ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 222 หอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด

จอมศาสตราพลิกดารา

ไม่ว่าฮวาเสี่ยงหรงชื่อนี้จะแทนเกียรติยศอะไรในอดีต ต่อให้เป็นนางคณิกาอันดับหนึ่ง สำหรับตัวฮวาเสี่ยงหรงแล้ว นับตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้รับชื่อในวงการนี้มาก็ล้วนไม่ใช่สิ่งที่นางปรารถนาเอง เป็นเพียงแค่การประณีประนอมของชีวิตอย่างหนึ่งเท่านั้น

สำหรับสตรีมากมายที่มาอยู่ในหน่วยเลี้ยงรับรอง โดยพื้นฐานแล้วการคืนชื่อเดิมของตนเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างหนึ่ง

ชื่อเดิมของฮวาเสี่ยงหรงคือซ่างกวนอวี่ถิง เป็นสตรีในตระกูลซ่างกวน

ซ่างกวนอวี่ถิงสี่ตัวอักษรนี้เป็นตัวแทนสายเลือด ที่พักพิง และชีวิตที่งดงามที่สุดช่วงหนึ่งในอดีต เป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่บิดามารดามอบให้นาง

“แต่ว่าข้ายังไม่ได้ถอนชื่อจากทะเบียน กลับมาใช้ชื่อเดิมเลย นี่จะไม่…” หลังจากตื่นเต้นอย่างมาก ฮวาเสี่ยงหรงยังค่อนข้างสงสัย ดูจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ คิดอยากจะถอนชื่อจากทะเบียนหน่วยเลี้ยงรับรองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

หลี่มู่ตอบกลับไป “ก็แค่พิธีการเท่านั้น ข้าจะพาเจ้าไปจากหน่วยเลี้ยงรับรอง ไม่มีใครขวางได้หรอก อีกทั้งเจ้าอาจจะยังสัมผัสไม่ได้ แต่พลังของเจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งมากแล้ว ตัวเจ้าอยากไปก็ไม่มีใครขวางได้”

สำหรับหลี่มู่ที่มาจากดาวโลก กฎบางอย่างของโลกใบนี้ในสายตาเขาเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น ทะเบียนนางคณิกาที่ว่าก็แค่กฎในความหมายผิวเผิน เป็นการกำหนดระดับขั้นอย่างหนึ่งที่ผู้ทรงอำนาจมีให้ผู้อ่อนแอ แต่เมื่อตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว นิยามพวกนี้ก็ทำลายทิ้งได้แค่เสี้ยวความคิด

หลิวเฉิงหลงหรือองค์ชายสองที่อยู่เบื้องหลังเขาคิดอยากใช้ของพวกนี้มาบีบฮวาเสี่ยงหรง นั่นนับเป็นเรื่องตลกโดยแท้

ระหว่างพูด เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจิ้งฉุนเจี้ยนเดินเข้ามา

“คุณชาย นี่คือป้ายสัญลักษณ์เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ของท่าน” ในมือเขาถือป้ายหยกขาวที่เหมือนกับป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่ง แกะสลักลวดลาย งามล้ำวิจิตร ข้างในมีค่ายกลของจอมเวท สามารถแยกแยะของจริงปลอมได้ ด้านหนึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอัน อีกด้านหนึ่งเป็นหมายเลขสิบแปด

“เพราะเตรียมการฉุกละหุก ถึงแม้จะเป็นป้ายของแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด แต่หมายเลขของป้ายอยู่ค่อนข้างท้ายๆแล้ว” เจิ้งฉุนเจี้ยนพูดอย่างกระสับกระส่ายเล็กน้อย

พูดตามตรง จนถึงตอนนี้ความหวาดกลัวหลี่มู่ในใจของเขากล่าวได้ว่าไปถึงขีดสูงสุดแล้ว ยิ่งเข้าใจหลี่มู่ ยิ่งมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลายวันนี้หลังจากที่ออกมาจากเมืองขาวพิสุทธิ์ ก็ยิ่งรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ร้ายกาจขนาดไหน

หลี่มู่รับป้ายหยกมา สังเกตเล็กน้อยก็มองเห็นค่ายกลจอมเวทในนั้นได้อย่างชัดแจ้ง

สลักค่ายกลสามถึงห้าค่ายกลไว้ จอมเวทของโลกใบนี้อาจจะพูดได้ว่าเยี่ยมยอด แต่กับหลี่มู่ นี่เป็นแค่ค่ายกลเล็กๆ ที่ง่ายยิ่งเท่านั้น นอกจากจะสามารถแยกแยะของจริงปลอมได้ อันที่จริงยังมีประโยชน์ในการจับตำแหน่งที่ซ่อนเร้น คล้ายๆ กับตำแหน่ง GPS จอมเวทของหน่วยเลี้ยงรับรองยืนยันตำแหน่งของผู้ถือครองผ่านป้ายคำสั่งนี้ได้

แต่นี่มันจะเด็กน้อยเกินไปแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงหลี่มู่ ต่อให้เป็นซ่างกวนอวี่ถิงในยามนี้ก็แก้ออกได้สบายๆ โดยไม่มีใครรู้ตัว

“คุณชายจะเข้าร่วมแข่งประมูลคืนนี้?” ไป๋เซวียนตกใจมาก ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินหลี่มู่พูดถึงเลย อีกทั้งหลี่มู่ก็ไม่ใช่คนมากตัณหา ทำไมจึงสนใจทาสสาวที่จะประมูลคืนนี้?

นางมองซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่รู้ตัว อีกฝ่ายสีหน้าเป็นปกติ ไม่ฉายแววทุกข์ร้อนใดๆ

“อืม ดูเรื่องสนุกๆ สักหน่อย” หลี่มู่พูดไปตามปาก

บางเรื่องไม่จำเป็นต้องอธิบายกับไป๋เซวียนชัดเจนขนาดนั้น

“เรื่องที่ให้เจ้าไปสืบ ได้ความชัดเจนแล้วหรือยัง?” หลี่มู่ถาม

เจิ้งฉุนเจี้ยนมองไป๋เซวียนแวบหนึ่ง ลังเลเล็กน้อย

ไป๋เซวียนลุกขึ้นอย่างรู้กาลเทศะ กล่าวว่า “ฮวาเอ๋อร์…อ้อ ไม่ใช่ อวี่ถิงเป็นคณิกาอันดับหนึ่งของหอสดับเซียนแล้ว ความปรารถนาของข้าก็เป็นจริงแล้ว เรื่องถอนทะเบียนข้าจะพยายามหารือกับหัวหน้าหลิวเฉิงหลงเอง ขอตัวก่อนแล้วกัน ข้าวของบางอย่างที่หอสดับเซียนของอวี่ถิงและของรางวัลนางคณิกาอันดับหนึ่งในคืนนี้ ข้าจะจัดเตรียมให้เรียบร้อยด้วยตัวเอง น้องอวี่ถิงมารับไปได้ทุกเมื่อ นับจากวันนี้เจ้าเป็นคนข้างกายคุณชายหลี่แล้ว พี่สาวยินดีกับเจ้าด้วย ในที่สุดก็สมปรารถนาเสียที”

พูดจบ ไป๋เซวียนก็หมุนตัวจากไป

เจิ้งฉุนเจี้ยนมองซ่างกวนอวี่ถิงและซินเอ๋อร์ แต่ด้วยรู้ว่าสตรีทั้งสองคือคนใกล้ชิดที่สุดข้างกายหลี่มู่ ดังนั้นจึงพูด “ที่หอโอบจันทร์ คนลึกลับในห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งได้ป้ายแขกชั้นยอดหมายเลขหนึ่ง อาจารย์หวางคนนั้นได้ป้ายหมายเลขสิบไปด้วยวิธีบางอย่าง ในห้องส่วนตัวชั้นหนึ่งของหอโอบจันทร์มีคนจากที่ราบทุ่งหญ้าหลายคนจริง แต่ว่าคนเข้าร่วมประมูลไม่ใช่คนที่ราบทุ่งหญ้า กลับเป็นนายน้อยของสมาพันธ์การค้าใต้หล้าสาขาจักรวรรดิต้าฉิน ได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขเจ็ดไป..”

หลี่มู่พยักหน้า

คนลึกลับในห้องส่วนตัวนั้นก็คือคนที่หลี่มู่ใช้เนตรสวรรค์มองก่อนหน้านี้ พลังของเขามหาศาลดุจอาทิตย์แรงกล้า เป็นคนที่พลังน่ากลัวที่สุดในคืนนี้ ได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขหนึ่งไป ดูท่าทางไม่ใช่แค่พลังสูง ฐานะและตำแหน่งก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน

ในใจของหลี่มู่ประมาณการไว้คร่าวๆ แล้ว

พวกหวางเฉินเอาป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดมาได้จริงๆ เขาและท่านผู้นั้นเบื้องหลังน่าจะมาเพื่อช่วยลูกและภรรยาของขุนพลถัง การเข้าร่วมงานประมูลน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่น่ากลัวว่าคงไม่ง่ายแบบนั้น

ส่วนคนที่ราบทุ่งหญ้ากลับรวมกลุ่มกับสมาพันธ์การค้าเสียได้ ชวนให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย

ทว่า การปรากฏตัวของพวกเขาก็สมเหตุสมผลแล้ว นักรบหญิงวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเหล่านั้นฐานะไม่ต่ำต้อยเลย มีคนมาช่วยนับเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้หลี่มู่คิดเชื่อมโยงได้หลังจากใช้เนตรสวรรค์กวาดไปทั่วทั้งหน่วยเลี้ยงรับรองและถนนกลิ่นกำจาย แล้วมองเห็นกลิ่นอายพลังประหลาดบางกลุ่ม ดังนั้นจึงให้เจิ้งฉุนเจี้ยนไปสืบมา คิดไม่ถึงว่าจะสืบอะไรมาได้จริงๆ

เจิ้งฉุนเจี้ยนรายงานต่อ “ศัตรูบางส่วนของขุนพลถัง มีไป๋หย่วนบุตรชายของขุนพลกองทัพขนกระเรียนแห่งเมืองฉิน เหลียงอี้เฟยบุตรชายของราชครูคนปัจจุบัน หานเฝ่ยหรานหลานชายเสนาบดีกรมพิธีการ และจินเซวียนผู้สืบทอดสำนักแสงศักดิ์สิทธิ์รวมสี่คน มาถึงเมืองฉางอันและเข้าร่วมการประมูล พุ่งเป้ามาที่ภรรยาและลูกสาวทั้งสองคนของขุนพลถัง ลงแรงกันได้ป้ายแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขสิบห้า คนอื่นๆ ที่ยังสืบไม่พบน่าจะมีอีก แต่ไม่ทันกาลแล้ว คุณชายโปรดอภัย…”

หลี่มู่โบกมือ ตอบว่า “ไม่เป็นไร”

เป็นแค่พวกกากเดนเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม

เขาเก็บป้ายลง ลุกขึ้นมา แล้วพูดกับซ่างกวนอวี่ถิงนายบ่าวคู่นี้ “ไปเถอะ พวกเราไปดูละครกัน ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะต้องขึ้นเวทีก็ได้”

ด้านนอกมีคนที่เจิ้งฉุนเจี้ยนจัดเตรียมเอาไว้ ส่งหน้ากากและเสื้อคลุมมีหมวกที่เตรียมเอาไว้ก่อนแล้วเข้ามา พวกหลี่มู่ทั้งสามคนรวมถึงเจิ้งฉุนเจี้ยนใส่หน้ากาก สวมเสื้อคลุม ปิดบังฐานะหน้าตาของตน

หลี่มู่ใส่หน้ากากหน้าผีสีเงิน มองดูแล้วแปลกพิลึกยิ่ง ในรอยยิ้มบนใบหน้าน่าขบขันของภูตผีคล้ายแฝงแววเสียดสีเย้ยหยันเอาไว้ ทำให้คนติดตาอย่างยากจะบรรยาย วิธีทำละเอียดวิจิตรยิ่งนัก

หน้ากากที่ซ่างกวนอวี่ถิงสวมใส่คือหน้ากากปีกหงส์ข้างเดียวฉลุลาย แนบไปกับกรอบหน้า ปกปิดตั้งแต่เหนือริมฝีปากขึ้นไป เผยให้เห็นดวงตา มีรูหายใจ เมื่อใส่แล้วมีกลิ่นอายลึกลับบางอย่าง ยิ่งช่วยขับเน้นบุคลิกดุจหยกและผิวพรรณขาวเนียนของซ่างกวนอวี่ถิง

ส่วนหน้ากากที่สาวใช้ซินเอ๋อร์สวมเป็นหน้ากากแมวลาย ค่อนข้างน่ารัก

เจิ้งฉุนเจี้ยนนั้นสวมหน้ากากผีใบหน้าดุดันสีดำ

ทั้งสี่แต่งกายเป็นเอกลักษณ์มาก พวกเขาไปจากหอเซียนโบยบิน แยกจากฝูงชน มุ่งหน้าไปยังหอแขกผู้มีเกียรติที่สร้างเรียบร้อยแล้วรอบเวทีหลัก

เทียบกับบรรยากาศโหวกเหวกโวยวายเบียดเสียดบนถนน เขตหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดเห็นได้ชัดว่าสงบเงียบ เป็นระเบียบ

รอบเขตพื้นที่ ทหารนักรบที่สวมชุดเกราะอาวุธครบครันตั้งแถวเป็นกำแพงมนุษย์ ขวางกั้นระหว่างเขตแขกผู้มีเกียรติทั้งหมดและกลุ่มฝูงชน ทั้งยังเหลือเป็นที่ว่างเอาไว้

เจิ้งฉุนเจี้ยนที่ใส่หน้ากากผีถมึงทึงก้าวเข้าไปบอกลำดับหมายเลขแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด

ขั้นตอนทั้งหมดรู้จักป้ายไม่รู้จักคน หลังจากตรวจป้ายอย่างละเอียด มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ถึงแม้พวกหลี่มู่จะแต่งตัวประหลาด แต่ก็ยังถูกปล่อยผ่านและมีคนนำเข้าไปโดยเฉพาะ

