บทที่ 30.5 ใครโหดเหี้ยมกว่ากัน? (5)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

บทที่ 30 ใครโหดเหี้ยมกว่ากัน? (5) Ink Stone_Romance

ฉู่สวินหยางน้ำตาคลอหน่วย แหงนหน้ามองพระพักตร์ฮ่องเต้ “เสด็จปู่ ที่นี่เป็นตำหนักของเสด็จย่า ทั้งนอกในตำหนักมีคนตั้งเท่าใด แค่ทหารที่ยืนเวรหน้าประตูก็มากมายแล้ว? ต่อให้หลานมีแผนในใจก็ใช่จะมีกำลังทำได้ หลานรู้ดีว่าเสด็จย่าไม่ชอบหน้าท่านแม่กับหลานนัก เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็สั่งห้ามไม่ให้พวกเราแม่ลูกเข้าวังก็ใช้ได้แล้ว เหตุใดต้องลงมือโหดเหี้ยมปานนี้!”

ตำหนักของหลัวฮองเฮา แน่นอนว่าคนนอกไม่อาจลักลอบเข้ามาได้

ความจริง ฉู่สวินหยางก็ยังประหลาดใจอยู่…

มีคนกล้าเล่นลูกไม้ตบตาถึงในนี้

แต่เมื่อโอกาสส่งมาถึงตรงหน้า นางย่อมใช้มันให้เป็นประโยชน์

หลัวฮองเฮาสับสนกระวนกระวาย จนไม่รู้จะเดินหมากอย่างไรดี

ฮ่องเต้ไร้วาจา หลี่รุ่ยเสียงจึงถามแทนว่า “ก่อนที่จะเกิดเรื่อง มีคนน่าสงสัยเข้าออกที่นี่บ้างหรือไม่?”

พวกข้ารับใช้ต่างนึกย้อนไปอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ล้วนส่ายศีรษะ

“ไม่มีเจ้าค่ะ” สุดท้าย ไฉ่อวิ๋นเป็นคนตอบออกมา

ตอนที่แม่นมเหลียงกับไฉ่เยว่ทะเลาะกันนางก็อยู่ด้วย พอเห็นว่าห้ามไม่ไหวถึงได้ออกไปเรียกคนมาช่วย ระยะเวลาเพียงไม่นาน จะมีใครเข้ามาได้อย่างไร?

หากพิจารณาสักหน่อยก็พอรู้ ยาพิษน่าจะซ่อนอยู่ในร่างของหนึ่งในสองคนนั้นตั้งแต่ต้น ตอนที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันคงไม่ทันระวังจึงทำแตก คนทั้งสองจึงต้องถึงแก่ชีวิต

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ เพคะ!” หลัวฮองเฮาไม่รู้จะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร ได้แต่กอดชายเสื้อของฮ่องเต้ไว้ กรีดร้องเหมือนใจจะขาด

ฮ่องเต้ข่มตาลงแน่น ด้วยหลักฐานที่ครบพร้อมแน่นหนา จึงสะบัดขาถีบนางออกอย่างไม่เหลือเยื่อใย ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปทันที

หลัวฮองเฮานอนฟุบอยู่บนพื้น ไม่สนใจความเจ็บปวด รีบตะเกียกตะกายลุกตามไปทันที “ฝ่าบาท! ฝ่าบาททรงฟังหม่อมฉัน…”

หลี่รุ่ยเสียงยกมือขวางไว้ ดันร่างนางไปหาสองขันทีที่อยู่ข้างหน้า เอ่ยเสียงเย็นว่า “ช่วยประคองฮองเฮาไว้ก่อน!”

หลัวฮองเฮาเองก็รู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของตน จึงไม่ไยดีทั้งฐานะและกฎเกณฑ์ใดๆ นางดิ้นรนสุดกำลัง แต่ไม่ว่าร่างที่อ่อนแรงจะร่ำไห้เสียใจแค่ไหน ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้

ฉู่สวินหยางเดินผ่านหน้าของนางไป

นางพลันกระตุกยิ้มแข็ง ตะโกนด่าทอว่า “นังสารเลว! ต่ำช้าไม่ต่างจากแม่ของแก หยาบช้าใจทราม พวกแกรวมหัวกันใส่ร้ายข้า พวกระยำ! ระยำ!”

เท้าของฉู่สวินหยางชะงักกึก หางตาเหลือบมองนาง ก่อนจะถอยหายใจสมเพชเวทนา “เสด็จย่ายังไม่สำนึกอีกหรือ? เช่นนั้น…สวินหยางคงต้องขอตัวก่อน ขอให้พระองค์…โชคดี!”

