บทที่ 299 คำเชิญจากองค์หญิงเงือก (1)
นอกเมืองสุขาวดี
ไอม่วงอบอวล ฉีเซ่าเสวียนยืนอย่างโอหัง
ตรงข้ามเขาคือปี้เสวียนชิงที่บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เลือดนอง
คนรับใช้ข้างกายปี้เสวียนชิงรีบนำโอสถเยียวยาออกมา กรอกใส่ปากเขาราวกับไม่ต้องใช้เงินแล้ว
สำหรับเผ่าอสรพิษ ดีงูคือจุดยุทธศาสตร์ ปี้เสวียนชิงถูกแทงดีงู จึงตัดสินแพ้ชนะกันได้ชัดเจนแล้ว
อสูรสูงศักดิ์อัจฉริยะระดับนิพพานผู้ยิ่งใหญ่ กลับพ่ายแพ้ให้กับเผ่ามนุษย์ระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ ต้องบอกว่าปี้เสวียนชิงขายหน้าป่นปี้หมดแล้ว
ทางด้านฉีเซ่าเสวียนที่ประมือกับเขากลับโดดเด่นอย่างถึงที่สุด
แม้เผ่าอสูรทะเลจะรักเกียรติศักดิ์ศรีมาก แต่หากศักยภาพโดดเด่นมากจริงๆ ปกติจะได้รับความเคารพเช่นกัน
มิหนำซ้ำฉีเซ่าเสวียนยังมีใบหน้าหล่อเหลาองอาจมากจริงๆ หากไม่เทียบกับเสิ่นเทียน ก็ถือว่าเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากในทะเลเหนือเลย
เวลานี้ สตรีเผ่าทะเลที่ล้อมมุงดูอยู่มากมายต่างหน้าแดงเรื่อ หัวใจสั่นไหว
ฉีเซ่าเสวียนใช้ศักยภาพของเขาพิสูจน์ว่าตนคือโอรสสวรรค์สูงสุดของห้าดินแดน ไร้พ่ายใต้เสิ่น!
อืม นามนี้เหมือนจะแปลกๆ น่าจะไร้พ่ายใต้ฟ้าสิ!
เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนมีอีกความหมาย
อ้อ จิตมารที่สลัดไม่หลุดนี่เอง!
…..
ฉีเซ่าเสวียนโคจรพลังไล่ปราณกระบี่ ‘โลหิตมรกตพราวแสงครามชาด’ ออกมาไปพลาง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปพลาง
เขารู้สึกว่าตอนนี้สภาพจิตใจตนแปลกไปนิด ไร้อนาคตหน่อยๆ เหตุใดถึงกำเนิดเป้าหมายไว้ที่ ‘ไร้พ่ายใต้เสิ่น’ กัน!
แม้แซ่ฉีจะสู้สหายเสิ่นไม่ได้ชั่วคราว แต่ปลาที่จะกลายเป็นนกก็ควรจะมีปณิธานพุ่งทะลวงฟ้า มีเพียงนกกระจอกที่บินไม่ขึ้นไม่ใช่หรือ
ต้องปรับสภาพจิตใจเช่นนี้ให้ถูกต้อง จะชินกับความรู้สึกที่ถูกเสิ่นเทียนกดขี่ไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนที่เสิ่นเทียนพูดไว้จริงๆ คนที่แพ้ให้กับเขา จะมีแต่โดนเขาทิ้งห่างไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
ข้า ฉีเซ่าเสวียน คือบุรุษที่จะไล่ตามและแซงหน้าเสิ่นเทียน!
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เดือดพล่านอยู่ในใจ ฉีเซ่าเสวียนหน้าขาวซีดเล็กน้อย ก่อนจะอดสำรอกโลหิตที่ตีขึ้นมาไม่ได้
พรวด!