หลี่มู่ประเมินไปรอบๆ

ด้วยวิสัยทัศน์และพลังฝึกของเขาในวันนี้  สิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่ระดับนี้ในสายตาคนอื่นไม่อาจสร้างคลื่นอารมณ์อะไรให้เขาได้อีกแล้ว

ตลอดทางล้วนมีองครักษ์และสาวใช้คอยนำทาง

สิทธิพิเศษของแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหรูหราสะดวกสบายและเอาใจใส่ไปเสียทุกที่

คนที่เข้ามาในหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดส่วนมากล้วนปกปิดใบหน้าที่แท้จริง ดังนั้นถึงแม้พวกหลี่มู่จะใส่หน้ากาก คลุมหน้าตา แต่สายตาที่คนอื่นมองมาดูไปแล้วก็ไม่ได้แปลกอะไรเป็นพิเศษ

ได้รู้จากคำของสาวใช้ว่าลำดับของป้ายตรงกับหมายเลขของหอ

ดังนั้นยามหลี่มู่เดินผ่านก็จำตำแหน่งของหอที่หนึ่ง เจ็ด สิบ และสิบห้าทั้งสี่หอนี้เอาไว้ ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็ประสานปางมือหลายทีอย่างเงียบงันใต้แขนเสื้อกว้าง ซัดอาวุธเต๋าสอดแนมดุจดัชนีหยกหลายอันที่เตรียมเอาไว้ไปยังจุดมิดชิดของสามสี่หอนี้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

พวกหลี่มู่ก็มาถึงหอหมายเลขสิบแปดที่เป็นของพวกเขา

ลำดับก่อนหลังของหอก็แบ่งความสูงศักดิ์เช่นกัน หมายเลขสิบแปดของพวกหลี่มู่คือหอสุดท้ายในเขตหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอด ต้องขอบคุณกำลังของเจิ้งฉุนเจี้ยนถึงได้รับมันมาในช่วงเวลาสุดท้าย ตำแหน่งเลยไกลออกมาเล็กน้อย…แน่นอน เทียบกับตำแหน่งบนถนนและที่นั่งแขกผู้มีเกียรติก่อนนี้ก็ดีกว่าไม่รู้กี่เท่า

“ท่านลูกค้า เชิญ”

สาวใช้มาส่งถึงหน้าประตูแล้วก็ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าไป รอฟังคำสั่งทุกเมื่อ

ข้างในหอ ด้านตะวันตกมีหน้าต่างกระจกบานหนึ่ง เป็นผลผลิตจากการเล่นแร่แปรธาตุของจอมเวท มองจากข้างนอกเข้ามาจะมีสีสันต่างๆ ทั้งยังทึบ จากข้างในมองไปข้างนอกกลับเหมือนกระจก ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง สามารถก้มลงเห็นทั้งเวทีประลองได้อย่างสมบูรณ์ ในหอยังมีเครื่องดื่มอาหารชั้นเลิศต่างๆ ที่นั่งสะดวกสบาย มีแม้กระทั่งเตียง มองจากสายตาของหลี่มู่พูดได้ว่าหรูหราอลังการมาก

นอกจากนั้น สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือในหอมีของวิเศษทำจากหยกขาวชิ้นหนึ่ง เหมือนกับปลั๊กไฟอย่างไรอย่างนั้น เสียบป้ายประมูลเข้าไปได้พอดี นับว่าประกอบเป็นชิ้นเดียวกัน สามารถเข้าร่วมประมูลและเสนอราคาได้ผ่านของวิเศษชิ้นนี้

สาวใช้ซินเอ๋อร์สวมหน้ากากแมวลาย กระโดดไปมาในห้องด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้

หลี่มู่และซ่างกวนอวี่ถิงนั่งข้างหน้าต่าง

เจิ้งฉุนเจี้ยนยืนอยู่ข้างๆ

ไม่นานนัก การประมูลก็เริ่มขึ้น

บนเวทีหลัก ผู้ดูแลหน่วยเลี้ยงรับรองที่มากประสบการณ์คนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการประมูลในคืนนี้ ดูแล้วประมาณหกเจ็ดสิบปี หน้าตาอิ่มเอิบ เสียงก้องกังวาน ข้างกายมีผู้ช่วยยืนอยู่สองคน หลังจากเกริ่นนำง่ายๆ ครู่เดียวก็เข้าสู่การประมูลอย่างเป็นทางการ

เด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกคนหนึ่ง สวมชุดผ้าโปร่งบาง เห็นเรือนร่างวับแวม มีผ้าคลุมหน้า มือทั้งสองมีโซ่สีเงินตรึงเอาไว้ ถูกสาวใช้สองคนลากขึ้นมาเหมือนลากวัว

ของประมูลชิ้นแรกถูกส่งขึ้นมาแล้ว

……………………………