พูดจบก็ยกชายกระโปรงก้าวออกประตูไปทันที

หลัวฮองเฮาเดิมอยากจะด่าคนต่อ แต่พอได้ยินสี่คำสุดท้ายของนางพลันหยุดเสียงทันควัน ทั่วร่างสั่นสะท้านด้วยความเย็นเยือก

ฉู่สวินหยางเดินจากมาด้วยฝีเท้าที่เชื่องช้า ก่อนจะหยุดที่ข้างทางชื่นชมทัศนียภาพของวังโซ่วคังอีกสักพัก

ตอนที่เดินออกประตูใหญ่มา ก็เห็นหลี่รุ่ยเสียงเดินนำเย่าสุ่ยเลี้ยวออกมาพอดี

หลี่รุ่ยเสียงเดินนำอยู่ด้านหน้า บนถาดที่เย่าสุ่ยประคองตามหลังมามีแพรขาวสามฉื่อพับไว้อย่างประณีต

“ท่านหญิง!” สองคนหยุดเท้าหลีกทางให้

“อืม!” ฉู่สวินหยางเอ่ยรับเสียงเบา กวาดสายตาผ่านทั้งคู่แวบหนึ่งแล้วยกเท้าเดินต่อไป

ของสิ่งนั้นให้ความกระจ่างแล้ว!

การกระทำของหลัวฮองเฮาครั้งนี้ นับว่าหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ สตรีที่เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่มาชั่วชีวิต ใครจะคิดว่าต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้?

อีกทั้ง…

ยังเป็นจุดจบที่น่าสับสนเหลือเกิน

ฉู่สวินหยางเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งออกจากวัง

ฉู่ฉีเฟิงทิ้งรถม้าไว้ให้นาง เจี่ยงลิ่วก็คอยอยู่ด้วย พอเห็นนางออกมาจึงส่งเสียงเรียก “ท่านหญิง!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางส่งเสียงตอบอย่างเหม่อลอย แล้วมุดตัวเข้าไปด้านในรถม้า

ตอนที่กลับไปถึงวังบูรพา ฉู่อี้อันที่ทราบข่าวก็มาถึงด้วยแล้ว

ฉู่สวินหยางไม่รอช้ารีบตามเข้าไป พอไปถึงที่เรือนก็เห็นเหยียนหลิงจวินกับฉู่ฉีเฟิงอยู่กันพร้อมหน้า

เหยียนหลิงจวินเห็นนางเป็นคนแรก จึงหันมาเลิกคิ้วให้

ฉู่สวินหยางกระตุกมุมปาก ส่งยิ้มที่ต่างเข้าใจความนัยไปให้ จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปทันที

ฉู่อี้อันนั่งอยู่บนขอบเตียงคนแซ่ฟาง มองหน้านางด้วยสีหน้าลุ่มลึก คนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลังเขา จึงไม่มีใครมองเห็นว่าสายตาของเขาเป็นเช่นไร

รู้เพียงว่าเขาไม่ได้ขยับตัวมาพักใหญ่แล้ว

ฉู่สวินหยางมองแผ่นหลังเขา แอบถอนใจเงียบๆ อยู่ในอก…

ฉู่สวินหยางกับฉู่ฉีเฟิงต่างเดาออกแต่แรกแล้วว่าคนแซ่ฟางเป็นคนวางยาตัวเอง และคิดโยนความผิดให้หลัวฮองเฮา คนอื่นไม่รู้ความลับนี้ของคนแซ่ฟาง แต่พวกเขานั้นกระจ่างอยู่แก่ใจ เรื่องที่ทุกคนคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่คนแซ่ฟางกลับกล้าทำมันจริงๆ

หลัวฮองเฮาคิดว่าตัวเองวางแผนแยบยล ควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ นางมีกำลังและอำนาจที่มากเกินพอ แต่ทว่า…

นางยังใจเด็ดไม่เท่าคนแซ่ฟาง!

คนแซ่ฟางที่ทั้งอ่อนแอและไม่มีอะไรดีสักอย่างในสายตาคนอื่น ทว่าพร้อมจะใช้ชีวิตของตนเป็นสิ่งเดิมพันอยู่เสมอไม่ว่าเมื่อใด

ส่วนนางกับฉู่ฉีเฟิงก็แค่ดันเรือไปตามน้ำ ช่วยเหลืออีกแรงก็เท่านั้น

“ท่านพ่อ…” เมื่อสงบอารมณ์ได้ ฉู่สวินหยางถึงก้าวไปข้างหน้า เรียกฉู่อี้อันเสียงเบา

ฉู่อี้อันไม่ได้ขยับ และไม่ได้หันกลับมา

ฉู่สวินหยางไม่สนใจ เอ่ยต่อไปว่า “ท่านพ่อเตรียมตัวเข้าวังก่อนเถิด เสด็จย่านาง…สิ้นแล้วเจ้าค่ะ!”

ไหล่ของฉู่อี้อันสะท้านไหวเล็กน้อยจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น

ฉู่ฉีเฟิงหันขวับมามองนางด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”

“มีคนพบยาพิษเหมือนกับที่ท่านแม่โดนในวังของเสด็จย่า เสด็จปู่ทรงพิโรธมาก!” ฉู่สวินหยางตอบ

การเล่นลูกไม้ภายในตำหนักฮองเฮาเกินความสามารถของนางกับฉู่ฉีเฟิงไปมาก และต่อให้พวกนางมีกำลังก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นได้

ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวว่าหลัวฮองเฮาวางยาพิษคนแซ่ฟางจริงๆ

ความจริงที่น่าโหดร้ายเช่นนี้…

บางที…

คงไม่ทำให้ฉู่อี้อันเจ็บปวดมากเกินไปนัก!

อย่างไรเสีย…

หลัวฮองเฮาก็ทำตัวเอง หาได้เป็นเพราะผู้อื่นเลยไม่!

————————————