โลหิตสีมรกตพ่นใส่หินผาก้อนหนึ่ง ก่อนจะกัดพร่อมมันเป็นรูใหญ่
เห็นได้ชัดว่าปราณกระบี่ที่มากับกระบี่นั้นของปี้เสวียนชิงรับมือยากมาก ไม่ใช่แค่ขจัดยากราวกับมีหนอนแมลงวันไต่กระดูกข้อเท้าเท่านั้น แต่ยังมีพิษร้ายแรงด้วย
ถึงคุณสมบัติกายของฉีเซ่าเสวียนจะเหนือธรรมดา แต่การจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บก็ต้องมีพักหลายวัน
ทว่าโอรสสวรรค์ทางฝั่งของปี้เสวียนชิงไม่คิดจะหยุดมือง่ายๆ โดยเฉพาะหลังจากปี้เสวียนชิงพ่ายแพ้ หากพวกเขาถอยไปเช่นนี้ เกียรติของหลายเผ่าพวกนั้นคงได้ป่นปี้หมด
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเก่งกาจจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะเอาชนะปี้เสวียนชิงได้!”
“แต่ศักยภาพแค่นี้คิดจะมาอวดศักดาในทะเลเหนือ ยังไม่พอหรอก”
“อย่าหาว่าข้าฉวยโอกาสตอนคนอื่นวิกฤติเลย หากเจ้ารับข้าได้สิบกระบวนท่า วันนี้จะปล่อยผ่านไป หากรับไม่ได้ พวกเจ้าต้องออกจากทะเลเหนือ! เขตแดนทะเลเหนือของเราไม่ต้อนรับเผ่ามนุษย์อย่างพวกเจ้า!”
บุรุษร่างกำยำสูงใหญ่เดินหน้ามาหนึ่งก้าว ร่างเขาเป็นศีรษะจระเข้ ข้างหลังแบกดาบใหญ่ นี่คือโอรสสวรรค์เผ่าเทพจระเข้จักรพรรดิ
กลิ่นอายพลังในตัวเขาหยั่งลึกไม่อาจคาดเดายิ่งกว่าปี้เสวียนชิงอีก
หากบอกว่ากำลังรบของปี้เสวียนชิงมีเพียงหกพัน เช่นนั้นกำลังรบของเอ้อทงเทียนก็มีอย่างน้อยหนึ่งหมื่น ประกอบกับสายเลือดของเผ่าเทพจระเข้จักรพรรดิไม่ได้ถูกเผ่ามังกรกดขี่เหมือนเผ่าเทพอสรพิษดำ
เวลาสู้จริง ฉีเซ่าเสวียนจะเจอกับแรงกดดันมากกว่า
โดยเฉพาะตอนนี้ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บอีกต่างหาก
เอ้อทงเทียนออกสิบกระบวนท่าสุดกำลังไม่ได้รับง่ายขนาดนั้น ไม่ทันไรก็อาจจะแพ้อย่างอนาถ
หากแพ้ในสิบกระบวนท่า เอ้อทงเทียนจะไม่ใช่แค่กู้หน้ากลับมาได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ฉีเซ่าเสวียนไปจนถึงเกาะมังกรดำขายหน้าลากไปกับพื้น
เจ้าจระเข้นี่ดูตัวใหญ่ทึ่มทื่อ แต่มีความคิดกำกวม ค่อนข้างเจ้าแผนการเลยทีเดียว
เขาออกมือตอนนี้ เป็นการคว้าโอกาสไว้อย่างสมบูรณ์แบบ!
…….
“เหอะๆ สิบกระบวนท่าก็คิดจะเอาชนะข้ารึ ฝันไปเถอะ!”
