าจะเอาไปผัดกับเนื้อหรือรับประทานกับผักดองก็อร่อยทั้งคู่

ต่อไปคือต้นหอม เย่ฉูฉู่ปลูกไว้ในกล่องกระดาษลัง กล่องกระดาษลังเป็นของจากโรงงานยาสีฟันของพี่สาวห้าจ้าว จ้าวเหวินเทานำกล่องกระดาษลังจำนวนหนึ่งกลับมา ตอนนี้ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้พอดี

ใส่ดิน รดน้ำ นำต้นหอมวางไว้ด้านบนหัวเตียง ก็จะได้รับประทานต้นหอมสดใหม่ตลอดฤดูหนาวแล้ว

ต้นหอมยังเหลืออีกมาก เย่ฉูฉู่วางแผนไว้ว่าจะนำไปตากแดดให้แห้งเพื่อทำเป็นต้นหอมแห้ง

ผักหนึ่งคันรถนี้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว สิ่งนี้ทำให้ขวดแห่งความอิจฉาของผู้คนเปิดออกไม่รู้ตั้งเท่าไร จนความอิจฉาทะลักออกมาข้างนอกแล้ว!

พี่สะใภ้สี่จ้าวที่เป็นพวกหูไวตาไวคือคนแรกที่เดินเข้ามา เมื่อเห็นกองผักกาดขาววางอยู่ใต้หน้าต่าง ดวงตาของหล่อนพลันร้อนผ่าว

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ว่าบ้านนี้เป็นคนไม่เอาไหน แต่คนไม่เอาไหนสองคนนี้มีผักสดกินในหน้าหนาวนะเออ ผักดองที่ทำ ๆ กันนี่สู้ได้เปล่าล่ะ

ไหหม่า(海馬)