ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 155 วัดความน่าเชื่อถือของเยี่ยนจ้าวเกอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จากผลประโยชน์โดยรวมของสำนัก การฟื้นฟูสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำทำให้เขาไร้พรมแดนได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล

ทว่าความสัมพันธ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ก็แตกร้าวโดยสิ้นเชิงด้วยเหตุนี้ สูญเสียจุดยืนอำนวยประโยชน์แต่เดิมของตนที่จะบุกก็สามารถรุกโจมตีได้ จะถอยก็ตั้งรับป้องกันได้ไปเสียแล้ว

และสิ่งที่ทำให้รู้สึกจนใจนัก ก็คือพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

ดังนั้นถึงแม้ว่าเบื้องบนและเบื้องล่างเขาไร้พรมแดนจะทำการตัดสินใจออกมาอย่างชาญฉลาดนัก ผนึกกำลังรวมกับเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกต เป็นปฏิปักษ์ต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่ส่งเสริมทั้งหมดทั้งมวลนี้จนสำเร็จ เขากว่างเฉิงเห็นว่าเขาเป็นผู้สร้างคุณูปการใหญ่หลวง ส่วนเขาไร้พรมแดนกลับมีมุมมองความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่งนัก

แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานใดๆ แต่คนของเขาไร้พรมแดนไม่น้อยก็กังขาอย่างยิ่ง ว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่วางแผนล่วงหน้า ขุดหลุมใหญ่ให้พวกเขาจำเป็นต้องโดดลงไปหรือไม่

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนเป็นต้นมาจึงมีข่าวลือเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอประมาณหนึ่ง แพร่กระจายออกมาจากภูผาพิภพ ยกยอเขาว่าเป็นผู้ที่บนสวรรค์มีน้อย บนผืนดินหาได้ยาก

พลังนั้นอย่าว่าแต่คนรุ่นเยาว์ในปัจจุบันและคนรุ่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอเลย ดูเหมือนว่าแม้แต่บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ที่กดกลบคนรุ่นเดียวกันในตอนนั้นก็ล้วนสู้ไม่ได้อยู่มากโข

ครานี้เข้าร่วมการประชุมฝ่านภา เยี่ยนจ้าวเกอตระเตรียมจิตใจเสียตั้งนานแล้ว ว่าจะมีผู้คนไม่น้อยคิดที่จะวัดความน่าเชื่อถือของตน

หลิวเซิ่งเฟิงแห่งเขาไร้พรมแดน นับเป็นหมายเลขหนึ่ง

ตอนที่ตนยากลำบากอยู่ที่เขานิมิตเมฆ เขาไร้พรมแดนสามารถกดเจ้าสัตว์ดุร้ายตัวนี้ไม่ให้มาหาถึงประตูสำนัก

สิ่งที่ควรค่าแก่การให้ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของโลกแปดพิภพค่อยๆ เริ่มมองข้ามระดับพลังฝึกปรือและอายุของเขาแล้ว ตามชื่อเสียงที่เลื่องลือขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหนึ่งปีมานี้ของเขา

เนื่องด้วยผลการรบตามความเป็นจริงของเยี่ยนจ้าวเกอ แพรวพราวมากจนเกินไป

โจมตีสังหารเซียวเซิงในระดับขั้นเดียวกันอย่างง่ายดาย โจมตีเฉาหยวนหลงในระดับขั้นเดียวกันจนพ่ายแพ้ จี้ฮั่นหรูที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่เขาเช่นกัน

ข่าวลือผลการประมือกับหลิวโจวและเยี่ยนส่าน ก็แพร่สะพัดออกไปแล้วเช่นกัน

คู่ต่อสู้มากมายยิ่งภายในนั้น อายุอานามและความยาวนานในการฝึกฝน ล้วนอยู่เหนือเยี่ยนจ้าวเกออยู่ไม่น้อย

อีกทั้งทุกๆ คนที่กล่าวถึงข้างต้น ล้วนเป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน และเป็นอัจฉริยบุคคลรุ่นเยาว์ของโลกแปดพิภพที่ทั่วหล้าให้ความสนใจทั้งสิ้น

ผู้ใดก็ได้สักคนลุกขึ้นออกมา ต่อให้ไปประลองกับจอมยุทธ์ระดับขั้นเดียวกันคนอื่นๆ จำนวนมากในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ทั้งหก ต่างก็สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้ทั้งสิ้น ถึงขั้นที่ท้าประลองข้ามขั้น ผู้ด้อยชั้นกว่าท้าประลองผู้สูงชั้นกว่า

ทว่าอัจฉริยะเหล่านี้ กลับพ่ายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด!