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก ถือง้าวมังกรสวรรค์กลับด้าน จะเดินเข้าไปด้วยใบหน้าซีดขาว
ทว่าตอนนี้เองมีมือข้างหนึ่งขวางไว้หน้าฉีเซ่าเสวียน เสิ่นเทียนพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “อย่าฝืน”
ชุดคลุมขาวดั่งหิมะ เสิ่นเทียนยืนอย่างสะโอดสะอง
เขายื่นมือขวาออกมาช้าๆ วางบนบ่าฉีเซ่าเสวียน
ความเจ็บปวดแล่นมาจากบาดแผล ฉีเซ่าเสวียนจะต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่ก็อดกลั้นไว้
เพราะเขารู้สึกว่าสหายเสิ่นน่าจะไม่ได้ทำร้ายเขา อีกทั้งถ้าเสิ่นเทียนคิดจะทำร้ายเขาจริงๆ เขาก็ต่อต้านอะไรไม่ได้
ถาดวัฏจักรหกมรรคหมุนวนช้าๆ พลังปราณเดิมบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งหลั่งทะลักเข้าไปในกายฉีเซ่าเสวียน พริบตาเดียวก็ขจัดพิษงูทั้งหมด
ขณะเดียวกันฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกว่าปราณกระบี่ที่จัดการยากในกายตนยอมศิโรราบในฉับพลัน
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ปราณกระบี่สีมรกตสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากบ่าของฉีเซ่าเสวียน
หินผาขนาดจั้งกว่าที่ห่างไปร้อยเมตรขาดเป็นสองส่วน ตรงรอยตัดเรียบเนียนราวกับกระจก
“เป็นไปได้อย่างไร ขจัดออกมาง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ปี้เสวียนชิงที่ยังบาดเจ็บหนักอยู่ไม่ไกลหรี่ดวงตาอสรพิษแคบลง ถูกกระทบกระเทือนเสียจนกระอักเลือดมาคำใหญ่
พึงรู้ไว้ว่าเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตเป็นเผ่าที่ชำนาญการลอบสังหารที่สุด ให้ความสำคัญกับการจู่โจมในทีเดียวและหลบหนี
ภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ หลังจากโอรสสวรรค์เผ่าอสรพิษดำแทงศัตรูแล้วจะส่งปราณกระบี่และพิษงูเข้าไปในตัวเหยื่อ ต่อให้ไม่โดนจุดสำคัญก็จะสร้างความเสียหายต่อเนื่อง
เมื่อพิษงูกับปราณกระบี่ออกฤทธิ์ เผ่าอสรพิษดำจะจู่โจมครั้งที่สอง ก็จะปลิดชีพอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ต่อให้ติดที่ฐานะพันธมิตรของเกาะมังกรดำ ไม่อาจสังหารฉีเซ่าเสวียนจริงๆ ได้ อย่างน้อยก็เอาชนะเขาได้ หากไม่ใช่เพราะฉีเซ่าเสวียนระเบิดการโจมตีทำให้ปี้เสวียนชิงบาดเจ็บหนักในกระบวนท่าเดียว ก็คงจะคาดการณ์ผลแพ้ชนะเมื่อครู่ได้ยากมาก
ถึงปี้เสวียนชิงจะพ่ายแพ้แล้ว แต่ก็ทำให้ฉีเซ่าเสวียนบาดเจ็บเช่นกัน
ด้วยสถานะติดลบจากพิษงูและปราณกระบี่ซ้อนทับกันจะทำให้ฉีเซ่าเสวียนอ่อนกำลังลง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะรับเอ้อทงเทียนได้ไม่ถึงสิบกระบวนท่าจริงๆ
ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่นทำอะไร
เขาเพียงแค่วางมือบนบ่าฉีเซ่าเสวียนก็ขจัดปราณกระบี่ของปี้เสวียนชิงออกมาได้ในทันใด กระทั่งโลหิตตรงบ่าของฉีเซ่าเสวียนยังกลับมาเป็นสีแดง นั่นหมายความว่าขจัดพิษงูในตัวเขาแล้ว
กลอุบายที่ปี้เสวียนชิงภูมิใจที่สุด กลับถูกเสิ่นเทียนแก้ได้ในฉับพลัน!
นี่ ทำให้เขายอมรับได้ยากยิ่งกว่าแพ้ให้กับฉีเซ่าเสวียนอีก!
…….
