มองดูท่าทีกู้โม่หานสีหน้าร้อนรน มุมปากของเชี่ยนปี้โก่งขึ้นอย่างได้ใจ ในใจก็สุขใจ

ท่านอ๋องใส่ใจพระชายารองจริง ไม่ว่าหนานหว่านเยียนจะทำอะไรแค่ไหน ก็สู้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ท่านอ๋องมีต่อพระชายารองไม่ได้

ตอนนี้ความรู้สึกของกู้โม่หานสับสนวุ่นวาย ไม่เพียงแค่ความห่วงใยเป็นห่วงต่อหยุนอี่ว์โหรว ยังคลุกเคล้าอยู่กับความล้มเหลวจากที่หนานหว่านเยียน ความไม่พอใจที่ทำเป้าหมายไม่สำเร็จ

เขาพยายามกดทับความรู้สึกแบบนี้ มาถึงเรือนจู๋หลานอย่างรวดเร็ว

แต่คิดไม่ถึง เขาเข้าเรือนก็เห็นหยุนอี่ว์โหรวนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างโต๊ะอาหาร ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไร ยิ่งไม่เหมือนที่เชี่ยนปี้บรรยายว่าอ่อนแอทรมานแบบนั้น

บ่าวคนนี้กลับหลอกเขา?

กู้โม่หานสีหน้าเย็นชาทันที จ้องเชี่ยนปี้อย่างเย็นชา เชี่ยนปี้ถึงแม้จะใจฝ่อ แต่ก็แกล้งทำเป็นห่วงใย เข้าไปพูดกับหยุนอี่ว์โหรว “พระชายารองหยุน ท่านอ๋องมาแล้ว”

หยุนอี่ว์โหรวได้ยินตาสว่าง เงยหน้ามองกู้โม่หาน “ท่านอ๋อง! ท่านมาได้อย่างไร?”

กู้โม่หานถึงแม้จะมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้ยินว่าโหรวเอ๋อร์ร่างกายไม่สบาย ข้าก็เลยมาดูเจ้า”

หยุนอี่ว์โหรวกลับขมวดคิ้วทันที มองอย่างตำหนิไปทางเชี่ยนปี้ พูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าอย่าตื่นตระหนก มีอะไรเล็กน้อยก็ไปรบกวนท่านอ๋อง!”

เชี่ยนปี้ตาแดง ไม่ยอมเล็กน้อย

“พระชายารอง ท่านเพื่อจะรอกินข้าวพร้อมท่านอ๋อง วันนี้ไม่ได้กินข้าวสักเม็ด เมื่อครู่ก็หิวจนปวดท้องแล้ว แต่ก็ยังอยากรอท่านอ๋องกินพร้อมกัน บ่าว บ่าวก็เพราะเป็นห่วงท่านแบบนี้ลงไปจะปวดกระเพาะ ถึงได้……ขอพระชายารอง ท่านอ๋องลงโทษ!”

รอเขากินข้าว?

กู้โม่หานขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

คิดแล้ว เขาก็เฉยเมยต่อหยุนอี่ว์โหรวจริง กลับไม่ใส่ใจที่จะกินข้าวพร้อมนาง

เขาก็เข้าไปนั่งข้างกายหยุนอี่ว์โหรวทันที ฝ่ามือทับอยู่บนนิ้วอันอ่อนโยนของนาง “โหรวเอ๋อร์ ทำไมเจ้าไม่กินข้าวดีๆ?”

หยุนอี่ว์โหรวส่งสายตาให้เชี่ยนปี้ถอนตัวออกไป เชี่ยนปี้พยักหน้าจากไป ก่อนออกไปก็ปิดประตูห้องไว้

จากนั้นนางก็คลอเคลียอยู่ในอกของกู้โม่หาน ในตายังมีร่องรอยน้ำตาที่เคยร้องไห้ “โหรวเอ๋อร์เป็นห่วงอาหารในเรือนเซียงหลินไม่ถูกปากของท่านอ๋อง เพราะว่าพระชายาไม่ได้รับประทานอาหารพร้อมท่านอ๋องนานขนาดนี้แล้ว ถึงได้ตัดสินใจเองให้หลังครัวทำอาหารที่ท่านชอบ”

“โหรวเอ๋อร์คิดว่าช่วงนี้ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อย กินอาหารดีๆบำรุงร่างกาย ถึงได้รอท่านตลอด…….”

