ตอนที่ 551 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก + ตอนที่ 552 ไม่มีหน้าจะพบเจ้า

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 551 ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก

ได้ยินคำพูดนี้ ซู่ซีมองเขาแล้วมองผู้เฒ่าเฟิ่งที่เมาไม่รู้เรื่อง หัวใจสั่นไหววูบหนึ่ง

“ท่านน้า คืนนี้ดึกแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน” หลินเฉิงจื้อก้มคารวะ และจากไปทั้งรอยยิ้ม

ซู่ซีมองคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ชะงักเล็กน้อยก่อนก้าวเข้าไปเรียก “พี่ซานหยวน? พี่ซานหยวน?”

“อืม? ซะ ซู่ซี?” ผู้เฒ่าเฟิ่งขานเรียกอย่างไร้สติ แม้ดวงตาเปิดครึ่งหนึ่ง แต่เมาเสียจนแยกแยะอะไรไม่ชัดเจนแล้ว

ซู่ซีผุดรอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าเอง ท่านเมามาก ข้าจะประคองท่านเข้าไปแล้วกัน!” พูดพลางพยุงเขาขึ้นมา จากนั้นเดินไปยังตัวเรือน

องครักษ์ตรงมุมมืดจ้องมองสองคนเข้าเรือนไป ตาค้างกันทันที ท่านน้าซู่ซีคงไม่คิดจะ…คิดจะทำเช่นนั้นจริงกระมัง?

เป็นไปตามคาด เรื่องนี้ต้องให้คุณชายใหญ่ลงมือ คุณชายใหญ่ถือไหเหล้ามาก็จัดการเรื่องนี้เสร็จสรรพทันที

ภายในห้อง ซู่ซีช่วยเขาล้างหน้าล้างตา ก่อนเปลี่ยนชุดซับในตัวสะอาดให้แล้วประคองเขามานอนบนเตียง ขณะมองคนที่นอนอยู่บนเตียง นัยน์ตานางมีความลังเล นางไม่รังเกียจที่เขาชรา แต่เกรงว่าหากทำเช่นนั้นจริง พรุ่งนี้เขาตื่นขึ้นมาจะกล่าวโทษนางหรือไม่?

ระหว่างที่หัวใจกำลังขัดแย้ง ก็นึกถึงคำพูดคืนนี้ที่เขาบอกกับเฉิงจื้อ เป็นดั่งเฉิงจื้อพูดไว้ เขาไม่กล้าข้ามไปถึงขั้นนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ให้นางก้าวข้ามขั้นนี้เสียเองเล่า?

อย่างไรเสียชีวิตนี้นางก็เลือกเขาแล้ว

หลังจากตัดสินใจได้ ในใจมีทั้งความตื่นเต้น เขินอาย กระวนกระวาย และไม่สงบใจ นางยืนอยู่ข้างเตียงสักพัก นึกได้ว่าภายในเรือนนี้ยังมีองครักษ์ลับคอยคุ้มกัน ดังนั้นจึงเดินออกไปด้านนอกและกวาดมองตรงมุมมืด “พวกเจ้าถอยไปให้หมด ไปเฝ้านอกเขตเรือนไว้อย่าให้ใครมารบกวน”

“ขอรับ!” องครักษ์ลับสองสามคนดวงตาเป็นประกาย พากันกระโดดออกไปเฝ้านอกเขตเรือน เสียงตอบรับนี้ระรื่นอย่างยิ่ง

ซู่ซีมองด้านนอกแวบหนึ่ง ปิดประตูลงอีกครั้ง หมุนตัวเดินเข้าด้านในและมายังเตียงนอน นางมองคนบนเตียงพลางก้มหน้าลงอย่างเหนียมอายเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นค่อยๆ แก้เสื้อผ้าของตนออก…

ในอีกเขตเรือนหนึ่ง หลินเฉิงจื้อที่ตัวมีกลิ่นเหล้ากลับถึงเรือนตนเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยังไม่ทันเข้าห้องก็เห็นภรรยาเขาเปิดประตูออกมาต้อนรับ

