ตอนที่1242 อ้าวลี่

 

แรกเห็นในทันใด ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเต่าพลันโพล่งอุทานด้วยความตะลึงลั่น

“จะ-เจ้า… นั้นคือ…เคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำ!!?”

 

ก่อนหน้านี้เสี้ยวจังหวะ ผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้เหลือบไปเห็นชั้นรัศมีสีทองเคลือบหนาอยู่บนกายาของเย่หยวน ซึ่งนั้นมีลักษณะตรงกับเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำในตำนานทุกประการ!

 

หากก่อนหน้า เย่หยวนหยิบใช้ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าสวนตอบอีกครั้ง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเต่าดำจะไม่มีวันตระหนักถึงได้เลย

ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างช่างชัดแจ้งยิ่งนัก!

 

หลงหยานเองก็พลันตกตะลึงตามและกล่าวอย่างไม่น่าเชื่อว่า

“คังโหย่ว เจ้ากล่าวอันใดไร้สาระ? มิใช่ว่าเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำหายสาบสูญไปจากเผ่าเจ้ากว่าล้านปีแล้ว?”

 

อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนกล่าวแทรกขึ้นทันทีพร้อมรอยยิ้มว่า

“นับว่ายังมีความรู้อยู่บ้าง ถูกต้อง นี่คือเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำขนานแท้!”

 

สีหน้าการแสดงออกของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเต่าดำเผยถึงความสนใจอย่างยิ่ง

ไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณของวรยุทธบ่มเพาะกายเนื้อชนิดนี้เลย หากสามารถสำเร็จได้ถึงระดับเก้า ไม่ว่าใครบนผืนพิภพแห่งนี้ก็ไม่สามารถฝ่าด่านปราการป้องกันสุดวิปลาสนี้ได้!

แม้แต่ยอดเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันนี้ได้เช่นกัน!

 

เผ่าเต่าดำยังคงนึกเสียใจจวบจนทุกวันนี้ที่สูญเสียวรยุทธบ่มเพาะกายเนื้อนี้ไป

แต่ไม่คาดไม่ฝันจริงๆว่า ยอดวรยุทธศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่าเต่าดำในตำนานจะปรากฏขึ้นบนร่างของมนุษย์หนุ่มคนนี้!

 

“เจ้ามนุษย์คนนั้นโผล่มาจากที่ใดกันแน่? ไม่เพียงสำแดงใช้วรยุทธต่อสู้ของเผ่ามังกรได้ กระทั้งยอดวรยุทธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเต่าดำในตำนานก็มีเช่นกัน!”

 

“หากกล่าวตามหลักเหตุและผล ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้ายังพอเข้าใจได้ เขาอาจจะลอบขโมยมาฝึกฝนอย่างลับๆ แต่เคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำนี้ มิใช่ว่าหายสาปสูญไปกว่าหนึ่งล้านปีแล้วรึ? แล้วเขาไปรู้จักมาจากไหน!”

 

“ถูกต้อง เจ้ามนุษย์คนนี้ไปศึกษาร่ำเรียนวรยุทธศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายมาจากที่ใด? นอกจากนี้ยังสามารถสำแดงเดชได้ทรงพลังกว่ารุ่นอาวุโสเสียอีก ท่านผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ผนึกกำลังยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย!!”

 

 

……………………….

 

 

เสียงอุทานดังสนั่นของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเต่าดำทำให้เหล่าสมาชิกเผ่าสี่สัตว์เทวะทั้งหมดโดยรอบตื่นตะลึงหนักเข้าไปใหญ่

แม้แต่วรยุทธศักดิ์สิทธิ์ที่หายสาปสูญไปเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ก็ยังปรากฏให้เห็นอีกครั้งบนร่างมนุษย์หนุ่มคนนี้ต่อหน้าต่อตา นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ!

 

ในตอนนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนรู้สึกว่า ผืนพิภพทั่วฟ้าวิปลาสสิ้นแล้ว!

 

คราวนี้หลงหยานถึงกับหยุดมือในท้ายที่สุด และตรงเข้ามากล่าวกับเย่หยวนพร้อมสีหน้าเคร่งขรึมว่า

“เจ้าหนู เจ้ามีเจตนาร้ายบุกรุกดินแดนสัตว์เทวะ?”

