บทที่ 84 จุดประสงค์การมาเยือนของราชาเต่าเฒ่า

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 84 จุดประสงค์การมาเยือนของราชาเต่าเฒ่า
บทที่ 84 จุดประสงค์การมาเยือนของราชาเต่าเฒ่า

เสวียนจิง? ชิงชิว?

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจและยืนยันตัวตนของคนทั้งสองได้ในทันที

“ระวัง!”

“พวกมันคือราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหาง!”

ตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ จดจำตัวตนของทั้งสองได้ สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดในทันที ทั้งยังตื่นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกับราชาอสูรทั้งสอง แต่ชื่อเสียงของทั้งสองตนนี้โด่งดังมาช้านาน พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ตัวตนทั้งสองนี้ลึกลับและแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาอีกาทมิฬเสียอีก!

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของตู้ชิงซี ไม่ว่าจะเป็นราชาเต่าเฒ่าหรือราชาจิ้งจอกเก้าหาง ทั้งสองดูแตกต่างจากสัตว์อสูรตนอื่นอย่างมาก

เพราะพวกเขามีกลิ่นอายที่สงบและไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของปราณอสูรในร่างกาย! หากราชาเต่าเฒ่าไม่ประกาศตัวตนออกมา เขาคงจะคิดว่าราชาอสูรทั้งสองตนนี้เป็นเพียงผู้บ่มเพาะเผ่ามนุษย์…

สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าการบ่มเพาะของราชาอสูรทั้งสองนี้น่าจะบรรลุถึงระดับอันน่าเหลือเชื่อ!

หัวใจของตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะและวิตกกังวลอีกครั้ง พวกเขาเพิ่งได้รับการช่วยเหลือ หรือว่าพวกเขาจะถูกคร่ากุมอีกครั้ง?

“อย่ากังวลไป หากทั้งสองเป็นศัตรู พวกเราคงจะตายไปนานแล้ว” เฉินซีโบกมือของเขา ขณะที่จ้องมองไปที่ราชาอสูรทั้งสองอย่างสงบ และไร้ซึ่งความหวาดกลัว

“เจ้ายกยอพวกเราเกินไป อย่างไรก็ตาม เราทั้งสองมาที่นี่เพียงเพราะต้องการร้องขอบางสิ่งจากน้องชายเฉินซี” ราชาเต่าเฒ่ายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ในใจของเขากลับชื่นชมความเข้าใจที่เฉียบแหลมของเฉินซี

ตุ้บ!

ขณะที่ราชาเต่าเฒ่ากล่าว ราชาจิ้งจอกเก้าหางก็เหวี่ยงแขนเสื้อของเขา จากนั้นบนพื้นก็เต็มไปด้วยสมบัติต่าง ๆ ที่ส่องประกายเต็มไปหมด มันมีทั้งสมุนไพรวิญญาณ โอสถ วารีวิญญาณ วัตถุดิบอื่น ๆ ที่มีรูปทรงแปลกประหลาด และยังมีศัสตราวิเศษสองสามชิ้นที่มีกลิ่นอายน่าเกรงขาม!

“เจ้าได้ฆ่าราชาอีกาทมิฬและนี่คือของที่ยึดมา ข้าเก็บรวบรวมมาให้ เจ้าลองตรวจสอบดู” ราชาจิ้งจอกเก้าหางยิ้มบาง

ความสนใจของตู้ชิงซี และคนอื่น ๆ ถูกดึงดูดโดยกองสมบัติที่ยึดมา ตั้งแต่เยาว์วัย พวกเขาต่างก็เติบโตขึ้นมาในตระกูลใหญ่ที่ทรงพลังและมั่งคั่ง สายตาของพวกเขาจึงเฉียบแหลมยิ่ง

พวกเขาสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่าสมบัติทั้งหมดบนพื้นนั้นล้ำค่าอย่างยิ่ง หากแลกเปลี่ยนเป็นวารีวิญญาณ ย่อมมีมูลค่ามากถึงสองแสนห้าหมื่นจิน!