คิ้วคมของกู้โม่หานขมวดเข้ากันอย่างแน่น จับมือของหยุนอี่ว์โหรวไว้แน่นทั้งรู้สึกผิดทั้งปวดหัวใจ

“โหรวเอ๋อร์มีใจแล้ว เพียงแค่เมื่อครู่ข้ากินที่เรือนเซียงหลินแล้ว กินไม่ค่อยลงแล้ว ข้าอยู่กินเป็นเพื่อนเจ้า หือ?”

หยุนอี่ว์โหรวได้ยิน ในสายตาก็อดกลั้นความเย็นชาอันเอ่อล้นไว้

นางจะไม่รู้ว่ากู้โม่หานอยู่กินข้าวที่หนานหว่านเยียน!

หนานหว่านเยียนไม่ใช่อยากแย่งของกับนางหรอกหรือ เช่นนั้นก็ให้ความหวังของหนานหว่านเยียนสูญเปล่า!

ดู ยังคงมีผลอย่างมาก!

กู้โม่หานได้ยินว่านางเจ็บป่วยนิดหน่อยก็รีบมาทันที นางแพศยาหนานหว่านเยียนคนนั้น เอาอะไรมาสู้กับนาง?

หยุนอี่ว์โหรวกดทับความเย็นชามองไปที่กู้โม่หาน พูดอย่างเขินอาย

“ท่านอ๋อง เข้าหอคืนนี้ โหรวเอ๋อร์คาดหวังมาตลอดว่าจะมีลูกสักคนกับท่านอ๋อง ไม่รู้ว่า ท่านชอบบุตรชายหรือว่าบุตรสาว?”

ได้ยิน กู้โม่หานก็ไม่ได้คิดมาก คีบเนื้อแผ่นหนึ่งป้อนเข้าปากหยุนอี่ว์โหรว

“บุตรชายบุตรสาว ข้าล้วนชอบหมด หากเป็นผู้ชายต้องกล้าหาญรบเก่งเหมือนข้า หากเป็นผู้หญิง……”

พูดไป มือของผู้ชายที่ป้อนข้าวหยุนอี่ว์โหรวก็สั่นไปทีหนึ่ง

พูดถึงผู้หญิง สิ่งที่ปรากฏในหัวสมองของเขา ก็คือใบหน้าอันไร้เดียงสากะล่อนของซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยสองใบนี้

เขารู้ เขาคิดจากใจเลยว่า สองพี่น้องก็คือลูกสาวของเขาแล้ว

หยุนอี่ว์โหรวมองเห็นการตอบสนองของกู้โม่หาน ก็แอบกัดฟัน

หรือว่ากู้โม่หานนึกถึงลูกนอกคอกสองคนนั้นของหนานหว่านเยียนแล้ว?!

นางพยายามกดทับความอิจฉา สงบสติอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง บุตรสาวเป็นอะไรหรือ?”

กู้โม่หานดึงสติกลับมา มองเห็นสีหน้าอันอ่อนโยนเย้ายวนของหยุนอี่ว์โหรว ลังเลอยู่สักพักก็พูดว่า “โหรวเอ๋อร์ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าจำเป็นต้องบอกเจ้า”

หยุนอี่ว์โหรวหัวใจกระตุกไปทีหนึ่ง พอจะเดาออกแล้วว่ากู้โม่หานจะพูดอะไร แต่นางยังไม่ได้พยักหน้า ใจก็เกลียดจนกระอักเลือดแล้ว

กู้โม่หานมีความโทษตัวเองอยู่บ้าง “หนานหว่านเยียนมีลูกสาวสองคน ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจว่าเด็กสองคนนั้นเป็นของข้าหรือไม่ หากใช่ ข้าจะแย่งพวกเขามาอย่างสุดความสามารถ”

“โหรวเอ๋อร์ ขอโทษ ล้วนเป็นข้าที่ไม่ดี ทำให้เจ้าคับข้องใจขนาดนี้…….”

เรื่องเจาะเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์เขาต้องเก็บไว้พูดภายหลัง ตอนนี้สองพี่น้องยังรังเกียจเขาอยู่ ปฏิบัติการกะทันหัน จะทำให้พวกยายหนูรู้สึกไม่ดีต่อเขายิ่งขึ้น

แย่งมา!

