ตอนที่1243 ภูมิหลังอันลึกลับ

 

“เจ้าโง่! เด็กนั้นมิได้ทราบถึงความน่ากลัวของท่านประมุขเลยแม้แต่น้อย!”

เมื่อเห็นว่าเย่หยวนเอ่ยวาจารนหาที่ตายเช่นนี้ เขาก็อดสบถด่าเย่หยวนมิได้

ผู้อาวุโสสูงสุดอีกสามคนที่เหลือเองล้วนสนิทชิดเชื้อไม่ต่าง พวกเขาทุกคนล้วนตระหนักทราบถึงความแกร่งกล้าของอ้าวลี่เป็นอย่างดี

 

ถึงพลังการป้องกันของเย่หยวนจะสูงส่งเพียงใด แต่หากต้องการปัดป้องการโจมตีของอ้าวลี่โดยมิให้ได้รับบาดเจ็บใดๆ เกรงว่าเป็นไปไม่ได้

 

เย่หยวนชูมือขึ้นตรงหน้าและกวักนิ้วเรียกทันทีว่า

“เชิญ!”

 

สีหน้าการแสดงออกของอ้าวลี่เหยียบเย็นสะท้าน เขาเอ่ยปากกล่าวเสียงเข้มว่า

“ช่างเป็นเด็กที่หยิ่งยโสอะไรเช่นนี้ คิดเจ้าคิดจริงๆว่าตนไร้เทียมทานเสมอฟ้า? ในเมื่อเจ้าเองก็รู้จักฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้า ฉะนั้นข้าจะใช้สิ่งนี้โจมตีเจ้า!”

 

ทันทีทันใด แรงกดดันของเผ่ามังกรพลันโหมทวีความน่าสะพรึงเป็นหลายสิบเท่าตัว พร้อมสาดรัศมีเข้าปกคลุมทั่วทุกหนแห่งกว้างไพศาล

 

“สมแล้ว! ท่านประมุขอ้าวได้ชื่อว่าเป็นประมุขที่มากพรสวรรค์ที่สุดในรอบหนึ่งแสนปีในดินแดนสัตว์เทวะ! สายเลือดของท่านได้บรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย! ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เย่หยวนอะไรนั้นจะสามารถพลิกฟ้าคว่ำสมุทรได้!”

หลงหยานกล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าสุดหยามเหยียด

 

แต่ในไม่ช้า สีหน้าของทุกคนพลันแข็งทื่อในบัดดล

ภายใต้แรงกดดันของเผ่ามังกรสุดน่าสะพรึงจากร่างกายอ้าวลี่ เย่หยวนยังคงยืนนิ่งสงบคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อพินิจให้ละเอียด กลับพบว่ามีคลื่นรัศมีอ่อนห่อหุ้มกายาเย่หยวนอยู่เช่นกัน

ไม่เพียงอ้าวลี่ เหล่าสมาชิกเผ่าสี่สัตว์เทวะทั้งหมดต่างตื่นตกใจสุดขีดเมื่อเห็นรัศมีนั้น!

 

สายเลือดระดับศักดิ์สิทธิ์!

 

และอีกเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็จะบรรลุกลายเป็นสายเลือดระดับเทวะแล้ว!

แต่…แต่เขาเป็นมนุษย์ นี่เป็นไปได้อย่างไร?

 

 

“ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้า!”

อ้าวลี่ดึงสติกลับมาจากความตกใจ และปลดปล่อยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าเต็มสูบไม่ยั้งมือ!

ทันทีที่ฝ่ามือนี้ถูกปลดปล่อยออกไป ฟ้าดินล้วนวิปลาสเปลี่ยนสีในบัดดล!

 

ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าระดับศักดิ์สิทธิ์!

อ้าวลี่เองก็สำเร็จชีพจรมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วเช่นกัน!

 

เพียงว่าเย่หยวนหาได้ตกใจแม้สักนิด พร้อมกระหน่ำซัดฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าเข้าสวนโดยตรง!