“ขอบคุณสหายเสิ่น”
ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก เกิดความตกใจในจิตใจเรียบนิ่ง
แม้เขาจะรู้ว่าเสิ่นเทียนมีวิชามากมาย แต่ไม่นึกว่าวิชาของเสิ่นเทียนจะน่าตกใจถึงเพียงนี้
แม้แต่ปราณกระบี่พิษร้ายแรงที่จัดการยากที่สุดของโอรสวรรค์เผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตยังแก้ได้ในพริบตา
ระหว่างแซ่ฉีกับสหายเสิ่นยังมีความต่างกันอยู่จริงๆ!
“สหายฉีชนะไปรอบหนึ่งแล้ว เจ้าจระเข้นี่ ให้แซ่เสิ่นจัดการเถอะ!”
เสิ่นเทียนมองหน้าผากของฉีเซ่าเสวียน ก่อนจะตบบ่าเขาพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่เช่นนั้น เห็นทีพวกเขาคงจะไม่ยอมรับแซ่เสิ่น”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนยิ้มแล้ว ฉีเซ่าเสวียนอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกถึงความไว้ใจอันยิ่งใหญ่
สารภาพตามตรง ถึงฉีเซ่าเสวียนจะมีความโอหังพุ่งขึ้นฟ้า แต่ก็พอจะรู้ศักยภาพของตนคร่าวๆ จึงไม่ได้หน้ามืดตามัวอวดดี
ระดับพลัง กำลังรบ และพลังของเอ้อทงเทียนแกร่งกว่าปี้เสวียนชิง ต่อให้เป็นตนในสภาพสมบูรณ์ก็อาจเอาชนะจระเข้นี่ไม่ได้
มิหนำซ้ำเขาเพิ่งหายบาดจากอาการบาดเจ็บหนักมา เสียพลังฤทธิ์และพลังปราณเดิมไป ยังไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
ต่อให้รับสิบกระบวนท่าของเอ้อทงเทียนได้จริงๆ แต่ถ้าเอาชนะไม่ได้แล้วจะอย่างไร ไม่ได้เชิดหน้าชูตาเลย
หากเป็นสหายเสิ่น ก็น่าจะมีโอกาสเอาชนะปีศาจจระเข้นี่ได้กระมัง!
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉีเซ่าเสวียนก็พยักหน้าช้าๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สหายเสิ่นก็ระวังด้วย”
……..
“ดูท่าแล้วเจ้าคงจะแกร่งกว่าไอ้หนูเมื่อครู่นี้ล่ะสิ อืม หน้าตาก็ดีกว่า บัดซบ คนหน้าขาวหน้าดีสมควรถูกตี!”
เอ้อทงเทียนพิจารณามองเสิ่นเทียน ศีรษะจระเข้ส่ายไปมาอย่างรุนแรง เหมือนนึกถึงความทรงจำที่ไม่สวยงามบางอย่าง
“หากเป็นเจ้า สิบกระบวนท่าก็ไม่พอแล้ว เจ้าดูดีเกินไป ต้องรับข้าร้อยกระบวนท่า คอยดูเถอะว่าข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย!”
เมื่อเอ่ยจบ เอ้อทงเทียนก็ปลดดาบใหญ่ข้างหลังลง ชั่ววูบเดียวไอดาบก็ตัดสลับกันหลายสิบจั้งก่อนจะฟันใส่เสิ่นเทียน
กลิ่นอายดุร้ายเข้มข้นเหมือนกับจระเข้ยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา ผ่านไปที่ใดแม่น้ำภูเขาผ่านกาลเวลา เกิดคลื่นลูกใหญ่สูงเทียมฟ้า!
