บทที่ 298 ข้า แซ่ฉี ไร้พ่ายใต้เสิ่น

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 298 ข้า แซ่ฉี ไร้พ่ายใต้เสิ่น!

เมื่อได้ฟังคำพูดคับแค้นใจของปี้เสวียนชิง เสิ่นเทียนถึงกับมุมปากกระตุก

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเขาทำลายไฟศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทพอสรพิษดำพวกเจ้า เจ้าก็ไปคิดบัญชีกับเขาสิ!

ตอนที่เจ้านั่นมาทะเลเหนือ ข้ายังไม่เกิดเลย มาโยนความผิดให้ข้าเช่นนี้มันจะเกินไปแล้วกระมัง!

แต่ก็เห็นได้ชัดมากว่าปีศาจของทะเลเหนือพวกนั้นเหมือนจะไม่ชอบคุยเหตุผลกันเอามาก

โดยเฉพาะ ปีศาจอัปลักษณ์ที่ยังกลายร่างไม่สมบูรณ์พวกนั้น

บุญคุณความแค้นของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกับเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต ใครเป็นใครสำคัญมากนักหรือ

ไม่สำคัญเลยสักนิด ก็แค่หาข้ออ้างลงมือกับเผ่ามนุษย์รูปหล่อนี่เท่านั้น อัดมันให้หน้าเละต่างหากคือเป้าหมาย!

ถึงอย่างไรระหว่าง ‘เพราะเจ้าหน้าตาดี ข้าจึงอยากทุบตีเจ้า’ กับ ‘เพราะอาจารย์ลุงของเจ้าชั่วร้าย ข้าถึงอยากทุบตีเจ้า’ สองเหตุผลนี้…

เห็นได้ชัดว่าอย่างหลังให้ความรู้สึกชักจูงและถูกต้องมากกว่า!

ตอนนี้สายตาไม่เป็นมิตรมากมายมองมาทางเสิ่นเทียน

เหมือนว่าตอนนั้นฉู่หรงเหอทำร้ายเผ่าพวกเขาจริงๆ จึงต้องแก้แค้นกับเสิ่นเทียน

คุณชายไป๋เผ่าเทพหมึกยักษ์พูดด้วยรอยยิ้ม “เหอะๆ อสูรสูงศักดิ์อสรพิษดำ ทำเป็นพูดอย่างสง่าผ่าเผย ตอนนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์เหอถูมีบุญคุณความแค้นกับเผ่าอสรพิษดำพวกเจ้า ถึงจะถูกปิดข่าว แต่โลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่สายลมไม่รอดผ่าน

เจ้าจะใช้เหตุผลนี้หาเรื่องบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็อาจจะน่าขำเกินไปหน่อย หรือคิดจริงๆ ว่าในทะเลเหนือจะไม่มีใครรู้เรื่องสกปรกโสมมของพวกเจ้า”

เมื่อสิ้นคำพูดคุณชายไป๋ ปี้เสวียนชิงพลันมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง

เขาแลบลิ้นงูออกมา จ้องคุณชายไป๋ด้วยแววตามืดหม่น “ไอ้ปลาแปดหนวด เจ้าช่างโอหังรึเกิน! กับอีแค่ระดับกายทอง ยังไม่เชื่อมทวารเทวะ ใครให้ความกล้ากับเจ้ากัน ถึงกล้าใส่ร้ายชื่อเสียงบริสุทธิ์ของเผ่าเทพอสรพิษดำข้า”

เมื่อเอ่ยจบ ก็เกิดปรากฏการณ์สีมรกตมหึมาลอยขึ้นข้างหลังปี้เสวียนชิง รวมขึ้นเป็นงูเหลือมยักษ์ร้อยจั้งหมุนใส่คุณชายไป๋