 

เย่หยวนหักไหล่ตอบก่อนเอ่ยกล่าวว่า

“นายน้อยผู้นี้บังเอิญหลงเข้าป่าดอกท้อ ก่อนพยายามอยู่แรมเดือนกว่าจะออกมาได้ ทว่ากลับไปรุกล้ำดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้โดยมิตั้งใจ ขอกล่าวตามสัตย์จริง ข้าไม่เคยมีเจตนาร้ายอันใด มิได้คิดบุกรุก! เย่คนนี้กับเผ่ามังกรมีความสัมผัสค่อนข้างใกล้ชิด ส่วนน้องชายของข้าก็ยังเป็นประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวในดินแดนศักดิ์นสิทธิ์ หากไม่เชื่อลองสัมผัสกับกายวิญญาณพยัคฆ์ขาวสมบูรณ์ของเขาได้ เพียงว่าตอนนี้ข้ามีเรื่องสงสัยเล็กน้อยและต้องการจะถามไถ่ เผ่าสี่สัตว์เทวะในดินแดนสัตว์เทวะมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเผ่าสี่สัตว์เทวะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กัน?”

 

จากคำกล่าวของเย่หยวน ทุกสายตาพลางเหลียวไปมองอิ้งหมัวหู่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาทันที

เนื่องจากก่อนหน้ากายาของเย่หยวนเปล่งประกายจรัสจ้าเกินไป จึงไม่มีใครสนใจอิ้งหมัวหู่และลี่เอ๋อที่อยู่เบื้องหลังเลย

ทว่าทันทีที่ได้ยินเย่หยวนกล่าวไปเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดต่างต้องจับจ้องด้วยแววตาเปี่ยมตะลึง

 

กายวิญญาณพยัคฆ์ขาวสมบูรณ์!

คนกลุ่มนี้…พวกเขาเป็นใครกันแน่?

ราชาจากอีกดินแดน?

 

เหล่าสมาชิกเผ่าพยัคฆ์ขาวต่างจับจ้องอย่างตื่นตะลึงสุดขีด จนรู้สึกละอายใจในเวลาต่อมา

 

กระนั้นเองสีหน้าของหลงหยานยังคงมืดทมิฬพลันกล่าวว่า

“ช่างเถอะ! เช่นนั้นพวกเจ้าก็ออกไปได้แล้ว!”

ต่อหน้าทัศนคติของหลงหยาน ทำให้เย่หยวนประหลาดใจมิใช่น้อย ทั้งๆที่เขาอธิบายไปขนาดนั้นแต่ยังพูดจาไร้หางเสียงได้จริงๆ

แม้แต่คนตาบอดยังทราบ คนหนึ่งมีสองสุดยอดวรยุทธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าสี่สัตว์เทวะ ส่วนอีกคนเป็นประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาว แสดงว่าภูมิหลังต้องไม่ตื้นเขิน แต่หลงหยานกลับไล่ส่งกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์?

 

เย่หยวนยักไหล่อีกคราและกล่าวว่า

“นายน้อยผู้นี้ก็อยากออกไปเช่นกัน ทว่าไม่สามารถย้อนกลับในทางป่าดอกท้อได้อีกแล้ว!”

 

หลงหยานกล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“นั้นเป็นปัญหาของเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้าผู้นี้! รีบๆหาทางออกไปซะ! ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า!”

 

เย่หยวนเค้นหัวร่อเสียงเย็นอยู่หลายคำ ก่อนเอ่ยปากกล่าวตอบว่า

“สงสัยยังไม่รู้สถานะตัวเองว่าใครอยู่สูงหรือต่ำกว่า? นายน้อยผู้นี้แสดงความเมตตาแก่พวกเจ้านับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ต้องให้ข้าล้างบางเผ่าสี่สัตว์เทวะก่อนจากออกไป?”

 

ทันทีทันใด มวลจิตสังหารปริมาณมหาศาลดั่งมหาสมุทรแห่งความตาย พลันพรั่งพรูออกมาท่วมท้นไม่หยุดหย่อน ทุกคนโดยรอบแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อแรกสัมผัส

ดูเหมือนว่า นายน้อยผู้นี้จะเริ่มโกรธแล้วจริงๆ!