วารีวิญญาณถึงสองแสนห้าหมื่นจิน! นั่นเป็นปริมาณที่สามารถทำให้ผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลสามารถบรรลุขอบเขตเคหาทองคำได้เลยทีเดียว!

เมื่อนึกถึงสถานะของหนึ่งในเจ็ดราชาอสูรที่มีชีวิตอยู่มายาวนานกว่าหนึ่งหมื่นปี ก็สมเหตุสมผลที่ราชาอีกาทมิฬจะครอบครองสมบัติมหาศาลขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกไม่อยากเชื่อว่าราชาจิ้งจอกเก้าหางจะต้องการมอบสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ให้กับเฉินซี… เกิดสิ่งใดขึ้น?

เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันมีบางอย่างที่จะร้องขอจากเฉินซี และนั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกมันถึงมอบสมบัติของราชาอีกาทมิฬซึ่งเป็นของขวัญก้อนโตแก่เขา?

ดูเหมือนว่าทั้งสองตนนี้กำลังร้องขอบางอย่างจากเฉินซีจริง ๆ!

เฉินซีเข้าใจได้ในทันที เขาไม่ได้เหลือบมองสมบัติต่าง ๆ บนพื้นและเอ่ยถามกลับว่า “ข้าสงสัยว่าเหตุใดเจ้าสองตนจึงมาที่นี่?”

“อย่ากังวลไปเลยน้องชาย การมาเยือนของเราย่อมเป็นเรื่องดีและเจ้ามีแต่ได้ไม่มีอะไรต้องเสีย! ทว่าก่อนจะกล่าวถึงเรื่องอื่นเราควรออกจากที่แห่งนี้เสียก่อน อืม ไปยังเทือกเขาวงจันทราเถอะ สถานที่นั้นดูเหมือนจะเป็นที่พำนักของน้องชายเฉินซี” ราชาเต่าเฒ่าหัวเราะอย่างเต็มที่ ยามนี้ราชาเต่าเฒ่ารู้สึกชื่นชมเฉินซียิ่งขึ้น ชายหนุ่มผู้นี้ยังสงบนิ่งได้แม้ต้องเผชิญกับสมบัติอันล้ำค่า หากเป็นผู้เยาว์คนอื่น ๆ ป่านนี้คงลุ่มหลงอยู่กับบรรดาสมบัติล้ำค่าไปแล้ว

“รับไว้เถอะ สิ่งเหล่านี้เป็นของเจ้าตั้งแต่แรก เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะติดหนี้บุญคุณพวกข้า” ราชาจิ้งจอกเก้าหางกล่าวหยอกล้อ ดวงตาใสทรงลูกท้อคู่นั้นของเขาหรี่ลงเป็นเส้นตรง แม้จะให้ความรู้สึกชั่วร้ายแต่ก็มีเสน่ห์อย่างยิ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ มันไม่ง่ายเลยที่เฉินซีจะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงเก็บสมบัติทั้งหมดที่อยู่บนพื้นลงในแหวนมิติของเขาทันที

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขาปฏิเสธอีกครั้งมันจะดูหยาบคายอย่างยิ่ง แม้ไม่อาจคาดเดาว่าราชาอสูรทั้งคู่ต้องการจะทำอะไร แต่จากการสังเกตของเขาในปัจจุบัน ราชาอสูรทั้งสองไม่ได้มีเจตนาร้ายแน่นอน ท้ายที่สุด หากพวกมันคิดไม่ซื่อ ทั้งคู่คงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับตัวเขานัก

เรือเหาะสมบัติที่หรูหราและเรียบง่าย ได้ทะลวงฝ่าชั้นอากาศขณะที่มันบินไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้นด้วยความรวดเร็ว

‘ในครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะบรรลุเต๋าแห่งสายลมสำเร็จในช่วงสุดท้าย เกรงว่าชีวิตของข้าคงจบลงไปแล้ว ข้าต้องบ่มเพาะให้หนักขึ้นในภายภาคหน้า…’

บนเรือเหาะ เฉินซียืนจับราวกราบเรือและมองไปยังหุบเขาจันทราโหยหวนที่ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา

“หากข้าจำไม่ผิด เรือเหาะลำนี้เป็นสมบัติวิเศษระดับสูง!”