“ท่านพี่ ข้าได้ยินว่าท่านไปดื่มเหล้ากับท่านอาเฟิ่งหรือเจ้าคะ?” ฮูหยินใหญ่มายังข้างกายเขา ได้กลิ่นเหล้าบนตัว และเห็นสีหน้าเขายิ้มแย้ม จึงอดแปลกใจไม่ได้ ถามยิ้มๆ ว่า “ดูท่าทางท่านพี่เหมือนจะมีความสุขมาก? คุยกับท่านอาเฟิ่งถูกคอนักหรือเจ้าคะ”

“ฮี่ๆ ท่านอาเฟิ่งคนนี้ยังชอบดื่มเหล้าเหมือนเมื่อก่อนเลย” เขาส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม มือหนึ่งโอบเอวพานางเข้าเรือนด้วยกัน “คืนนี้ข้ามีความสุขมากจริงๆ อืม เทียบกับคืนนี้แล้ว ข้ายังอยากรู้เรื่องพรุ่งนี้เช้ามากกว่า”

เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มอีกครั้ง ภรรยาเขาเห็นแล้วทำสีหน้าแปลกใจ ยกน้ำเข้ามาให้เขาล้างหน้าพลางถามว่า “พรุ่งนี้เช้ามีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ ดูจากท่าทางท่าน หรือว่าจะมีเรื่องน่ายินดีอะไร?”

ออกไปแล้วกลับมาคราวนี้ ทำตัวมีลับลมคมในนัก

“ข้าถือเหล้าวิญญาณที่เก็บไว้ไปให้ท่านอาเฟิ่งดื่ม แต่ดูท่าทางคืนนี้ของดีที่ข้าเก็บมาหลายปีจะไม่สูญเปล่า” เขายิ้มๆ ล้างมือล้างหน้าและรับผ้ามาเช็ด จากนั้นไล่ข้ารับใช้ออกไป ถอดเสื้อนอกแล้วบอกว่า “ตระกูลเราน่าจะใกล้มีเรื่องมงคลแล้ว พรุ่งนี้เช้าเจ้าเรียกพวกพี่น้องมาด้วย ทุกคนต้องช่วยท่านน้าเตรียมงานอย่างดี พวกเรามีท่านน้าเช่นนี้เพียงคนเดียว งานแต่งท่านน้าต้องจัดให้อย่างสมเกียรติ”

………………………………………………….

ตอนที่ 552 ไม่มีหน้าจะพบเจ้า

ได้ยินเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่นิ่งไปสักพัก ก่อนถามอย่างตะลึง “ทะ ท่านคงไม่ได้มอมเหล้าท่านอาเฟิ่งหรอกใช่ไหม? ท่านน้าก็อยู่ด้วยหรือ?”

“ท่านพ่อกับท่านน้าบอกตลอดว่าจะไม่บีบบังคับท่านอาเฟิ่ง แต่ตามที่ข้าเห็น ท่านอาเฟิ่งเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเลยเถิดไปถึงขั้นนั้น แต่ท่านน้าก็ยังเลือกเพียงเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจึงเติมไฟช่วยท่านน้าอีกแรง” เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มๆ บอกว่า “ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หลังจากท่านพ่อรู้เรื่องจะเฆี่ยนตีข้าหรือไม่ ช่างปะไร คืนนี้ข้าก็เหนื่อยเหลือเกินเพื่อมอมเหล้าท่านอาเฟิ่ง ข้าไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าเจ้าอย่าลืมปลุกข้าล่ะ”

พูดจบเขาถึงจะเดินไปยังห้องนอนด้านใน ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่ที่มึนงงเล็กน้อยยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น

คืนนี้ดูเหมือนเงียบสงบ ไม่แตกต่างจากวันวาน ทว่าคืนนี้ถึงคราวต้องเกิดเรื่องและการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างแล้ว…

เมื่อแสงอาทิตย์แรกในยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่าง สาดลงบนพื้นภายในห้อง หลังม่านเตียงบางเห็นสองร่างนอนอิงแอบกันรางๆ