ฉีเซ่าเสวียนมีแววตาจริงจังขึ้นมา พูดตามตรง กำลังรบของเอ้อทงเทียนเหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้
จระเข้นี้ดูเหมือนซื่อบื้อ แต่เวลาสู้จริงกลับโหดยิ่งกว่าปี้เสวียนชิง
ดาบใหญ่มีพลังแบบ ‘ทะลวงหมื่นวิชาด้วยพละกำลัง’ อย่างหนึ่ง
ในมุมมองของฉีเซ่าเสวียน หากตนอยากเอาชนะปีศาจจระเข้นี่ เกรงว่าต้องทุบแก่นเป็นดรุณก่อน ไม่เช่นนั้นก็เกรงว่าจะมีแพ้มากกว่าชนะ ยากจะต่อต้านได้
ไอดาบหลายสิบจั้งฉีกมวลอากาศ ปรากฏการณ์จระเข้ร้อยตัวขึ้นลอยขึ้นกลางอากาศ กลิ่นอายสังหารน่าสะพรึงเขย่าขวัญไปในรัศมีร้อยลี้
คลื่นน้ำก้นทะเลไหลเชี่ยว หมุนม้วนหิมะพันชั่ง
ร่างเสิ่นเทียนแตกกระจายตามคลื่นน้ำ ชั่ววูบเดียวก็กลายเป็นเศษเงานับไม่ถ้วน
ข้างหลังเขาค่อยๆ มีปีกนกสีทองงอกออกมาคู่หนึ่ง ดูส่องแสงเรืองรองเป็นพิเศษภายใต้แรงกระแทกของคลื่นน้ำ
ขณะเดียวกันยังมีแส้ยาวสีเขียวมรกตโผล่ขึ้นมาจากมือขวา บนแส้มีดอกไม้ฟากฝั่งสีแดงบานสะพรั่ง
ภายใต้การแช่ด้วยน้ำทะเล ทำให้เถากลืนกินเซียนกับดอกไม้ฟากฝั่งเหมือนจะมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม
หลบได้รึ
เอ้อทงเทียนคำรามเสียงต่ำ ทั้งตัวม้วนคลื่นหมื่นจั้งถาโถมเข้าใส่เสิ่นเทียน
ดาบใหญ่ในมือฟันลงพร้อมกับพลังมหาศาล มวลอากาศในก้นทะเลแตกออก พลิกแม่น้ำกลับทะเล ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ในระยะพันจั้ง
โชคดีที่ไม่อยู่ในเมืองแห่งสุขาวดี ไม่เช่นนั้นเอ้อทงเทียนคงโดนปรับจนล้มละลาย
“ช้า การโจมตีของเจ้าช้าเกินไป ทำให้แซ่เสิ่นผิดหวัง”
เงามายาสีทองขยับแสงวูบวาบในอากาศไม่หยุด เหมือนกับประกายแสงสว่างจ้าตัดสลับไปรอบๆ
เสียงหัวเราะเบาๆ สบายๆ เสิ่นเทียนดังมาจากรอบตัว ทำให้เอ้อทงเทียนร้องเสียงดังด้วยความโมโห ทำให้คนอื่นๆ ถึงกับตกใจกลัว
เร็ว เร็วมาก!
โอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์เสิ่นเทียนคนนี้เร็วจนน่ากลัว
เห็นๆ อยู่ว่าเป็นแค่ผู้จริงแท้ระดับกายทอง แต่กลับมีความเร็วน่าตกใจยิ่งกว่าปี้เสวียนชิง
ควรรู้ไว้ว่าปี้เสวียนชิงเป็นอสูรสูงศักดิ์ระดับนิพพาน อีกทั้งยังเป็นเผ่าอสรพิษดำทะเลมรกตที่ชำนาญความเร็ว
ปรากฏว่ากลับเทียบเสิ่นเทียนไม่ได้!
ความเร็วเช่นนี้อยู่ในระดับไร้พ่ายในใต้หล้าแล้ว
“เก่งจริงก็มาสู้กับข้าตรงๆ หลบไปหลบมาคิดว่าเก่งนักรึ ไอ้เต่าดำหดหัว ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เอ้อทงเทียนจ้องแสงทองวูบวาบนั้นพลางอดด่าทอมิได้
ขณะเดียวกัน คุณชายอู่งุนงงแล้ว
ปากดี! เต่าดำหดหัวแล้วอย่างไร ข้าไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษจระเข้บ้านเจ้ารึ
หากไม่ใช่เพราะข้าสู้ไอ้สัตว์เลื้อยคลานนี่ไม่ได้ ข้าจะใช้หมัดเทพราชาอหังการสอนเจ้านี่เป็นคนสักชุด!