ในเมืองแห่งสุขาวดี ตามทฤษฎีแล้วห้ามต่อสู้กัน

แต่ก็มีข้อยกเว้นหลายข้อ ข้อแรกคือสองฝ่ายยินดีต่อสู้กันอย่างยุติธรรม

ข้อสองคืออย่างปี้เสวียนชิง ไม่ลงมือ แค่ใช้ปรากฏการณ์กดดันคู่ต่อสู้

สถานการณ์เช่นนี้จะไม่ทำอันตรายกับคู่ต่อสู้มากเกินไป อย่างมากสุดก็แค่เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าปี้เสวียนชิงเปลี่ยนจากความอับอายเป็นโมโห ตอนนี้จึงอยากจะใช้พลังระดับนิพพานของตนกดดันคุณชายไป๋

วิถีแห่งการฝึกบำเพ็ญจะประทับรอยเท้าไปทีละก้าว หรือบางทีโอรสสวรรค์ก็ต่อสู้ข้ามขั้นได้

แต่ปี้เสวียนชิงเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์ของเผ่าเทพอสรพิษดำอยู่แล้ว มีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าคุณชายไป๋

ขณะเดียวกัน ปี้เสวียนชิงยังมีระดับพลังสูงกว่าคุณชายไป๋หนึ่งขั้นใหญ่ แค่คิดก็รู้ถึงความต่างแล้ว

ยามนี้เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่จู่โจมเข้ามาจากรอบทิศแล้ว คุณชายไป๋รู้สึกหนักไปทั้งตัว

เขายกหนวดแปดเส้นขึ้นอย่างยากลำบาก คิดจะต่อต้าน

ทว่าภายใต้แรงกดดันจากปรากฏการณ์ทะเลมรกตมหาศาล ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านมาก

“เจ้าชายเผ่าหมึกยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับออกหน้าแทนเผ่ามนุษย์ ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนบิดาเจ้าเอง!”

ปี้เสวียนชิงหัวเราะเยาะ อำนาจคุกคามจากปรากฏการณ์ข้างหลังเพิ่มขึ้น กดดันจนคุณชายไป๋กระเด็นลอยไปทั้งตัว

ชั่วขณะที่ร่างคุณชายไป๋จะชนกับกำแพงและเสียหน้ายับเยินแล้วนั้น ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งโผล่มาข้างหลังเขา ค่อยๆ ยันหลังเขาไว้

แรงมหาศาลถูกสลายออกไปราวกับว่าไม่มีอยู่จริง ปี้เสวียนชิงเห็นดังนั้นยังหรี่ดวงตาอสรพิษแคบลง

การโจมตีปรากฏการณ์เมื่อครู่นี้ ถึงเขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ไม่ทำให้คุณชายไป๋บาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรับกันได้สบายๆ

ทว่าตอนที่เจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนนี้รับคุณชายไป๋กลับไม่มีคลื่นพลังฤทธิ์กระจายออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าควบคุมพละกำลังได้ถึงระดับสูงสุด

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คนนี้ไม่ธรรมดา!

…….

“นี่คือการปฏิบัติตัวกับคนอื่นของเผ่าอสรพิษดำพวกเจ้ารึ อาจารย์ลุงบัวมรกตเคยขัดแย้งกับพวกเจ้า แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ถึงจะพาลใส่ข้า แต่เกี่ยวอะไรกับสหายไป๋”

เสิ่นเทียนมองปี้เสวียนชิงอย่างเฉยชา เวลานี้เขามีภาพจำกับไอ้หนอนยาวตัวนี้แย่มาก

อาศัยการฝึกบำเพ็ญหลายร้อยปีมาอวดศักดากับศิษย์รุ่นเยาว์เผ่าอื่นเช่นนี้ ไร้รสนิยมจริงๆ

ปี้เสวียนชิงมองเสิ่นเทียนด้วยแววตามืดหม่นพลางแลบลิ้นงูออกมา “ไม่ยอมรึ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ลงสนามมาเอง สู้กับข้าหรือไม่”

หน้าไม่อาย!