 

“กรรร!!”

 

“กรรร!!”

 

เสียงคำรามแผดไพศาล สองมังกรผงาดเสียดฟ้าเมฆาสูงพร้อมเข้าปะทะชนกลางเวหา!

 

เป็นเวลากว่าหนึ่งแสนปีเต็ม นี่เป็นครั้งแรกที่สองฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าระดับศักดิ์สิทธิ์เข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด

ปรากฏการณ์เช่นนี้ กล่าวได้ว่าหนึ่งโอกาสรับชมต่อหนึ่งยุคสมัยอย่างแท้จริง!

 

มังกรทั้งสองเข้าฟาดฟันบดขยี้กันไปมากลางห้วงเวหา ไม่มีใครด้อยกว่าใครเลยสักนิด!

 

“มิใช่ว่าข้ามองผิดไปใช่ไหม? มนุษย์หนุ่มคนนั้นสำเร็จชีพจรมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์ได้? นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”

 

“เขาคนนั้นเป็นมนุษย์จริงๆรึ? นี่…นี่มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า?”

 

“ไฉนมนุษย์ถึงสามารถปลดปล่อยฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าระดับศักดิ์สิทธิ์ได้? ขนาดข้ายังต้องใช้เวลาศึกษาเข้าใจกว่าหลายร้อยปี นี่เพิ่งจะสำเร็จได้แค่ชีพจรมังกรระดับสวรรค์ขั้นต้นเท่านั้น!”

 

 

………………………..

 

 

แต่ละกระบวนท่าที่เย่หยวนสำแดงออกมา ล้วนทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ตื่นตะลึงไม่หยุดหย่อน

มนุษย์คนนี้โผล่หัวออกมาจากไหนไม่ทราบ แต่กลับเข้ามาที่นี่พร้อมบดขยี้ทุกความภาคภูมิใจของพวกเขาโดยสิ้น

แม้แต่บุคคลที่ทุกคนต่างเลื่อมใสอย่างท่านประมุขอ้าวเอง ณ ปัจจุบันยังถูกเย่หยวนปราบปรามไม่เหลืออันใดแล้ว

 

บูมมมม!!

การปะทะกันของสองฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าระดับศักดิ์สิทธิ์ แรงระเบิดที่ซัดกระจายออกมากระทั้งฟ้าดินยังต้องสั่นสะเทือนหนักหน่วง

 

เย่หยวนถูกแรงระเบิดนี้ซัดกระเด็นออกไปโดยตรง ส่งผลให้อวัยวะภายในปั่นป่วนไปหมด

ทว่าสภาพของอ้าวลี่กลับน่าสังเวชยิ่งกว่า เขาถูกแรงระเบิดเดียวกันนี้ดีดกระเด็นไปไกลโขกว่าหนึ่งหมื่นลี้

 

ในเวลานี้เอง ธารเลือดสดสายหนึ่งพลันหลั่งไหลออกมาจากมุมปากของอ้าวลี่ เห็นได้ชัดว่า เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย

 

“กายทองคำเก้าอรหันต์!”

กวาดสายตามองปวาดเดียว อ้าวลี่ก็ตระหนักทราบได้ทันทีพร้อมหันเข้าจับจ้องเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง

สาเหตุหลักที่ทำให้เขาพ่ายต่อศึกนี้ก็เพราะกายทองคำเก้าอรหันต์ของเย่หยวน!

 

อย่าดูแคลนว่า กายทองคำเก้าอรหันต์ของเย่หยวนคล้ายเครื่องมือช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ หากนำมาผสานรวมกับวรยุทธต่อสู้ นั้นส่งผลให้อนุภาพทำลายล้างเพิ่มพูนขึ้นหลายทวีเท่าจนไม่สามารถประเมินได้!

 

สุดท้ายนี้ กายเนื้อชนิดนี้มีเพียงเซียนอาณาจักรพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้!