กู้โม่หานเคยคิดถึงความรู้สึกของนางหรือไม่!

นี่เป็นครั้งแรก ที่หยุนอี่ว์โหรวโกรธกู้โม่หานในใจอย่างหนัก

แต่บนหน้า นางกลับแกล้งเบิกตากว้าง ปิดปากไว้อย่างไม่อยากเชื่อ ตาแดงจนใกล้จะเลือดไหลแล้ว

กู้โม่หานเห็นหยุนอี่ว์โหรวสภาพใกล้จะพังทลาย ในใจสงสาร สวมกอดหยุนอี่ว์โหรวไว้ ปลอบโยนไม่หยุด

“โหรวเอ๋อร์ ข้าขอโทษเจ้า เด็กสองคนนั้น อาจจะเป็นข้ามีกับหนานหว่านเยียนเมื่อห้าปีก่อน ข้า…….”

หยุนอี่ว์โหรวอยากระเบิดความโมโห กระทั่งอย่างชี้หน้าด่ากู้โม่หาน บอกเขาว่าลูกนอกคอกสองคนนั้นไม่เก็บไว้เด็ดขาด!

แต่อย่างไรเสียนางประสบการณ์เยอะ เพียงแค่คับข้องใจครู่เดียว ก็พูดอย่างอ่อนโยน “ไม่ใช่ความผิดของท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ต้องอธิบายมาก สิ่งที่ควรพูด ท่านก็พูดในคือวิวาห์แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิดใครถูก ถ้าหากลูกๆของพระชายา เป็นของท่านอ๋องจริง……”

“โหรวเอ๋อร์ต้องดูแลพวกนางอย่างดี เหมือนกับเป็นของตัวเอง อย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อของท่านอ๋อง เด็กไม่มีอะไรผิด”

หยุนอี่ว์โหรวเจ็บใจจนปวด

นางดูออก กู้โม่หานใส่ใจกับเด็กนอกคอกสองคนนั้นมาก เขาไม่เคยคิดเลยสักนิด หากเด็กไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขาควรจะทำอย่างไร

ช่างชอบลูกนอกคอกของหนานหว่านเยียน ชอบจะตายไป!

โหรวเอ๋อร์จิตใจดีเหลือเกิน ดีจนทำให้คนปวดหัวใจ คือเขาเองที่ทำผิดก่อน ทำให้นางผิดหวัง

กู้โม่หานรู้สึกผิดต่อนางมาก เรี่ยวแรงที่สวมกอดหยุนอี่ว์โหรวหนักขึ้นอีกนิด

“โหรวเอ๋อร์ ข้าต้องชดเชยให้เจ้าอย่างดี”

หยุนอี่ว์โหรวมีใจอยากจะฆ่าคน แต่กลับพูดเสียงเบา

“อืม โหรวเอ๋อร์ฟังท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็อย่าคิดมาก เรื่องนี้เจรจาดีๆกับพระชายา อย่าทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่าน”

กู้โม่หานตบหลังของหยุนอี่ว์โหรวอย่างซาบซึ้ง “ข้าสามารถได้รับการเข้าใจจากโหรวเอ๋อร์ ช่างเป็นโชคลาภยิ่งนัก”

หยุนอี่ว์โหรวยิ้มจางๆ นางออกจากอ้อมกอดของกู้โม่หาน หลบสายตา พูดอย่างเขินอาย “โหรวเอ๋อร์ก็แค่อยากให้ท่านอ๋องดีใจ…….ท่านอ๋อง อย่ารอกลางคืนได้ไหม ตอนนี้ท่านอยู่เป็นเพื่อนโหรวเอ๋อร์ได้ไหม?”

เรื่องการร่วมห้องกัน นางจำเป็นต้องยิ่งเร็วยิ่งดี!

โดยเฉพาะเขายิ่งชอบลูกนอกคอกนั่น นางยิ่งต้องทำเวลา ตั้งครรภ์มีลูกก่อนแย่งชิงความรักใคร่ จะให้หนานหว่านเยียนยโสโอหัง แย่งชิงโอกาสไม่ได้!

กู้โม่หานตอบรับยิ้มแย้ม “ได้ ข้าอยู่กับเจ้า…….”