“ใช่แล้ว ทั้งลำเรือถูกจารึกด้วยอักขระที่มีคุณสมบัติดูดซับปราณวิญญาณของสวรรค์และโลกซึ่งถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเคลื่อนที่โดยไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่ม จึงทำให้มันสามารถบินได้เป็นเวลานาน”

“นับว่าเป็นเรือเหาะสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง”

ตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่ด้านข้าง หลังจากประเมินโครงสร้างของเรือเหาะอย่างระมัดระวัง พวกเขาต่างก็ชื่นชมอย่างไม่รู้จบ

เรือเหาะสมบัตินี้เป็นของราชาเต่าเฒ่า ยามที่นั่งอยู่บนนี้ พวกเขาก็รู้สึกมั่นคงและสะดวกสบายโดยไม่รู้สึกถึงกระแสลมเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ ภายในยังตกแต่งด้วยเตียง โต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้วิญญาณ สมุนไพรชั้นดี หรือแม้แต่สุราชั้นยอดและผลไม้สดชนิดต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยปราณวิญญาณ มันช่างเหมือนกับพระราชวังที่สามารถโบยบินไปบนท้องฟ้าได้ ช่างสะดวกสบายอย่างยิ่ง

“น้องชายเฉินซี เรือเหาะสมบัติของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” ราชาเต่าเฒ่ายืนเคียงข้างเฉินซีในขณะที่เขาถามด้วยรอยยิ้ม

“นับว่าไม่เลว” เฉินซีพยักหน้า เขารู้สึกประหลาดใจมาก ยามที่เขาขึ้นมาบนเรือ จากการสังเกตของเขาไม่เพียงแต่เรือเหาะสมบัตินี้จะสะดวกสบาย แต่ยังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ซึ่งเทียบได้กับสมบัติวิเศษชั้นยอด

สมบัติวิเศษมีการจัดระดับแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ได้แก่ ระดับมนุษย์ ระดับล้ำลึก ระดับปฐพี และระดับสวรรค์ และทุกระดับจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ขั้นอันได้แก่ ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสุดยอด เฉินซีไม่อาจแยกแยะได้ว่าเรือเหาะสมบัติเช่นนี้อยู่ในระดับหรือขั้นใด แต่เขามั่นใจอย่างยิ่งว่ามันเป็นสมบัติวิเศษระดับสูงมากแน่นอน

“ฮ่า ๆๆๆ! หากเจ้าชอบ ข้าจะมอบเรือเหาะสมบัตินี้แก่เจ้า” ราชาเต่าเฒ่าหัวเราะเสียงดังและตัดสินใจแล้ว “อย่าได้ปฏิเสธเลย สมบัติวิเศษนี้สามารถต้านทานการโจมตีจากผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถบินได้ไกลถึงสองพันห้าร้อยลี้ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม จงเก็บไว้ข้างกายเถอะ เพื่อใช้มันในการป้องกันตัว”

“ข้าจะทำแบบนั้นได้อย่างไร” เฉินซีไม่อาจยอมรับได้

“การเก็บสิ่งนี้ไว้หามีประโยชน์อันใดสำหรับข้า หากเจ้าไม่รับ ข้าจะทำลายมันทิ้งเมื่อเราไปถึงเทือกเขาวงจันทรา!” ราชาเต่าเฒ่าแสร้งทำเป็นโกรธ

เมื่อราชาเต่าเฒ่ากล่าวถึงขนาดนี้ เฉินซีจะยังคงปฏิเสธได้อย่างไร แต่ความสงสัยของเขากลับยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหตุใดทำให้สัตว์อสูรผู้ลึกลับนี้ถึงได้เอาใจเขานัก?