ผลการรบอันแพรวพราวเช่นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของคนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งโลกแปดพิภพแล้ว

เนื่องด้วยจี้ฮั่นหรูและเซียวอวี่เมื่อครู่เป็นเหตุ หลิวเซิ่งเฟิงไม่สามารถลงมือได้สำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอกลับคิดไม่ถึงว่าในการเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาครั้งนี้ คู่ต่อสู้อันดับแรกที่ชั่งวัดตนเองจะเป็นคนของหอคลื่นโหมไปได้

อย่างไรเสีย แม้ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันของโลกแปดพิภพจะเต็มไปด้วยการต่อสู้โหมซัดสาด ทว่าหอคลื่นโหมก็ยังคงมีจุดยืนเป็นกลางชัดเจนยิ่ง

สองมือของเยี่ยนจ้าวเกอไพล่หลัง เงยหน้ามองโดยรอบ รับรู้สัมผัสอย่างละเอียด

บัดนี้เขาไม่ได้ทำความเข้าใจตระหนักหลักฟ้าดินแล้ว แต่เป็นแยกแยะการโคจรค่ายกลและเส้นสายปราณวิญญาณของสถานที่นี้แทน

“อืม ดูจากลักษณะแล้ว เพียงแค่ต้องการกดพลังและกำลังอันฮึกเหิมของข้าเท่านั้น มากกว่านั้นก็คือหยั่งเชิงรูปแบบหนึ่ง” หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย

ค่ายกลเบื้องหน้านี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่หมอกหนาทึบเท่านั้น

ค่ายกลที่จอมยุทธ์อาวุโสแห่งหอคลื่นโหมเป็นผู้ตั้งวาง หากพบศัตรูภายนอกรุกรานเข้ามาจริงๆ ก็จะสำแดงอานุภาพอันแกร่งกล้าออกมา เพื่อต้านทานศัตรูผู้มาเยือน

ค่ายกลในตอนนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงอันน้อยนิดเท่านั้น ไม่ได้มีพลังสังหารหรือสร้างความเสียหายอันใด

เยี่ยนจ้าวเกอติดอยู่ภายในนี้ อย่างมากที่สุดก็แค่หลงทาง ออกไปจากทะเลสาบปิดนภาไม่ได้ และกลับไปยังเกาะปิดนภาที่อยู่ใจกลางทะเลสาบไม่ได้เช่นกัน

แน่นอนว่าเป็นเพราะค่ายกลเปลี่ยนแปลงน้อยนิดนั่นเอง ฉะนั้นจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภาเหมือนอาหู่ก็ไม่มีทางสังเกตเห็นได้ในทันทีเช่นกัน

อีกทั้งหากการเปลี่ยนแปลงค่ายกลใหญ่หลวงจนเกินไป เช่นนั้นในตอนแรกเริ่มจะทำให้ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์แห่งหอคลื่นโหมที่อยู่ที่แห่งนี้และกลุ่มคนของฟางจุ่นตกใจเป็นอันดับแรกได้

“อาศัยภูมิประเทศอันได้เปรียบตั้งค่ายกล รากฐานยังเป็นการแปรผันด้วยเมฆและน้ำอันไร้ทิศทางของทะเลสาบปิดนภานี้…”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้าใหม่อีกครั้ง เพียงแต่ว่าเขารุดหน้าครานี้ จังหวะก้าวเดินเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดผิดปกติ มีบางเวลาที่เดินถอยหลังกลับอีกด้วย

ระหว่างที่เดินอยู่ ปราณจิตราทั่วกายเยี่ยนจ้าวเกอสั่นสะเทือน ทำเอาน้ำทะเลสาบใต้ฝ่าเท้ากระเพื่อมอย่างไม่หยุดหย่อน

ไอเมฆโดยรอบยิ่งรวมตัวและแตกกระจายออกตามการหายใจของเขา ชั่วขณะหนึ่งคล้ายกับมีความรู้สึกว่ามีกระแสลมโหมซัดสาด

บนผิวทะเลสาบพัดกระพือลมงวงกลุ่มหนึ่งขึ้น โดยมีเยี่ยนจ้าวเกอเป็นจุดศูนย์กลาง มันเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กับเขา ทุกหนทุกแห่งที่ชายหนุ่มไปถึง เมฆหมอกน้ำทะเลสาบทั้งหมดพลันผันเปลี่ยนเป็นสับสนปนเป

กำลังของลมงวงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เริ่มแพร่ขยายกระจายไปรอบด้านทั้งสี่ทิศ

อาหู่ตามติดอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ อ้าปากหวอขณะมองดูภาพฉากนี้ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็เปิดปากหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “จะต่อสู้กับคุณชายของข้ารึ”

ภายในเรือนไม้ไผ่หลังหนึ่งบนเกาะปิดนภา บริเวณใจกลางห้องโถงภายในนั้นตั้งกระจกบานใหญ่ยักษ์เอาไว้ สูงไม่น้อยกว่าความสูงของคนคนหนึ่ง

ภายในกระจกเหมือนคลื่นน้ำ ปรากฏสภาพการณ์บนพื้นผิวทะเลสาบออกมา

บัดนี้หร่วนผิงยืนอยู่ตรงหน้ากระจก มองดูสภาพการณ์ที่ปรากฏออกมาบนกระจก ท่วงท่าเขาสง่างามเช่นเดิมด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก รูปลักษณ์ไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่าไม่อ่อนโยนเหมือนเช่นก่อนหน้าขนาดนั้น ภายในแววตาส่องคมมีดอันเฉียบคมออกมา