เอ๋าอูทำเสียงขึ้นจมูก “ไอ้หนอนยาว เป็นอสูรสูงศักดิ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับท้าประลองกับคนระดับต่ำกว่าผู้สูงศักดิ์ หนังงูของพวกเจ้าเผ่าเทพอสรพิษดำทะเลมรกตหนาจริงๆ”

ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ มือกำง้าวมังกรสวรรค์ไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ “ไอ้หนอนยาว เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ท้าประลองกับสหายเสิ่น

จะท้าประลองกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เอาชนะแซ่ฉีให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่เช่นนั้นก็ไสหัวกลับไปนอนขดตัวในถิ่นบรรพบุรุษพวกเจ้านู่น!”

เมื่อเอ่ยจบ ไอม่วงแผ่กระจายมาทั้งตัวฉีเซ่าเสวียน องอาจห้าวหาญประหนึ่งราชาเทพหนุ่ม

ในมุมมองของฉีเซ่าเสวียน บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนคือศัตรูเก่าที่เขาเคารพ และยังเป็นเป้าหมายที่ตอนนี้เขาไล่ตามอยู่

พวกลิ่วล้อของเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตไร้ซึ่งความเด็ดเดี่ยวเกินไป ไม่มีสิทธิ์ท้าประลองกับสหายเสิ่นเลย การสู้กับมันคือการหยามเกียรติสหายเสิ่น!

พวกลิ่วล้อเช่นนี้ ให้แซ่ฉีจัดการแทนสหายเสิ่นเถอะ!

พันธมิตรของเกาะมังกรดำรึ

ปี้เสวียนชิงมองฉีเซ่าเสวียนด้วยแววตามืดหม่น เขารู้สึกถึงอำนาจคุกคามบางๆ แผ่มาจากตัวฉีเซ่าเสวียน

นั่นคืออำนาจคุกคามที่มีเผ่ามังกรมีต่อเผ่าอสรพิษ พลังแห่งต้นกำเนิดมังกรทำให้ปี้เสวียนชิงรู้สึกไม่สบายเอามาก

แต่ก็แค่ไม่สบายตัวเท่านั้น

หากเป็นระดับพลังเดียวกัน ฉีเซ่าเสวียนยังอาศัยพลังแห่งต้นกำเนิดมังกรกดดันปี้เสวียนชิงได้ผลดีไม่น้อยเลย

แต่ปี้เสวียนชิงเป็นอสูรสูงศักดิ์ระดับนิพพาน ผลจากการกดดันทางสายเลือดจึงถูกตัดทอนกำลังลงมาถึงระดับที่ต่ำมาก กระทั่งมองข้ามไปได้

“พวกไม่รู้จักเป็นตาย ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า!”

กลุ่มคนกระจายกันออก ร่างของปี้เสวียนชิงกับฉีเซ่าเสวียนบินไปนอกเมืองสุขาวดี

พื้นที่กว้างเหมาะจะต่อสู้กันมากกว่า ปี้เสวียนชิงทำเสียงขึ้นจมูก พลันปรากฏดาบอ่อนสีครามเล่มหนึ่งในมือ

“โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด!”

ปี้เสวียนชิงทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง แทงกระบี่อ่อนสีครามในมือออกไปอย่างฉับพลัน

คมกระบี่ผ่านไปที่ใด อากาศจะเกิดรอยแยกขึ้นมา เล็กละเอียดราวกับเส้นผม

พริบตาเดียวก็รวมเป็นปราณกระบี่สีครามมากกว่าหมื่นสายในฟ้าดิน พุ่งเข้าใส่ฉีเซ่าเสวียนจากทุกทิศทางประหนึ่งอสรพิษ

และสิ่งที่จัดการยากกว่านั้นคือปราณกระบี่ส่วนใหญ่ซ่อนในรอยแยกมิติ ราวกับอสรพิษซ่อนในเงามืด

ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันจะมุดออกมาจู่โจมปานสายฟ้าจากข้างหลังฉีเซ่าเสวียนเมื่อไร

ต้องบอกว่าโอรสสวรรค์ของเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตอย่างปี้เสวียนชิง มีศักยภาพไม่อ่อนแอเลยจริงๆ

เมื่อหลายร้อยปีก่อน ปี้เสวียนชิงก็เป็นโอรสสวรรค์ที่มีชื่อเสียงในทะเลเหนือแล้ว อยู่อันดับสิบในรายนามอสูรจริงแท้ของทะเลเหนือ

‘อสูรจริงแท้’ ที่ว่า ก็สอดคล้องกับ ‘ผู้จริงแท้’ ของเผ่ามนุษย์ หรือก็คือระดับแก่นพลังทอง

คุณภาพของรายนามอสูรจริงแท้แห่งทะเลเหนือก็เท่ากับรายนามแก่นพลังทองของดินแดนบูรพา

หลังผ่านการฝึกบำเพ็ญอย่างหนักมาหลายร้อยปี ปี้เสวียนชิงก็พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้น เปิดทวารเทวะทะลวงระดับนิพพานได้

กำลังรบของเขาตอนนี้ต่างกับเมื่อหลายร้อยปีก่อนราวกับเมฆและดินเลน

ในสายตาปี้เสวียนชิง แม้เผ่ามนุษย์พวกนี้จะมีพรสวรรค์แกร่งกว่านี้แล้วอย่างไร ระดับพลังยังอ่อนแอเกินไป!

ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทมังกรลำดับหกที่อยู่อันดับหนึ่งใน ‘รายนามอสูรจริงแท้’ ตอนนั้น หากอยู่ระดับกายทองและสู้กับปี้เสวียนชิงในตอนนี้ ก็มีแพ้มากกว่าชนะ

บุรุษเผ่ามนุษย์สองคนนี้จะแกร่งกว่าองค์รัชทายาทมังกรลำดับหกได้รึ

“วิชากระบี่เจ้าเล่ห์มาก ปี้เสวียนชิงรับมือยากกว่าตอนเจอกันครั้งก่อนอีก”

เมื่อเห็นปี้เสวียนชิงสำแดงวิชากระบี่ คุณชายฉลามโลหิตมีแววตาจริงจังขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง “เขาไม่ได้ออมมือ”

เผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตมีชื่อเสียงเรื่อง ‘ห้ามล่วงเกิน’ ในทะเลเหนือ ชำนาญวิชาลอบสังหารโดยเฉพาะ เป็นนักฆ่าที่ประหลาดที่สุด

เล่าลือว่ายุคที่เผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตรุ่งเรืองที่สุดยังเคยปรากฏระดับจุดสูงสุดเตรียมจักรพรรดิที่ฝึกวิชาลอบสังหารถึงจุดสูงสุด กระทั่งยังเคยลอบสังหารมหาจักรพรรดิมาแล้ว!

และวิชากระบี่ ‘โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด’ ก็เป็นหนึ่งในหลายวิชาหัวใจสำคัญที่แกร่งที่สุดของเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต

ได้ยินมาว่าเมื่อฝึกถึงจุดสูงสุด จะสุดยอดวิชาสะท้านโลก ทำให้ผู้อริยะแท้จริงหนาวสั่นได้

ถึงวิชากระบี่ ‘โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด’ ของปี้เสวียนชิงจะยังฝึกไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ก็กวาดล้างคนรุ่นเยาว์ได้สบายแล้ว

กระทั่งฉีเซ่าเสวียน ตอนนี้ยังรู้สึกกดดันอย่างมาก

“เนตรสวรรค์เคหาสน์ม่วง เปิด!”