 

แต่ทันใดนั้น ปลายคิ้วของเย่หยวนพลันกระตุกขึ้นก่อนเอ่ยขึ้นทันทีว่า

“ในเมื่อมาแล้ว ไฉนถึงไม่แสดงตัว?”

 

ร่างหนึ่งค่อยๆก้าวย่างออกจากห้วงแห่งความว่างเปล่าออกมา

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่เห็นการมาถึงของบุคคลนี้ พวกเขาถึงกลับถอดสีหน้าและเร่งคำนับกล่าวว่า

“คาราวะท่านประมุข!”

 

แตกต่างไปจากที่เย่หยวนจินตนาการโดนสิ้นเชิง ท่านประมุบผู้นี้ยังเป็นเพียงชายวัยกลางคน สีหน้าแดงกล่ำมีภูมิฐาน

ลักษณะท่าทางเช่นนี้สมควรยิ่งแล้วกับตำแหน่งประมุข

ประมุขผู้นั้นขยับขยายสายตาเข้าจับจ้องเย่หยวน ราวกับต้องการมองผ่านอ่านความคิดอีกฝ่าย

แต่นั้นก็ทำให้เขาต้องผิดหวัง

เย่หยวนคนนี้ประดุจเหวลึก ที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่สามารถเห็นก้นเหวได้

 

ในอีกด้าน เย่หยวนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับอีกฝ่ายเช่นกัน ที่อายุแค่นี้แต่สามารถขึ้นกลายเป็นประมุขเผ่าได้แล้ว ดูจากหน้าตาชายวัยกลางคนผู้นี้อายุราวๆสี่สิบปีเท่านั้น

แต่เย่หยวนยังคงขยับขยายสายตาจับจ้องอีกฝ่ายไม่หยุด ไม่ทราบว่าเหตุใด เขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก

ทว่าอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนเคยเดินทางมายังดินแดนสัตว์เทวะอย่างชัดเจน

 

“อ้าวลี่”

ชายวัยกลางคนเอ่ยปากกล่าวขึ้นทันที

 

เย่หยวนไม่ลังเลอันใดและกล่าวตอบว่า

“เย่หยวน”

 

 

“การจะกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยผ่านทางป่าดอกท้อ มีเพียงท่านบรรพบุรุษเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเจ้าต้องการกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกทาง ข้าสามารถส่งเจ้ากลับไปยังแดนล่างก่อนได้”

อ้าวลี่กล่าวแช่มเสียงเย็นตอบ

 

วาจาคำกล่าวเหล่านี้ที่ดังออกจากปากอ้าวลี่ต่างทำเอาสมาชิกเผ่าสี่สัตว์เทวะทั้งหมดตกใจยกใหญ่

แม้คำกล่าวเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ทว่าหากสังเกตให้ดี เขาวางตัวตนในฐานะประมุขเผ่าลงและกล่าวกับเย่หยวนเสมือนคนระดับชั้นเดียวกัน

เป็นที่ชัดแจ้งว่า เขาไม่เต็มใจนักที่จะยั่วยุเย่หยวนเช่นกัน!

 

ด้วยความแกร่งกล้าระดับประมุขเผ่า ยังครั่นคร้ามในตัวเย่หยวนจริงๆ!

ในสายตาของพวกเขาทั้งหมด ตำแหน่งประมุขเผ่านับเป็นจุดสูงสุดของดินแดนสัตว์เทวะแล้ว

 

แต่ใครจะไปทราบ เย่หยวนที่ได้ยินดังนั้นกลับส่ายหัวและกล่าวว่า

“เย่คนนี้มีธุระด่วนจำต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด และไม่สามารถเสียเวลาได้อีก หากมีแค่ท่านบรรพบุรุษเท่านั้นที่สามารถเดินทางกลับไปได้ เช่นนั้นโปรดเชิญท่านมานำทางพวกเราได้หรือไม่?”