ไม่นานนัก เรือเหาะสมบัติก็บินมาถึงเทือกเขาวงจันทรา

มู่ขุยกำลังบ่มเพาะอยู่และเขาก็ต้องตกตะลึงยามที่เห็นเรือเหาะสมบัติกำลังร่อนลงมา แต่เมื่อเขาเห็นเฉินซีก้าวเดินออกมาจากภายใน เขากระทืบเท้ากระโดดขึ้นด้วยความยินดีก่อนจะพุ่งออกไปอย่างรุนแรงและโห่ร้องอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ตาย… ท่านยังไม่ตาย…”

เมื่อเห็นมู่ขุยมีความสุข เฉินซีก็มีความสุขมากเช่นกัน และท่าทางหยอกล้อที่ไม่ค่อยพบเห็นของเขาก็เผยออกมา “เจ้าตั้งตารอความตายของข้าอย่างใจจดใจจ่อหรือ?”

มู่ขุยหน้าแดงและรีบส่ายศีรษะราวกับรัวกลอง “ข้าจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? ข้าจะเป็นอย่างนั้นอย่างไร…”

เมื่อเห็นมู่ขุยตื่นเต้นจนกล่าวติดขัด ชายหนุ่มก็รู้สึกขบขันและมีท่าทีที่อธิบายไม่ถูก เขาจึงตบไหล่ของมู่ขุยและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “มีแขกมาเยือน เจ้าจะไม่รับรองหน่อยหรือ?”

“ทราบแล้ว ๆ” ขณะที่พวกเขาพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน มู่ขุยสังเกตเห็นราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหางยืนอยู่เคียงข้างเฉินซี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินซี ยิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชมในความสามารถของเจ้านายตนเอง เขาไม่กล่าวถึงสิ่งใดอีกและรีบเร่งเข้าไปในที่พำนักเพื่อไปเตรียมผลไม้และสุราชั้นดี

“อสูรหมาป่าตัวนี้สัตย์ซื่อมาก นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่เขาสามารถติดตามน้องชายเฉินซีได้ แม้แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาตัวเขา” ราชาเต่าเฒ่ายิ้มในขณะที่เขากล่าวยกยอ

ราชาจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ใกล้เคียงก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

เพราะมีเหตุให้รบกวนถึงมีการแสดงออกเช่นนี้ เฉินซีเข้าใจในหลักการนี้ดีแต่ไม่ได้กล่าวออกไป เขาพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวว่า “มู่ขุยค่อนข้างดีจริง ๆ ข้าชอบในตัวเขานัก”

งานเลี้ยงต้อนรับได้รับการจัดเตรียมอย่างรวดเร็ว เฉินซีและคนอื่น ๆ นั่งลงก่อน จึงค่อยดื่มสุราและพูดคุยกับราชาเต่าเฒ่าและราชาจิ้งจอกเก้าหาง

หลังจากดื่มจนมึนเมาเล็กน้อย ราชาเต่าเฒ่าก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “น้องชายเฉินซี เจ้ารู้ถึงอดีตภายในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้หรือไม่”

‘ในที่สุดก็ได้เวลา?’ เฉินซีคิดในใจแล้วป้องมือรับ “ผู้อาวุโสเสวียนจิง โปรดชี้แนะแก่ข้าด้วย”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ด้านข้างกล่าวขัดจังหวะ “ความอ่อนล้าบนใบหน้าของสหายเต๋าเหล่านี้ยากที่จะปกปิด ข้าเดาว่าพวกเขาคงทนทุกข์ทรมานมามากด้วยน้ำมือของราชาอีกาทมิฬ เอาเช่นนี้ไหม ให้พวกเขาไปพักผ่อนก่อน ไม่ต้องเกรงใจพวกข้า”

ถ้อยคำของราชาเต่าเฒ่าแฝงไปด้วยเจตนาที่จะขับไล่กลุ่มของตู้ชิงซีออกไป

ตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ เข้าใจได้โดยปริยาย แต่พวกเขาก็เหนื่อยล้าจริง ๆ เนื่องจากปราณแท้ของพวกเขาถูกผนึกมาเป็นเวลานานและยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ดังนั้นพวกเขาจึงจากไปในทันที

