ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 154 โรคตกค้างแทรกซ้อน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ดูแล้วหร่วนผิงอายุยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปี รูปโฉมภายนอกงดงามเปิดเผย รูปลักษณ์ไม่ธรรมดา

 

เขาเป็นหนึ่งในศิษย์สืบทอดหลักของหอคลื่นโหม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งบึงพิภพ แตกฉานวิชาวรยุทธ์ลับของบึงพิภพ มีฝีมือดีเยี่ยม

 

ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจยิ่งกว่าก็คือ เท่าที่เขารับรู้ สหายผู้นี้ดูเหมือนกับมีใจให้เมิ่งหว่านแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ถึงขั้นเรียกได้ว่าลุ่มหลงเป็นอย่างมาก

 

ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีอายุห่างกันประมาณสิบกว่าปี กระนั้นจุดนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกอันเร่าร้อนของหร่วนผิง

 

เพียงแต่ครึ่งปีกว่ามานี้ สถานการณ์ของโลกแปดพิภพเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่หลายแห่งตึงเครียดขึ้น หอคลื่นโหมที่ปลีกตัวมาโดยตลอดก็มีปฏิกิริยาไวต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่าเดิม

 

แม้ว่าหร่วนผิงจะเป็นศิษย์อ่อนอาวุโส ทว่าเขาในฐานะหนึ่งในศิษย์สืบทอดหลักแห่งหอคลื่นโหม หากยังคงเหมือนกาลก่อนก็คงจะไม่เข้าตาเป็นอย่างยิ่ง

 

ไม่รู้ว่าเป็นอาจารย์อาวุโสตักเตือนเป็นการเฉพาะ หรือเป็นหร่วนผิงควบคุมตนเอง หลายวันมานี้เขาแสดงออกคล้ายกับว่าความรู้สึกที่มีต่อเมิ่งหว่านค่อยๆ จืดจางลงแล้ว

 

สายตาหร่วนผิงกวาดมองหลิวเซิ่งเฟิงกับเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ทุกท่านเชิญตามข้ามา”

 

หลิวเซิ่งเฟิงยิ้ม เก็บสายตาพินิจพิเคราะห์เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยฉงโจว ราวกับหมาป่าอย่างไรอย่างนั้นกลับมา

 

เยี่ยฉงโจวอายุใกล้เคียงกับหร่วนผิง รู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว เขากล่าวทันทีว่า “หร่วนผิง ไม่ง่ายนักจะมาที่แห่งนี้สักครา เจ้าต้องพาพวกข้าดูทะเลสาบปิดนภาอันลือเลื่องมาช้านานด้วย”

 

ทะเลสาบปิดนภาตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบึงพิภพ ถือเป็นสถานที่จัดการประชุมฝ่านภาครั้งนี้

 

ที่แห่งนี้เป็นเขตคลองบึงนับพันพันลี้ ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี ทว่าขณะบนพื้นผิวทะเลสาบเมฆหมอกแปรเปลี่ยนเป็นร้อยพัน ก็ปรากฏทัศนียภาพงามล้ำเหลือจนไม่อาจชมได้หมด

 

ในระหว่างที่เมฆประเดี๋ยวรวมตัว ประเดี๋ยวแตกซ่าน ยิ่งคล้ายกับว่าแฝงไปด้วยสัจจะฟ้าดินอันไม่มีที่สิ้นสุด เกิดปาฏิหาริย์ได้มากมายยิ่ง ทำให้จอมยุทธ์ทั่วหล้าใฝ่หามัน

 

จอมยุทธ์หอคลื่นโหมมักจะมาบ่มเพาะฝึกบำเพ็ญเพียรที่นี่

 

ครั้งนี้หอคลื่นโหมในฐานะเจ้าภาพการประชุมฝ่านภา ก็เตรียมการสถานที่จัดไว้ที่นี่เช่นกัน

 