 

เย่หยวนป่าวประกาศเสียงดังฟังชัดแผดสะท้านก้อง

“เย่คนนี้เพียงต้องการกลับไปยังหุบเขาเหวพระเจ้าโดยเร็วที่สุด! หวังว่าทุกคนจะไม่บีบคั้นข้าจนมากเกินไป! ด้วยความแกร่งกล้าของเย่คนนี้ หากต้องการกวาดล้างพวกเจ้าทั้งหมด…ก็หาใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!”

 

คำกล่าวของเย่หยวนทำเอาทุกคนถอดสีหน้าซีดเผือกกันยกใหญ่ด้วยความกลัว

เขาคนเดียวสามารถขึ้นท้าทายดินแดนสัตว์เทวะทั้งหมดได้จริงๆ!

ในเวลานี้ แม้แต่ท่านประมุขอ้าวก็มิใช่คู่มือของเขาเช่นกัน หากเขามีเจตนาล้างบางเผ่าสี่สัตว์เทวะจริงๆ นี่มิใช่เรื่องตลกอีกต่อไป

 

สีหน้าการแสดงออกของอ้าวลี่ดูรวนเรอยู่ครู่หนึ่ง หรือเป็นไปได้ไหมว่า ดินแดนสัตว์เทวะทั้งมวลจำต้องก้มหัวให้เด็กเหลือขอตรงหน้าจริงๆ?

 

“เช่นนั้น เจ้าก็พักแรมอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน อ้าวผู้นี้จะพยายามเจรจากับท่านบรรพบุรุษดู”

ในที่สุดอ้าวลี่จำต้องลดระดับศีรษะของตนลงอย่างจนใจ

 

เย่หยวนพยักหน้าตอบ แต่มิได้กล่าวอะไรต่อ

สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ต้อนรับพวกเขา แม้เย่หยวนจะมีข้อสงสัยมากมายอยู่ในหัว แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยปากถามไถ่ใดๆได้เลย

ยามนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ การหาทางย้อนกลับไปยังหุบเขาเหวพระเจ้าและตามหาพฤกษาคุนหวู

นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าแล้ว

 

เพียงว่าตอนนี้เหล่าสมาชิกของเผ่าสี่สัตว์เทวะต่างจ้องมองเย่หยวนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มอสูรน้อยในคราแรกที่พบเจอ พวกนั้นทั้งตะโกนสาปส่งและเยาะเย้ยกันสนุกปาก ทว่าหารู้ไม่ว่า กลับเป็นพวกมันเสียเองที่หาได้สู้จักฟ้าต่ำแผ่นดินสูงไม่

หากเย่หยวนต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ ไม่ว่ากี่ชีวิตพวกเขาก็มีไม่พอ

 

 

…………………

 

 

ด้วยเหตุนี้ เย่หยวนจึงต้องกลับมาค้างแรมที่เผ่ามังกรชั่วคราว

ทว่าภายในอาณาเขตเรือนพักของเย่หยวน เปรียบเสมือนพื้นที่ต้องห้ามไปโดยปริยาย ไม่มีสมาชิกเผ่ามังกรหน้าไหนกล้าย่างกรายเข้าไปแม้สักนิด

 

“อิ้งหมัวหู่ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

เย่หยวนหันไปเอ่ยถามอิ้งหมัวหู่พลางนั่งลงในเรือนรับแขก

 

ก่อนหน้านี้อิ้งหมัวหู่ปิดปากเงียบตลอดทางไม่พูดไม่จา ซึ่งนี่ช่างขัดกับอุปลักษณ์นิสัยของเขาโดยสิ้นเชิง

เย่หยวนที่สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นนี้ จึงทราบทันทีว่าอิ้งหมัวหู่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

 

“พี่ใหญ่ ข้าบอกไม่ถูกเช่นกัน แต่ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก!”