ผู้เฒ่าเฟิ่งที่หลับสนิทรู้สึกเพียงหลับสบายยิ่ง โดยเฉพาะความฝันเมื่อคืนยิ่งวิเศษมาก ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมา

เมื่อขยับมือเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงผิวอันนุ่มลื่น ถึงขั้นรู้สึกว่าเหมือนมีร่างเปลือยเปล่ากำลังแนบชิดร่างตน อุณหภูมิร่างกายทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกัน ชิดใกล้ไร้ช่องว่าง ซ้ำยังอบอุ่นและสบายตัวอย่างประหลาด

เขาถึงกับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากละมือจากและสัมผัสอีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วเบาดังรางๆ ข้างหูร่างกายเขาแข็งทื่อ ตกใจจนลืมตาขึ้นมาทันที มองคราวนี้แย่แล้ว เขาตระหนกเสียจนหน้าซีดไปหมด กอดผ้าห่มเด้งตัวขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะสะดุดผ้าห่มกลิ้งตกเตียงเสียงดังตุบ

“อึก! อ๊าก!”

เขาล้มลงไปบนพื้น ร่างที่เปลือยเปล่ากอดผ้าห่มไว้แน่น สีหน้าทั้งตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองหญิงบนเตียงที่ตนทำให้ตกใจตื่นอยู่อย่างนั้น เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมานั่งด้วยร่างไร้อาภรณ์เช่นเดียวกัน ใบหน้าชราของเขายิ่งเปลี่ยนจากขาวเป็นแดง เขาดึงผ้าห่มลงมาด้วยนางจึงไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกาย

“ซะ ซะ ซะ ซู่ซี… ขะ ขะ ข้า…”

ห้วงความคิดเขาว่างเปล่า ยามนี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นซู่ซีบนเตียงที่ตกใจแล้วกำลังยกแขนเลิกผ้าม่านขึ้น เรือนร่างเยาว์วัยงดงามที่เดิมทียังเลือนรางปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาเช่นนั้น เอวงามน่าโอบกอดยิ่ง ผิวขาวราวหิมะเต็มไปด้วยรอยแดง เรือนร่างอิ่มเอิบน่าหลงใหลทั้งเร่าร้อนและเย้ายวน เขารู้สึกแต่ว่ามีไอร้อนพวยพุ่ง จมูกร้อนฉ่าเหมือนมีอะไรไหลออกมา

ครั้นเห็นเขาจ้องเขม็งมา ซ้ำยังมีเลือดกำเดาไหล นางตกใจทันควัน ก้มหน้าลงมองถึงจะพบว่าร่างตัวเองล่อนจ้อน ทันใดนั้นใบหน้างดงามก็แดงก่ำเพราะความเขินอาย รีบปล่อยผ้าม่านในมือแล้วหยิบเสื้อผ้าจากในห้วงมิติมาสวม

“ตุบ!”

ผู้เฒ่าเฟิ่งที่เดิมทีกลิ้งตกลงมานั่งกอดผ้าห่มอยู่บนพื้น หลังจากเห็นภาพที่งดงามเช่นนั้น ความทรงจำเมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาราวกับน้ำท่วม เขาอ้าปากพะงาบๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ในความคิดปรากฏเพียงคำพูดหนึ่งประโยค

จบเห่…เขาผิดศีลตอนแก่เสียแล้ว…

ซู่ซีที่เพิ่งสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยออกมาก็เห็นเขาล้มลงไปเช่นนั้น จึงตกใจจนรีบร้อนลงจากเตียงไปประคองเขาขึ้นมา “พี่ซานหยวน? ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” พลางจับจุดเหรินจง ทำให้เขาได้สติกลับมา

จุดเหรินจงถูกกระตุ้น ผู้เฒ่าเฟิ่งที่เป็นลมไปจึงรู้สึกตัวอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าซู่ซีประคองตนไว้ก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะและกลิ้งไปบนพื้นทันที “ซู่ซี…ข้าไม่มีหน้าจะพบเจ้าแล้ว…”