หร่วนผิงยิ้มน้อยๆ “แน่นอนอยู่แล้ว ทุกท่านสามารถพักอาศัยตามอัธยาศัยได้ เพียงแต่บนผิวทะเลสาบสถานที่นี้มีผู้อาวุโสสำนักเราอาศัยภูมิประเทศตั้งค่ายกลเอาไว้ ทุกท่านจักต้องระมัดระวัง อย่าได้แตะต้องค่ายกลต้องห้ามเป็นอันขาด”

 

เยี่ยนจ้าวเกอกับซือคงจิง รวมถึงบรรดาผู้คนจากเมืองทะเลมรกตกับเขาไร้พรมแดน ก้าวเข้าสู่ทะเลสาบปิดนภาวารีพิภพพร้อมกัน ด้วยการนำพาของหร่วนผิง

 

ทุกคนเหยียบย่ำอยู่บนผิวน้ำ เยี่ยนจ้าวเกอมองโดยรอบทั้งสี่ทิศ รู้สึกสบายอกสบายใจยิ่ง

 

ในระหว่างที่เมฆหมอกพลิ้วไหว ไอหมอกดูเหมือนกับแปรเปลี่ยนตัดสลับกับน้ำในทะเลสาบไม่หยุดหย่อน

 

เส้นแบ่งเขตฟ้าและดินคล้ายกลับกลายเป็นเลือนรางไม่ชัดเจน เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไปแวบหนึ่ง เห็นน้ำทะเลสาบลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ทว่าเมฆหมอกกลับดูเหมือนว่ากลายสภาพเป็นทะเลสาบ

 

‘หรือว่าพลังกระแสน้ำลวงเมฆของหอคลื่นโหมจะมาจากนี่’

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูปรากฏการณ์เบื้องหน้าด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ซือคงจิงที่อยู่ข้างกายเขา ก็มีอากัปกิริยาเช่นเดียวกัน

 

เยี่ยฉงโจวและคนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทาง กลับยิ้มน้อยๆ มองไปยังซือคงจิง

 

หญิงสาวผู้หนึ่งอายุราวยี่สิบต้นๆ ข้างกายเยี่ยฉงโจวถอนใจเสียงเบา “เป็นคนหนึ่งที่ลุ่มหลงในวิถีวรยุทธ์สินะ”

 

นางมีนามว่าหลี่จิ้งหว่าน เป็นธิดาสวรรค์โปรดรุ่นเยาว์แห่งเมืองทะเลมรกตเช่นเดียวกับเยี่ยฉงโจว อายุอานามใกล้เคียงกับเยี่ยนจ้าวเกอและเซียวอวี่

 

องคาพยพทั้งห้าของนางประหนึ่งภาพวาด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยสดงดงามเหมือนเช่นซือคงจิง แต่ก็เป็นคนงามที่หาได้ยากยิ่งคนหนึ่งเช่นกัน

 

หลี่จิ้งหว่านไม่ได้มีนิสัยกล้าได้กล้าเสียเหมือนเช่นเยี่ยฉงโจว นางนุ่มนวลอ่อนหวานยิ่งอย่างเห็นได้ชัด บัดนี้นางกำลังมองไปทางซือคงจิงด้วยความสงสัยใคร่รู้

 

ตลอดเส้นทาง ซือคงจิงมีอุปนิสัยสงบนิ่งโดยแท้ นอกจากคารวะต่อผู้คนแล้ว นางไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ

 

ไม่ว่าจะมีเรื่องอันใด นางล้วนเดินตามจังหวะก้าวของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสิ้น ถึงกระนั้นไม่ว่าจะเป็นเยี่ยฉงโจวหรือว่าหลี่จิ้งหว่าน ต่างก็สามารถมองออกว่าซือคงจิงไม่ใช่คนที่ไม่มีความคิดอ่านแต่อย่างใด แต่คล้ายกับเพียงแค่กลัวความยุ่งยากก็เท่านั้น

 