อิ้งหมัวหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยกล่าวตอบ

 

ปลายคิ้วของเย่หยวนพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า

“มันไม่แปลกที่เจ้าจะรู้สึกเช่นนี้ แต่ไฉนข้าถึงรู้สึกเช่นเดียวกัน?”

 

อิ้งหมัวหู่ที่ได้ยินดังนั้นหันควับจับจ้องเย่หยวนอย่างประหลาดใจยิ่ง ก่อนกล่าวว่า

“บางที…อาจเป็นเพราะสายเลือดมังกรในกายท่าน? ข้ารู้สึกได้เลยว่า สายเลือดสัตว์เทวะในดินแดนแห่งนี้บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าภายนอกมาก! ความแข็งแกร่งโดยรวมก็เหนือกว่าเช่นกัน!”

 

เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า

“หากสิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นความจริง แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่ออยู่ในเผ่ามังกรบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์? ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในดินแดนสัตว์เทวะแห่งนี้ ข้ารู้สึกคุ้นเคยเป็นพิเศษอย่างน่าประหลาด!”

 

อิ้งหมัวหู่ครุ่นพินิจอีกครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“พี่ใหญ่ หากย้อนกลับไปในปีนั้น ที่ข้ากล่าวว่ารู้สึกเหมือนมีคนเรียกหาจากภายในป่าแห่งความมืด หรือเป็นไปได้ไหมว่า…ข้าจะเกิดที่นี่?”

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางเมื่อได้ยืนและกล่าวว่า

“นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร? ในปีนั้นที่ข้าเจอเจ้า เจ้ายังเป็นแค่สัตว์อสูรระดับหนึ่ง ส่วนแม่เจ้าเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับสองเท่านั้น! มีสัตว์อสูรระดับสองที่ไหนสามารถฝ่าออกจากที่แห่งนี้ได้?”

 

 

อิ้งหมัวหู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนรู้สึกว่าตนกำลังคิดมากเกินไป

ระหว่างป่าแห่งความมืดกับดินแดนไร้สิ้นสุด ถูกคั้นกลางด้วยแดนเทพอสูรต้องห้าม

ดังนั้นแล้ว สัตว์อสูรระดับสองจะสามารถฝ่าออกไปได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของอิ้งหมัวหู่ยังเป็นแค่สัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป

บางทีสัตว์อสูรเหล่านี้เองก็อาจมีสายเลือดสัตว์เทวะผสมเจือปนอยู่บ้างก็จริง แต่นั้นเป็นปริมาณที่เบาบางจนแทบมองข้ามไปเลยก็ยังได้

 

ในขณะเดียวกัน ลี่เอ๋อที่นั่งเงียบอยู่นานก็โพล่งกล่าวขึ้นราวกับนึกอะไรบางอย่างออก

“พี่ใหญ่หยวน ข้าว่าเรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

 

คู่ดวงตาไสวของเย่หยวนพลันสว่างขึ้นและกล่าวว่า

“เจ้าหมายความอย่างไรกัน?”

 

ลี่เอ๋อกล่าวอธิบายทันทีว่า

“พี่ใหญ่หยวน ฤทัยแห่งฟ่านจู้หลงของท่านเองก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะถือกำเนิด หนึ่งล้านปีถึงจะลงมาจุติสักครั้งมิใช่รึ? แถมท่านเองก็ยังเป็นมนุษย์แต่กลับมีกายวิญญาณในตำนานของเผ่ามังกร เรื่องนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้กว่าหรอกรึ? ในความเห็นของข้า ถึงแม้แม่ของอิ้งหมัวหู่จะมีสายเลือดค่อนข้างจาง แต่บรรพบุรุษต้นสายพันธุ์อาจเคยอาศัยอยู่ในดินแดนสัตว์เทวะมาก่อน?”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของลี่เอ๋อ ทั้งเย่หยวนและอิ้งหมัวหู่พลันล้มลงในความคิดของตัวเองอีกครั้ง