ไอม่วงข้างหลังยืดยาวไปสามพันจั้ง ตรงระหว่างคิ้วฉีเซ่าเสวียนพลันรวมขึ้นเป็นดวงตาตั้งตรงดวงหนึ่ง

ทันใดนั้น แสงม่วงสวยงามก็พุ่งออกมาจากดวงตาตั้งตรง ส่องสะท้อนมวลอากาศผืนนั้นให้มีไอม่วงวนเวียน

อีกทั้งในไอม่วงและแสงม่วงไม่มีที่สิ้นสุดนั้น รอยแยกมิติที่เดิมทีแทบจะไม่อาจสังเกตเห็นกับปราณกระบี่ลักษณะงูที่แทบจะมองไม่เห็นนั้น ได้เผยออกมาทั้งหมด

“ไอ้พวกซ่อนหัวโผล่หาง ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้แซ่ฉี!”

ฉีเซ่าเสวียนหัวเราะเยาะ ง้าวมังกรสวรรค์ในมือเปล่งแสงม่วงหมื่นสาย กลายเป็นเงามังกรเหลือคนานับ

กรรซ~

เสียงคำรามมังกรดังสนั่นหู กึกก้องไปมากกว่าครึ่งเมืองสุขาวดี

เวลานี้เผ่าปีศาจทะเลมากมายหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย กระทั่งที่ระดับพลังอ่อนแอถึงกับลงไปนอนกับพื้น ตัวสั่นงันงก

ฝูงมังกรไร้หัว!

เมื่อเผชิญหน้ากับโอรสสวรรค์ที่ระดับพลังสูงกว่าตนหนึ่งขั้นใหญ่แล้ว ฉีเซ่าเสวียนไม่ได้คิดจะประมาทเลย

เหตุผลหลักๆ ก็เพราะว่าได้รับการสั่งสอนจากหอคอยเทพสงครามมามากพอแล้ว

หากขลาดกลัวไม่กล้าทำนู่นทำนี่ในการต่อสู้ ไปๆ มาๆ ก็อาจจะเป็นคนโง่ไปจริงๆ ก็ได้ ต้องอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวปิดฉากอีกฝ่ายในทีเดียว!

นี่ต่างหากคือวิธีที่ดีที่สุดที่คนอ่อนแอกว่าจะเอาชนะคนที่แกร่งกว่า!

ความจริง ‘การใช้กำลังไม่ใช้สมองเอาชนะ’ ของฉีเซ่าเสวียนก็ทำให้ปี้เสวียนชิงตกใจสะดุ้งจริงๆ

โอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์บุ่มบ่ามเช่นนี้เลยรึ

ตามหลักแล้วเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่สูสีกับตน ไม่ควรจะหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่ายก่อนรึ

มีอย่างที่ไหนมาถึงใช้วิชาใหญ่ ไม่กลัวออกวิชาพลาด ฟื้นฟูพลังฤทธิ์ไม่ทันรึ

เมื่อสัมผัสได้ถึงอำนาจมังกรมหาศาลจากเงามังกรมากมายนั้นแล้ว ปีเสวียนชิงก็มีสีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาเรื่อยๆ

เขารู้สึกว่าพลังที่แฝงในเงามังกรพวกนั้น ไม่ได้มีแค่อำนาจคุกคามจากสายเลือดมังกร พลังโจมตีของตัวมันเองก็มากพอจะทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสด้วย

หากโดนฟันเข้าจริงๆ ต่อให้เขาจะมีระดับพลังสูงกว่าฉีเซ่าเสวียนหนึ่งขั้น ก็รับมือได้ยากมาก

“คิดจะจู่โจมโดนข้า เจ้ายังเร็วไปสองร้อยปี!”