ดูท่าเด็กสาวผู้นี้จะลงแรงลงใจไปกับการฝึกฝนจนหมดสิ้น จนถึงขั้นคิดว่าคงไม่คุ้มค่าที่จะแบ่งเวลาไปในเรื่องอื่น

 

แม้ว่าวิถีอารมณ์ความรู้สึกทางโลกอย่างน้อยที่สุดก็ยังคงเข้าใจ ทว่าไม่ใช่คนที่ชำนาญในการคบค้าสมาคมแต่อย่างใด จิตใจของนางไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด

 

เยี่ยฉงโจวยิ้มกล่าว “พรสวรรค์โดดเด่น ทั้งยังมุ่งมั่นใจจดใจจ่อ สวรรค์ไม่มีทางปฏิบัติกับนางอย่างมิยุติธรรมหรอก”

 

หลี่จิ้งหว่านเอ่ย “ใช่น่ะสิ เยาว์วัยเช่นนี้ ก็บรรลุถึงระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะท้ายแล้ว ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งปี ตอนประมือกับโหวเสียงแห่งเขาไร้พรมแดนที่ภูผาพิภพ นางยังคงเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ความเร็วในการก้าวหน้าเช่นนี้ ช่างน่ากลัวเสียจริง”

 

ภูมิประเทศที่แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล เกาะเล็กเกาะน้อยกลางทะเลสาบหนาแน่นมากมายประหนึ่งดวงดาวบนท้องฟ้าและหมากบนกระดาน ทั้งหมดเดินเหยียบย่ำน้ำไม่นานก็มาถึงเขตใจกลาง

 

ภายในทะเลสาบปิดนภา หมู่เกาะหลายเกาะที่พื้นที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ที่นี่ เกาะปิดนภาเกาะหลักภายในนั้น ก็คือที่ตั้งของสถานที่จัดการประชุมฝ่านภา

 

หลังจากขึ้นมาบนเกาะปิดนภาแล้ว ก็มีศิษย์หอคลื่นโหมมาต้อนรับแขก จัดการทุกคนไปยังที่พำนักแต่ละบุคคล

 

รูปแบบลักษณะสิ่งปลูกสร้างของสถานที่นี้ เปี่ยมไปด้วยทัศนียภาพของบึงพิภพ เรือนไม้ไผ่ขนาดเล็กมากมายตั้งเป็นสัดเป็นส่วน

 

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอจัดการเข้าที่พำนักเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกมาจากเรือนไม้ไผ่โดยไม่บอกกล่าวผู้ใด เดินไปยังผิวทะเลสาบใหม่อีกครั้ง

 

เมื่อมาถึงทะเลสาบแล้ว เขาก็ลอดผ่านเข้าไปภายในเมฆหมอก ดวงตาทั้งสองค่อยๆ ปิดสนิท ขณะเดียวกันก็เดินไปอย่างไร้ทิศทางจนมาถึงบนพื้นผิวทะเลสาบ

 

อาหู่ติดตามอยู่หลังกายเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าไม่ได้รบกวน

 

สมาธิของเขาส่วนใหญ่จดจ่ออยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศ ป้องกันคนรบกวนทำให้เยี่ยนจ้าวเกอตื่นตกใจ หรือไม่ก็สภาวะเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ขณะนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะไปตระหนักถึงความลี้ลับของทะเลสาบปิดนภาแล้ว

 

รอจนการประชุมฝ่านภาเริ่มอย่างเป็นทางการ ขณะเยี่ยนจ้าวเกอเข้าร่วมอยู่นั้น อาหู่ถึงจะออกมาเตร็ดเตร่ผู้เดียวได้

 

แม้ดวงตาทั้งสองจะปิดสนิท กระนั้นขณะที่จิตสัมผัสรอบกายเยี่ยนจ้าวเกอถูกขยายจนถึงสูงที่สุด จุดลมปราณทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเปิดปิดอย่างแผ่วเบา กลืนกินปราณวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ รับรู้การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่อยู่บนทะเลสาบปิดนภา และรับรู้จุดเร้นลับเป็นเอกลักษณ์ที่แฝงอยู่ในสถานที่วิเศษแห่งนี้