……
ฟิ้ว!
ชั่วขณะที่เอ้อทงเทียนกำลังโมโหคลั่งนั้น ก็มีเงาแส้สีมรกตฟาดเข้ามาที่ศีรษะเขา
“การโจมตีน่าหัวร่อ มีแรงแค่นี้รึ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงของการโจมตีนี้ เอ้อทงเทียนหัวเราะเยาะ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเถากลืนกินเซียนไว้ ทว่าตอนนี้เอง ดอกไม้ฟากฝั่งสีแดงบนเถากลืนกินเซียนนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ดูแปลกและเลื่อนลอย
มือซ้ายของเอ้อทงเทียนที่จะคว้าเถากลืนกินเซียนไว้ทะลวงผ่านเถาวัลย์ไป วินาทีต่อมา ดอกไม้ฟากฝั่งสีขาวก็กลับมาเป็นสีแดงอีกครั้ง
ก่อนแส้เถากลืนกินเซียนสีเขียวมรกตจะฟาดใส่หน้าจระเข้ยาวของเอ้อทงเทียนอย่างแรง
เพี๊ยะ~!
รอยแส้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเอ้อทงเทียนอย่างชัดเจน ใบหน้าเหมือนกับถูกรถบด เลือดซิบออกมาเจ็บแสบ
ตบหน้า ตบหน้าจริงๆ!
เอ้อทงเทียนดวงตาแดงขึ้นมาทันที น้ำตาจระเข้คลอเบ้า!
“ย๊ากๆๆๆๆ ไอ้เผ่ามนุษย์สารเลว ช่างกล้าทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของข้าเสียโฉม!”
เอ้อทงเทียนตะโกนด้วยความโกรธ ดาบใหญ่ในมือฟันใส่เถากลืนกินเซียนอีกครั้ง คมดาบผ่านไปที่ใดมวลอากาศจะแตกกระจาย
เถากลืนกินเซียนไม่หลบ มันถูกดาบปากจระเข้ของเอ้อทงเทียนฟันใส่ตรงๆ แต่กลับไม่มีความรู้สึกถูกฟันใดๆ เลย
ดอกไม้ฟากฝั่งสีแดงกลายเป็นสีขาว เพียงชั่วอึดใจเดียวก็ฟาดกลับไป
ประกายแสงสีทองอ้อมมาข้างหลังเอ้อทงเทียนห่างไปหลายสิบจั้ง ก่อนเถาวัลย์สีเขียวมรกตจะฟาดเข้าไปอีกครั้ง
เพียะ~!
รอยแส้ปรากฏบนใบหน้าเอ้อทงเทียนอีกรอยเหมือนเดิมทุกประการ
รอยแส้สองรอยขวางหนึ่งตั้งหนึ่ง ลากเป็นเครื่องหมายกาชาดสีแดงบนใบหน้าเอ้อทงเทียน
เครื่องหมายกาชาดสีแดงที่ทั้งน่าสยดสยองและอัปลักษณ์ทำให้เอ้อทงเทียนโกรธจัด รู้สึกขายหน้าป่นปี้หมดแล้ว
เขาตะคอกพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เสิ่นเทียน หมายจะสู้ระยะประชิดกับเสิ่นเทียน
ทว่าก็เหมือนกับสิ่งที่เสิ่นเทียนยึดถือมาตลอด บุรุษจะต้องเร็ว ความเร็วต่างหากคือราชธรรม!
เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว เอ้อทงเทียนช้ามากจริงๆ โดนเสิ่นเทียนกุมความได้เปรียบทั้งหมด
เพียะ!
เพียะๆๆ~
เพียะๆๆๆๆ!~
เป็นตัวอักษรสือ (十)
เป็นตัวอักษรมู่ (木)
เป็นตัวอักษรหมี่ (米)
…….
