บทที่ 4 ชั้นเรียน
ตอนที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมายังคงเป็นเวลาเช้าตรู่อยู่ ซูเฉินยังคงรู้สึกสะลึมสะลือจากการที่ได้กลับมาพักผ่อนตอนดึกเมื่อคืนวานไม่คลาย
เมื่อวานนี้ จินหลิงเอ้อร์และหวังโต้วซานลากตัวเขาไปทำความรู้จักกับศิษย์คนอื่น ๆ ในหอเดียวกัน พร้อมกับพูดเรื่อง “ต่อไปเราเป็นศิษย์ร่วมวิชาเดียวกัน ต้องทำความรู้จักกันไว้ ไม่เมาไม่กลับ!” ไม่หยุด
และแม้ว่าเด็กหนุ่มจะเป็นที่ต้อนรับดี แต่กลับรู้สึกว่าตนมีความแปลกแยก นอกจากหวังโต้วซานและจินหลิงเอ้อร์แล้ว เขาก็มีความรู้สึกไม่ยอมรับปกคลุมรอบกาย รู้สึกราวกับว่าศิษย์เหล่านี้รังเกียจผู้ใดก็ตามที่ไม่เหมือนกับพวกเขา รังเกียจคนที่ไร้สายเลือด แต่เขาก็ไม่ประหลาดใจนัก เพราะในหอเมฆสงบแห่งนี้มีเขาคนเดียวที่ไร้สายเลือด
นับได้ว่าซูเฉินเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อาศัยอยู่ในหอนี้
เคราะห์ดีที่ทุกคนวางตัวดีมีมารยาท ไม่ปรามาสซูเฉินต่อหน้า อย่างน้อยการทำเช่นนี้ก็ทำให้สามารถเป็นมิตรกันที่เปลือกนอกได้
แต่ช่างมันเถอะ ซูเฉินมองภาพพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า จากนั้นจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อไม่มีหมิงชูแล้วทุกอย่างก็ไม่สะดวกสบายเท่าไรนัก ส่วนกังเหยียนเป็นนักสู้ที่ไม่เก่งเรื่องการรับใช้คนนัก บางทีข้าอาจต้องเรียนวิชาทำความสะอาดร่างไว้ใช้เสียบ้าง ซูเฉินคิด
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ซูเฉินก็ออกเดินไปเข้าชั้นเรียน
เด็กหนุ่มเลือกชั้นเรียนที่ต้องการเรียนเรียบร้อยแล้ว วิชาแรกคือชีววิทยา
วิชาชีววิทยาจะสอนในห้องเรียนในหอโอภาสเหนือ ยามซูเฉินไปถึง ศิษย์เกือบร้อยก็มารวมตัวกันแล้ว
เขาหามุมว่างมุมหนึ่งก่อนจะนั่งลง หลังจากจัดท่านั่งตนให้สบายแล้ว ศิษย์อีกสิบคนก็เดินเข้ามา ตามมาด้วยชายชราจมูกใหญ่ผู้หนึ่ง
ชายชราผู้นั้นท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน ผมยุ่งราวกับรังนก เขายืนอยู่หน้าแท่นแล้วลงมือสอนในพลันเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ชีววิทยามุ่งเน้นศึกษาเรื่องแก่นภายในของชีวิต ช่วยทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชีวิต พลัง และธรรมชาติ หลายคนคิดว่าชีววิทยาคือการศึกษาร่างกายมนุษย์ เป็นวิชาที่ที่เกี่ยวพันกับการไหลเวียนของพลังภายในร่าง ส่วนตัวแล้วข้าเกลียดความคิดเช่นนั้นมากเพราะมันตรงตัวเกินไป !”
“จุดประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาชีววิทยาไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ไม่เพียงมันจะช่วยทำให้พวกเจ้าเข้าใจเส้นพลังในร่างที่พลังต้นกำเนิดใช้ไหลเวียนไป มันยังช่วยให้เจ้าสร้างยันต์พลังต้นกำเนิดบนร่างได้ง่ายมากขึ้น หรือช่วยให้เข้าใจปฏิกิริยาของยาต่าง ๆ เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์…… เหล่านี้คือชีววิทยา ไม่ใช่วิชาสรีรวิทยามนุษย์ ! หากความคิดเจ้าไม่เปิดกว้าง ชีวิตนี้เจ้าจะไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าส่วนมากก็คงยังไม่อาจจินตนาการได้ว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร”
เรื่องนี้คือสิ่งแรกที่ซูเฉินได้เรียนในชั้นเรียนชีววิทยา ทั้งยังเป็นสิ่งที่เขาจดจำได้ดีที่สุด
ชายชราผู้นี้ชื่อว่ากัวข่าย แม้จะมีท่าทางไม่เอาใจใส่สิ่งใดเท่าไหร่ แต่คำสอนของเขาทั้งเข้าใจง่ายและเป็นระเบียบยิ่งนัก
แม้เขาจะเน้นย้ำว่าตนเองสอนชีววิทยาไม่ใช่สรีรวิทยา แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องสรีระมนุษย์ก็นับเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของชีววิทยา เขาสอนเรื่ององค์ประกอบและความสามารถต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ อีกทั้งยังสอนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพลังต้นกำเนิดและวิธีควบคุมพลังต้นกำเนิด เพื่อทำให้ศิษย์ทั้งหลายเข้าใจแก่นแท้ของวิชาชีววิทยามากขึ้น
แม้ชีววิทยาจะเป็นวิชาที่มีประโยชน์ที่สุดในการเรียนปรุงยา แต่ก็ยังมีประโยชน์ในด้านการบ่มเพาะพลังเช่นเดียวกัน
หลังเรียนชีววิทยาเสร็จ ซูเฉินก็เดินออกมา มุ่งหน้าไปยังหอวาโยเลื่อนลอยซึ่งเป็นชั้นเรียนยันต์พลังต้นกำเนิด
ชั้นเรียนยันต์พลังต้นกำเนิดนั้นมีชื่อมาก บางครั้งมีศิษย์ในชั้นเรียนมากถึง 400 คนเลยทีเดียว
และเมื่อซูเฉินเดินทางไปถึง ห้องเรียนก็เต็มแล้ว เด็กหนุ่มไม่อาจหาที่นั่งได้จึงยืนพิงกำแพงฟังคำสอนเอา
ชายชราในชุดคลุมยาวสีดำเดินออกมาอยู่หน้าชั้นเรียน
เขาคือลี่หงหย่วนที่เป็นคนลงทะเบียนให้ซูเฉินเมื่อวันก่อน ดูท่าทางมีกำลังกว่าเมื่อวานนัก หนวดเคราน้อย ๆ บนหน้าได้รับการจัดแต่งมาเป็นอย่างดี
ชายชราเดินขึ้นมายังพื้นที่ยกสูงก่อนเอ่ยขึ้น “สวัสดีศิษย์ทั้งหลาย ข้ามีนามว่าลี่หงหย่วน วันนี้ข้าจะมาสอนเกี่ยวกับวิธีต่าง ๆ ในการสร้างยันต์พลังต้นกำเนิด”
“ทุกคนล้วนรู้ดีว่ายันต์พลังต้นกำเนิดไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ มันคือพลังต้นกำเนิดชนิดหนึ่งที่อยู่ลึกลงไปภายในร่างกายของเรา อยู่ใกล้กับแหล่งพลังต้นกำเนิดในร่าง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างยันต์พลังต้นกำเนิดและร่างกายมนุษย์คือการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน มนุษย์เปิดใช้ยันต์พลังต้นกำเนิด และตัวยันต์เองก็ส่งผลถึงร่างกายด้วยเช่นกัน ตัวอย่างง่าย ๆ คือวิชาการหลอมกายาที่ใช้ยันต์พลังต้นกำเนิดในการส่งผลและหล่อหลอมร่างกายมนุษย์ขึ้น”
“แล้วยันต์เหล่านี้มาจากไหน ? ศิษย์สถาบันมังกรซ่อนเร้นทุกคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด คงมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้ว คำตอบนั้นง่ายมาก ! มันมาจากการบ่มเพาะพลังภายนอก ทักษะการหายใจบางอย่าง และมาจากวิชาบางวิชา ดังนั้นวันนี้ ข้าจะสอนวิชาขั้นพื้นฐาน 63 วิชาที่สำคัญต่อการสร้างยันต์พลังต้นกำเนิด”
ซูเฉินตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนและจดบันทึกไปด้วย
ก่อนเข้าสถาบันมังกรซ่อนเร้น ซูเฉินได้รับความรู้ทั้งหมดจากอารามนิรันดร์ ในฐานะที่เป็นผู้เหลือรอดของเผ่าอาร์คาน่า เพราะอารามนิรันดร์มีวิชาความรู้ยุคโบราณอยู่มากมาย ดังนั้นเขาร่ำเรียนวิชาโบราณอาร์คาน่ามาได้บ้างพอควร ทว่าเด็กหนุ่มนั้นยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยนัก
ในตอนนี้ซูเฉินมีทางออกแล้ว ในฐานะศิษย์ของสถาบัน เขาก็สามารถเรียนทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยอย่างเป็นระบบระเบียบได้แล้ว
หลังจากได้รับการสั่งสอน เด็กหนุ่มจึงเข้าใจว่าความซับซ้อนของทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัย ไม่ได้มีน้อยกว่าวิชาโบราณอาร์คาน่าเลย เพียงเรื่องยันต์พลังต้นกำเนิดเรื่องเดียวก็สามารถแยกย่อยออกไปได้หลายหัวข้อแล้ว
เช่น ‘หลากหลายวิธีการสร้างยันต์พลังต้นกำเนิด’ ‘ผลที่แตกต่างกันจากยันต์พลังต้นกำเนิดที่ส่งผลต่อร่างกายของแต่ละคน’ ‘ตำแหน่งยันต์พลังต้นกำเนิดและผลต่อการควบคุมพลังต้นกำเนิด’ ‘เหตุใดการแยกองค์ประกอบของยันต์พลังต้นกำเนิดจึงมีความสำคัญ’ ‘รูปแบบพื้นฐานและเป็นเอกลักษณ์ของยันต์พลังต้นกำเนิดและกระบวนการที่แตกต่างกัน’ และ ‘ผลของยันต์พลังต้นกำเนิดที่มีผลต่อทักษะต้นกำเนิด’
นี่เป็นเพียงไม่กี่หัวข้อเท่านั้น แต่ละหัวข้อทั้งล้ำลึกและซับซ้อน จำต้องใช้เวลาและการค้นคว้าจำนวนมาก
มีแต่ต้องใช้เวลาเรียนรู้เท่านั้นจึงจะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยกับวิชาโบราณอาร์คาน่าได้
ในด้านของพลังโจมตี ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยนั้นด้อยกว่าวิชาโบราณอาร์คาน่า แต่มีวิธีการใช้กว้างขวางกว่า
การสร้างยันต์พลังต้นกำเนิดและใช้มันในการนำพลังต้นกำเนิดในร่าง เช่นนี้จะสามารถก่อให้เกิดพลังมหาศาล ทั้งยังสามารถเพิ่มพละกำลังได้อีกด้วย เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่วิชาโบราณอาร์คาน่าไม่อาจทำได้ เพราะแม้ในช่วงเวลานั้นจะมีปรมาจารย์เผ่าอาร์คานาอยู่หลายคน แต่หากนำมาเทียบกับผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดในปัจจุบันแล้ว อาจนับได้ว่าด้อยกว่ามากทีเดียว
นอกจากนี้ ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยยังใช้ง่ายกว่าและสามารถใช้ได้ทั้งโจมตีและตั้งรับ ยกตัวอย่างเช่น ดาบอัสนีบาต หากเทียบกับทักษะต้นกำเนิดอื่น ๆ ของซูเฉินแล้ว มันอาจไม่ได้มีพลังโจมตีสูงส่งนัก แต่กลับเป็นวิชาที่สามารถใช้โจมตีและป้องกันได้ ในการแข่งขันของมณฑลสามเทือกเขา มันเป็นวิชาที่เขาใช้เพื่อสกัดวิชาของพานเยว่และใช้ป้องกันการโจมตีคู่ของชายหนุ่มชุดเกราะเงินได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่วิชาโบราณอาร์คาน่าอย่างวิชาลูกไฟยักษ์ไม่อาจทำได้
เป็นหนึ่งในประโยชน์อันหลากหลายของทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัย
ลี่หงหย่วนสอนไปเรื่อย ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจการก่อร่างของยันต์พลังต้นกำเนิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ตัวยันต์จะไม่ซับซ้อนเท่ารูปแบบพลังต้นกำเนิด แต่การสร้างยันต์ขึ้นมาก็จำเป็นต้องมีขั้นตอนพิเศษอยู่ เพราะแม้จะเป็นยันต์พลังต้นกำเนิดแบบเดียวกันก็ตาม ทว่าการสร้างยันต์พลังต้นกำเนิดจะได้ผลแตกต่างกันหากเวลา สถานที่ และกระบวนการสร้างของยันต์แตกต่าง
การได้มาในสิ่งที่ต้องการย่อมต้องมีวิถีบำเพ็ญเพียรที่เป็นเหตุเป็นผล
ซูเฉินและศิษย์คนอื่น ๆ ต่างดื่มด่ำไปกับบทเรียนในครั้งนี้ หลาย ๆ คนกระทั่งอยากลองวิชาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยก็มี
จากนั้นการเรียนการสอนก็จบลงที่ตรงนั้น
“การสอนเรื่องการสร้างยันต์พลังต้นกำเนิดในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ เวลามีจำกัด ข้าจึงพูดได้เพียงสามประเภทเท่านั้น หากพวกเจ้ายังมีความสนใจก็เข้าเรียนวิชาข้าในครั้งต่อไปได้ หากเจ้าต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในชั้นเรียนยันต์พลังต้นกำเนิดของข้า เจ้าจำต้องเข้าเรียนทุกครั้ง”
เมื่อลี่หงหย่วนพูดจบ ร่างของเขาก็พลันลอยหายไป