 

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเย่หยวน การจะกลับไปยังแดนล่างกลับมิใช่ปัญหาเลยสักนิด

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็อยากกลับไปยังดินแดนไร้สิ้นสุดเช่นกัน เพื่อไปเยี่ยมเยือนพ่อแม่ของเขา

ทว่าการทำเช่นนั้นอย่างน้อยต้องใช้เวลาเดินทางถึงครึ่งหรือหนึ่งปีเต็ม กว่าจะกลับไปถึงเผ่าปีศาจคงยึดครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์เสร็จสรรพแล้วกระมัง

 

ดังนั้นมิอาจล่าช้าได้อีกแล้ว!

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเย่หยวน อ้าวลี่สีหน้ามืดขรึมลงทันใดและกล่าวว่า

“ข้าเองก็ไม่อยากทำเรื่องลำบากแก่เจ้า แต่เจ้ากลับกำลังทำเรื่องลำบากใจให้แก่ข้า?”

 

เย่หยวนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า

“มิใช่ว่าเย่คนนี้ต้องการบีบคั้นผู้คน แต่ยามนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เดือดร้อนหนักไม่สามารถล่าช้าได้อีก หวังว่าท่านประมุขอ้าวจะเข้าใจ”

 

รัศมีแรงกดดันของอ้าวลี่พรั่งพรูออกจากร่างอย่างบ้าคลั่ง ทันทีทันใดแรงกดดันของเผ่ามังกรเข้าประชิดปิดล้อมเย่หยวนโดยตรง

 

“ดูเหมือนว่า เจ้ากำลังบีบให้อ้าวผู้นี้ต้องลงมือจริงๆ!”

 

ทว่าเย่หยวนราวกับมิได้ใส่ใจกับรัศมีแรงกดดันเหล่านี้เลย และกล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“ข้ามิได้เจตนาบีบคั้นท่านจริงๆ แต่หากท่านไม่คิดยื่นมือช่วยเหลือ ข้าคงต้องเชิญท่านบรรพบุรุษออกมาด้วยตนเอง!”

 

“ฟู่วว…”

ทุกคนต่างสูดไอเย็นเข้าปอดอย่างแช้มช้าแสนหวั่นเกรง มนุษย์หนุ่มคนน้ำไม่หยิ่งผยองเกินไปหน่อยรึ?

ปรากฏว่า แม้แต่ท่านประมุขอ้าวก็มิได้อยู่ในสายตาของมนุษย์หนุ่มคนนี้จริงๆ!

ส่วนบรรพบุรุษผู้ลึกลับท่านนั้น ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน เว้นเสียแต่ระดับประมุขเผ่าเท่านั้น

ถึงอย่างไรประมุขอ้าวลี่ผู้นี้ กล่าวขานกันว่าสามารถรับมือกับผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ได้อย่างง่ายดาย

แต่มนุษย์หนุ่มคนนี้หาญกล้าทำตัวผยองต่อหน้าประมุขอย่างไม่เกรงกลัว?

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดี! ดีมาก! อ้าวผู้นี้มิได้ออกเรี่ยวออกแรงในดินแดนสัตว์เทวะมาเสียนานแล้ว วันนี้ขอยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย อยากจะรู้เสียจริงว่า เจ้ามีทุนรอนเพียงใดถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ได้! ถึงขั้นลบหลู่ท่านบรรพบุรุษ อ้าวผู้นี้คงปล่อยผ่านมิได้จริงๆ!”

อ้าวลี่ระเบิดเสียงหัวเราะชุดหนึ่ง ก่อนเร่งโคจรพลังปราณเดตรียมพร้อมสัประยุทธ์

 

ถึงเขาจะค่อนข้างครั่นคร้ามใจตัวเย่หยวน แต่นั้นก็มิได้หมายถึง เขาจะต้องกลัวเย่หยวนเช่นกัน

 

เย่หยวนยามนี้ได้แต่ถอนหายใจอย่างไร้ประโยชน์ เขามิได้มีเจตนารุกรานใดๆ ทั้งหมดที่เขาทำลงไปก็เพียงเพื่อหาวิธีกลับไปยังหุบเขาเหวพระเจ้าเท่านั้น

แต่นี่คงไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป คราวนี้คงต้องเคลื่อนไหวแล้วจริงๆ