ฉีเซ่าเสวียนมองจนหน้าแดงไปหมด รู้สึกได้เชิดหน้าชูตาและมีเกียรติร่วมกัน
แต่ทางด้านโอรสสวรรค์เผ่าทะเลพวกนั้นต่างมีสีหน้าอับอายและโกรธแค้น ทนดูเอ้อทงเทียนขายหน้าเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีก
ส่วนปี้เสวียนชิง ตอนนี้ไม่ได้แค้นที่ฉีเซ่าเสวียนทำให้ตนบาดเจ็บสาหัสอีก ในใจถึงขั้นยังรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย และยังกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ยังดีๆ ดีที่เมื่อครู่นี้ตอนที่แซ่ปี้ท้าประลองกับเสิ่นเทียน เจ้าฉีเซ่าเสวียนเข้ามาขวางไว้
ถึงเขาจะแพ้ให้กับโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ แต่ดีเลวอย่างไรก็ต่างบาดเจ็บทั้งคู่
หากแพร่งพรายออกไปก็ไม่ถือว่าน่าอับอายมากนัก
แต่เอ้อทงเทียนตอนนี้ โดนผู้จริงแท้เผ่ามนุษย์กุมความได้เปรียบตบหน้าไม่ยั้ง นั่นอนาถมากจริงๆ
ไม่โดนแม้แต่แขนเสื้อเขาด้วยซ้ำ แต่โดนแส้ฟาดเล่นอย่างบ้าคลั่ง
ซี้ด เห็นแล้วเจ็บไปหมดเลย!
กระทั่งปี้เสวียนชิงยังรู้สึกว่ามีเอ้อทงเทียนรับบาปแทนตนก็ไม่ถือว่าขายหน้าแล้ว
หัวข้อซุบซิบของทะเลเหนือในช่วงนี้ เกรงว่าคงจะเป็นเอ้อทงเทียน
“ไอ้สารเลว เจ้าบังคับข้าเองนะ!”
ดวงตาของเอ้อทงเทียนแดงก่ำ ปรากฏจุดแสงสีทองขึ้นทั้งตัวเขาช้าๆ
นั่นคือทวารที่หลอมรวมเทพภายในกายเขา และเป็นพลังแฝงที่แท้จริงของอสูรสูงศักดิ์ระดับนิพพาน
ระดับนิพพานนี้ ความจริงยังมีอีกชื่อเรียก คือระดับ ‘ทวารเทวะ’
ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับพลังนี้จะให้ความสำคัญกับการกินพลังงาน เติมทวารในร่างกายให้เต็มและหลอมรวมเป็นเทพ
เมื่อหลอมรวมเทพแล้ว ทวารทั้งหมดจะเต็มไปด้วยพลังชีวิตมหาศาล หากทวารเทพมีมากพอ ไม่ใช่แค่มือขาดขาขาดจะอาศัยทวารต่อกลับมาใหม่ได้เท่านั้น ต่อให้ศีรษะขาด กระทั่งร่างแยกเป็นชิ้นส่วนก็ฟื้นฟูกลับมาได้สบายๆ
ถึงขั้นมีตำนานว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคบางคนหลอมรวมทวารเทวะไว้มากมาย จนแทบจะเป็นอมตะ ต่อให้เหลือเพียงเศษเนื้อชิ้นเดียวกับโลหิตบริสุทธิ์หยดเดียว ก็สร้างกายแท้ขึ้นมาจากอากาศใหม่ได้ นิพพานเกิดใหม่ได้
เทียบกับศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองแล้ว หลังกายเนื้อถูกทำลายจะต้อง ‘ยึดร่างฝึกบำเพ็ญใหม่’ แต่ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมาร เมื่อถึง ‘ระดับนิพพาน’ แล้ว พลังชีวิตจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
หากทำลายจิตวิญญาณไม่ได้ ก็ยากจะสังหารเขาลงได้
……………………………………