ปี้เสวียนชิงหัวเราะเยาะ ก่อนจะหายวับไปราวกับปลาไหล

นี่คือหนึ่งในวิชาลับของเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกต สามารถรวมกายเนื้อเข้ากับน้ำทะเล ทำการซ่อนตัวได้

ถึงจะเทียบกับการหนีเข้ามิติไม่ได้ แต่ก็มากพอจะทำให้คู่ต่อสู้ส่วนใหญ่หาร่องรอยของตนไม่พบและตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

เงามังกรในอากาศส่งเสียงคำรามไม่หยุด ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์ดั่งราชาเทพ ชำเลืองตามองสี่ทิศทำให้สัตว์อสูรเผ่าทะเลมากมายอกสั่นขวัญหาย

ทว่าพวกสี่คุณชายรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะฉีเซ่าเสวียนเสียพลังมากเกินไปแล้ว

ฝูงมังกรไร้หัวดูเหมือนทรงอานุภาพ แต่จู่โจมไม่โดนปี้เสวียนชิงจริงๆ

ยามนี้ปี้เสวียนชิงซ่อนตัวในน้ำทะเล อีกทั้งยังเสียพลังฤทธิ์ในเวลาเดียวกันน้อยกว่าฉีเซ่าเสวียน

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉีเซ่าเสวียนอันตรายแน่!

…….

ขณะเดียวกัน เสิ่นเทียนกลับเหม่อมองปี้เสวียนชิง ประกายกระบี่ในดวงตาสว่างวาบ

เมื่อครู่นี้ตอนที่เห็นปี้เสวียนชิงใช้วิชากระบี่ เขารู้สึกถึงคลื่นเจตจำนงกระบี่เซียนเหินฟ้านั้นในกายตน

เหมือนว่ากำลังอนุมานวิชากระบี่ ‘โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด’ อยู่!

ตอนแรกเสิ่นเทียนยังคิดว่าแหวนทองสัมฤทธิ์วงนั้นจะบันทึกไว้เพียงเคล็ดกระบี่ที่มีอำนาจน่าตื่นตกใจและจู่โจมแข็งแกร่งยิ่งไว้วิชาเดียว

แต่ตอนนี้เขาพบว่าตอนดูถูกวิชากระบี่นี้ไปแล้ว

เจตจำนงกระบี่ของเคล็ดกระบี่เซียนเหินฟ้าสามารถดูดซับความลึกลับของวิชากระบี่อื่นได้ กระทั่งลอกแบบเคล็ดกระบี่อื่นได้

ตอนนี้เห็นปี้เสวียนชิงสำแดงเคล็ดกระบี่โลหิตมรกตพราวแสงครามชาดสู้กับฉีเซ่าเสวียน กระทั่งในใจเสิ่นเทียนยังเกิดความคิดหนึ่ง

ข้าก็ใช้ได้เหมือนกัน!

เมื่อการอนุมานดำเนินไป ถึงขนาดที่เสิ่นเทียนยังเห็นช่องโหว่เล็กน้อยของวิชากระบี่ที่ปี้เสวียนชิงใช้

หากตอนนี้เสิ่นเทียนออกมือ เขามั่นใจว่าจะทำลายเคล็ดกระบี่ของปี้เสวียนชิงได้ในร้อยกระบวนท่า และยิ่งการอนุมานดำเนินต่อไป ขั้นตอนนี้ก็ยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ

‘เคล็ดกระบี่นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่’

เสิ่นเทียนลอกเคล็ดกระบี่ของปี้เสวียนชิงฟรีๆ ไปพลาง ครุ่นคิดอยู่ในใจไปพลาง

แหวนทองสัมฤทธิ์ที่แม้แต่เยี่ยฉิงชางยังรู้ที่มาที่ไปไม่แน่ชัดช่างลึกลับมากจริงๆ

……

เสิ่นเทียนกำลังชมการต่อสู้ แต่ตอนนี้ในสนามประลอง การต่อสู้ของปี้เสวียนชิงกับฉีเซ่าเสวียนกำลังเร่าร้อนแล้ว

เสียงเย้ยเยาะของปี้เสวียนชิงดังกึกก้องในมวลอากาศ “เจ้ามนุษย์ นี่คือกลอุบายของเจ้ารึ เจ้าถือว่าเป็นผู้โดดเด่นในระดับแก่นพลังทองแล้ว น่าเสียดายก็แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า ยังอ่อนแอเกินไป!”