ตอนนี้เอง เขาถึงได้พรั่งพรูลักษณะของคนวัยเยาว์ที่ชอบเอาชนะออกมาอยู่หลายส่วน

หร่วนผิงมองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ภายในกระจก หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็ยื่นมือออกมา ต้องการจะสัมผัสกระจก ทว่าเมื่อจวนจะเข้าใกล้ มือของเขาพลันชะงักเล็กน้อย

จากนั้นก็มีผู้อื่นผลักประตูเข้ามา กลับเป็นหญิงสาวสองคน ทั้งคู่ต่างก็เป็นสวมเครื่องแต่งกายสีเขียว อันเป็นเครื่องแต่งการศิษย์สืบทอดหลักของหอคลื่นโหมเช่นเดียวกับหร่วนผิง

หญิงสาวทั้งสองสวมหมวกไผ่อยู่บนศีรษะ ผ้าโปร่งบางลู่ลงมา บดบังเค้าหน้าของพวกนาง

หนึ่งในพวกนางเดินมาด้านหน้า ก่อนจะถอดหมวกไผ่บนศีรษะลง เผยเห็นใบหน้าสดใสแช่มชื่น องคาพยพทั้งห้ามองไปแล้วเป็นเพียงแค่ความงามระดับกลางเท่านั้น กระนั้นนางก็มีท่วงท่างดงาม

เมื่อเห็นนาง หร่วนผิงก็เก็บมือกลับ พยักหน้าเล็กน้อย “ขอบพระคุณศิษย์พี่หญิง”

ศิษย์หญิงแห่งหอคลื่นโหมแซ่เซี่ยก็มายังด้านหน้ากระจกเช่นกัน มองดูสภาพการณ์ภายในกระจกแวบหนึ่ง พลันมุ่นคิ้วน้อยๆ ทันที “ศิษย์น้องหร่วน ไยเจ้าต้องทำเช่นนี้”

“หลายวันมานี้ข้าได้ยินชื่อของเขาจนเอียนไปหมดแล้ว” หร่วนผิงยิ้มน้อยๆ “จึงอยากลองดูสักหน่อย ว่าความรู้ความสามารถของเขาจะมากมายเช่นชื่อเสียงหรือไม่ ว่ากันว่าเขามีความสามารถรอบด้านเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงอยากดูว่าระดับความรู้ซึ้งในด้านค่ายกลของเขาจะเป็นเช่นไร”

“แท้จริงแล้วนี่ประจวบเหมาะนัก ไม่ต้องประมือกันจริงๆ ก็สามารถแข่งขันกันได้ ข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาลำบาก หากเขาติดอยู่ภายในค่ายกลออกมาไม่ได้จริงๆ หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ข้าก็จะเข้าไปรับเขากลับมาเกาะปิดนภาเอง”

ศิษย์พี่เซี่ยมองหร่วนผิงแวบหนึ่งอย่างจริงจัง “บรรดาอาจารย์ผู้อาวุโสได้มีความเห็นตรงกันทั้งหมดแล้ว ว่าจะไม่เข้าไปพัวพันการพิพาทระหว่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไฉนเจ้าจะไม่ปล่อยศิษย์น้องเยี่ยนไปเล่า เจ้าคงไม่ได้ทำไปเพราะเมิ่งหว่านกระมัง?”

หร่วนผิงยิ้มน้อยๆ “ข้ายอมรับ ข้าจดจำศิษย์น้องเมิ่งแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ลืม แต่ข้ายิ่งจะไม่ลืมว่าข้าคือศิษย์ของหอคลื่นโหม ต่อให้มีเจตนามีใจให้ ก็หวังว่าจะนำหงส์เพลิงตัวนั้นกลับมาที่ของพวกเราแห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่ว่าข้าเองจะไปแต่งเข้าเมื่อไร แต่ศิษย์พี่เซี่ยปกป้องเยี่ยนจ้าวเกอเช่นนี้ คงไม่ใช่เพื่อศิษย์พี่สวี สวีเฟยแห่งเขากว่างเฉิงท่านนั้นกระมัง?”

ศิษย์หญิงแซ่เซี่ยกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “การตัดสินใจของบรรดาท่านผู้อาวุโสสำนักทั้งหลาย ข้าจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ส่วนตัวส่วนรวมแบ่งแยกชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์พี่สวีมั่นใจในตัวเยี่ยนจ้าวเกอยิ่ง ไม่ต้องให้ข้าดูแลหรอก”

นางมองไปทางหร่วนผิง “ข้าขอเตือนเจ้า เจ้าหยุดมือเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังทัน ไม่เช่นนั้นคนที่จะเสียเปรียบก็คือเจ้าเองแล้ว”

………………..