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอหยุดฝีเท้าลง เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะยื่นมือทั้งสองของตนออกไปด้านหน้า วาดอยู่ในเมฆหมอกอย่างช้าๆ

 

ครู่ใหญ่ผ่านไป ชายหนุ่มก็ก้าวเท้าเดินใหม่อีกครั้ง เหยียบย่ำบนน้ำต่อ ครั้นเดินไปได้ระยะหนึ่งที่แน่นอน เขาก็พลันยื่นนิ่งไม่ขยับอีกครา

 

แม้จะเดินๆ หยุดๆ เช่นนี้ ทว่าการเคลื่อนไหวมือทั้งสองกลับต่อเนื่องตลอดเวลา

 

เมฆหมอกโดยรอบร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอถูกขับเคลื่อนม้วนอยู่ข้างกาย ค่อยๆ ก่อตัวเป็นกลุ่มปราณกลุ่มหนึ่งที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เคลื่อนย้ายไปพร้อมกับเขา

 

“สังเกตการแปรเปลี่ยนของเมฆและน้ำของทะเลสาบปิดนภา กลับทำให้ข้ามีความคิดบางอย่างต่อวิถีวรยุทธ์ข้าอยู่บ้าง”

 

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญภายในใจ ‘เหยียบก้าวขั้นเคียงนภา ปราณจิตราเกิดสติปัญญา ถึงขั้นเคียงนภาระยะกลางแล้ว ปราณจิตราแปรสภาพเป็นโลกลวงตา กำลังจะวิวัฒน์จนเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภายในที่แท้จริงไปอีกขั้นเพื่อสืบเสาะความลับของฟ้าดิน ภายในนี้ ไม่แน่ว่าอาจสิ่งของที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง’

 

ขณะกำลังครุ่นคิด เยี่ยนจ้าวเกอพลันตกตะลึงเล็กน้อย “หา?”

 

อาหู่ที่คล้อยตามติดอยู่ข้างกายเอ่ยถาม “คุณชาย มีอะไรหรือขอรับ”

 

ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตากวาดมองไปโดยรอบ “พลังของค่ายกลนี้ เหมือนกับมีการเปลี่ยนแปลงน่ะสิ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น อาหู่ก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าเผยเห็นสีหน้าท่าทางงุนงง

 

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดกล่าวอันใดต่อ ค่ายกลก็เหมือนกับศาสตร์โอสถและการหลอมอาวุธ เป็นหลักวิชาความรู้ที่เป็นอิสระ มีความเกี่ยวพันแนบแน่นกับวิถีวรยุทธ์ ทว่าพลังฝึกปรือจอมยุทธ์ไม่อาจชี้ขาดระดับความรู้ซึ้งค่ายกลได้ทั้งหมด

 

อีกทั้ง ค่ายกลวิญญาณที่ปกคลุมทะเลสาบปิดนภาในตอนนี้ ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงน้อยอย่างยิ่ง มิชัดแจ้งแต่อย่างใด

 

ถึงแม้พลังฝึกปรือของอาหู่จะถึงขั้นฝ่านภาแล้ว ทว่าเขาไม่เคยศึกษาเรื่องค่ายกลอย่างตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงมองไม่ออก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

 

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ค่ายกลก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน เพียงแต่ว่านั่นเป็นการเทียบกับความสามารถด้านอื่น

 

เปรียบเทียบกับจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์คนอื่น ระดับความรู้ซึ้งในด้านค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นเรื่องที่โดดเด่นเหนือผู้ใดเช่นเดียวกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาเรื่องค่ายกลป็นการพิเศษพอดิบพอดี จึงมีความรู้สึกไวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ

 

ขณะนี้ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว

 

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง “จิ๊ นี่คือโรคตกค้างแทรกซ้อนที่เขาไร้พรมแดนสร้างข่าวลือมาทำร้ายข้าสินะ”

 

………………..