เพิ่งพูดจบ พลันมีแสงกระบี่ที่หดตัวถึงขีดสุดแผ่ออกมาจากในมวลอากาศ

แสงกระบี่นี้ไม่ส่องแสงสว่างจ้า กระทั่งดูมืดทึมเป็นพิเศษ

ทว่าทันทีที่แสงกระบี่ปรากฏ ฉีเซ่าเสวียนกลับรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนปกคลุมทั่วร่าง

เห็นได้ชัดว่านี่คือ กระบวนท่าสังหารของ ‘โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด’ เป็นกระบวนท่าที่ปี้เสวียนชิงสั่งสมพลังไว้

“ผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่ามนุษย์ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ จงแพ้ไป!”

แสงกระบี่สีครามมืดทึมตัดผ่านอากาศ แทงลึกตรงไหล่ซ้ายของฉีเซ่าเสวียน

นี่ยังดีที่ฉีเซ่าเสวียนหลบทัน ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่คงไม่ใช่แค่แทงไหล่เขา แต่เป็นหัวใจ

ถึงหัวใจจะเป็นจุดสำคัญของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทอง หากถูกแทงหัวใจ ฉีเซ่าเสวียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอยู่จึงยังไม่ถึงกับสิ้นชีพ

แต่ศึกนี้ก็ต้องปิดฉากลงเช่นกัน

“เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าหลบได้อย่างไร”

ปี้เสวียนชิงหรี่ตาลง การโจมตีเมื่อครู่ของเขารวดเร็วสุดขีดแล้ว

ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ระดับอสูรสูงศักดิ์ คนที่หลบกระบวนท่านั้นได้แทบจะนับนิ้วได้เลย

ฉีเซ่าเสวียนอยู่เพียงแก่นพลังทอง จะไปหลบพ้นได้อย่างไร

“เหอะๆ ถึงเจ้าจะรวดเร็ว แต่เทียบกับแซ่ฉีแล้วยังห่างกันไกล!”

ฉีเซ่าเสวียนจับแขนขวาของปี้เสวียนชิงไว้ ดวงตาสีม่วงตรงระหว่างคิ้วเปล่งแสงสว่างจ้า “แซ่ฉีฝึกฝนอย่างหนักในหอคอยเทพสงครามมาหลายวัน จะไม่ได้อะไรมาเลยได้อย่างไร การอำพรางของเจ้า เป็นเพียงเรื่องตลกในสายตาแซ่ฉีเท่านั้น ทันทีที่กระบี่ของเจ้าแทงบ่าข้า ศึกนี้ก็จบลงแล้ว!”

ฉีเซ่าเสวียนเพิ่งพูดจบ แสงม่วงตรงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้น “แสงวิบัติเนตรม่วง!”

ทันใดนั้นในฟ้าดินเหลือเพียงแสงสว่างสีม่วงพร่างพราว

มันลากผ่านมวลอากาศมาทะลวงดีงูขณะที่ปี้เสวียนชิงกำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไร้ประโยชน์

ฉีเซ่าเสวียนถือง้าวมังกรสวรรค์กลับด้านพลางมองปี้เสวียนชิงที่คว่ำหน้าลงอย่างปวกเปียกก่อนจะร่วงลงมาจากอากาศ โลหิตสีมรกตสาดกระจาย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แม้ใบหน้าจะซีดขาวนิดๆ อาการบาดเจ็บไม่เบา แต่แววตาเขากลับมีความมั่นใจสว่างจ้าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!

ใช้ระดับแก่นพลังทองเอาชนะอสูรสูงศักดิ์ระดับนิพพานได้!

นี่สิคือวิถีไร้พ่ายที่แท้จริง!

เขา ไร้พ่ายใต้เสิ่น!

…………………………………….