ในตอนนี้มีเพียงเฉินซีและราชาอสูรทั้งสองเท่านั้นที่ยังคงรั้งอยู่

“ในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้นี้คงอยู่มานานกว่าห้าแสนปีแล้ว อีกทั้งยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่ผู้บ่มเพาะชาวมนุษย์จะเข้ามาไม่ได้ แม้แต่สัตว์อสูรที่อยู่ข้างในก็ไม่สามารถออกไปได้เช่นกัน”

“สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือมีผนึกแปลก ๆ ที่คอยปิดกั้นอยู่หลายชั้นซึ่งส่งผลให้ราชาอสูรที่มีการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลก้าวขึ้นไปสู่ขอบเขตเคหาทองคำไม่ได้ นับประสาอะไรกับการบ่มเพาะไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น เพื่อบรรลุสู่ความเป็นเซียนและขึ้นสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋า

เฉินซีตกตะลึง “ราชาอีกาทมิฬไม่ได้ต้องการกลั่นโอสถลาภวิญญาณโลหิตเพื่อใช้มันสำหรับบรรลุ​​ขอบเขตเคหาทองคำหรอกหรือ?”

“ย่อมใช่อย่างแน่นอน” ราชาเต่าเฒ่าได้ตอบกลับ “แต่นั่นเป็นเพียงความวิกลจริตของสัตว์ที่ใกล้ตาย เพราะอายุขัยของมันกำลังจะสิ้นสุดลง เพื่อความอยู่รอด มันจึงต้องทำกระทำเช่นนั้น”

ราชาจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ใกล้เคียงแค่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ราชาอีกาทมิฬนั้นเป็นแค่ไอ้โง่ เมื่อมันเห็นพวกเจ้าปรากฏตัวขึ้นก็พาลคิดว่าโชคก้อนใหญ่ได้มาถึงแล้ว ดังนั้นมันจึงต้องการกลั่นมนุษย์เช่นพวกเจ้าให้เป็นโอสถลาภวิญญาณโลหิต แต่หาได้รู้ไม่ว่าถึงแม้จะประสบความสำเร็จในการกลั่นโอสถ การใช้โอสถลาภวิญญาณโลหิตเพื่อที่จะบรรลุขอบเขตเคหาทองคำย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่ดี”

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” เฉินซีถามด้วยความประหลาดใจ

“เพราะว่า…” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ราชาเต่าเฒ่าก็หยุดนิ่งไปในทันที ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งและถอนหายใจ ผ่านครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพราะเมื่อห้าแสนปีที่แล้ว มีสมบัติลึกลับอันทรงพลังตกลงมาสู่สถานที่แห่งนี้ซึ่งส่งผลให้ในอาณาเขตระยะสองหมื่นห้าพันลี้ภายในเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้นั้นเปลี่ยนแปลงไปราวกับถูกผนึกด้วยอำนาจบางอย่าง!”

‘สมบัติที่สามารถผนึกพลังในส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้เป็นเวลากว่าห้าแสนปี?’

ไม่ว่าหัวใจเต๋าของเฉินซีจะมั่นคงแค่ไหน ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “สมบัติวิเศษอะไรถึงทรงพลังเช่นนั้น?”

ราชาเต่าเฒ่าแหงนมองไปยังท้องฟ้าและสีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้ “สมบัติวิเศษที่สามารถครอบครองพลังดังกล่าวได้ย่อมเป็นสมบัติที่ทำให้ทั้งสามภพในสมัยโบราณต้องเกิดความโกลาหล อีกทั้งทำให้โลหิตของเหล่าสิ่งมีชีวิตในสมัยโบราณต้องหลั่งไหลจากสรวงสวรรค์ลงสู่สายน้ำ สิ่งนั้นคือแผนภาพวารีหลากอันลึกลับ!”