บทที่ 413 ชะตากรรมของสวี่อี้ / บทที่ 414 กลับมาแล้ว Ink Stone_Romance
บทที่ 413 ชะตากรรมของสวี่อี้
อีกทั้ง…
ถ้าหากเธอจำไม่ผิดละก็ สายจุดฉนวนระเบิดของโศกนาฎกรรมทั้งหมดของสวี่อี้ มีความเกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่นกับเรื่องที่ซือเยี่ยหานถูกลอบฆ่าครั้งนี้
ในชาติก่อนเรื่องใหญ่อย่างเรื่องที่ซือเยี่ยหานถูกลอบฆ่า ตระกูลซือย่อมต้องสืบหาตัวการให้ได้
เมื่อตรวจสอบ สุดท้ายก็สืบมาถึงคนของตัวเอง ในบริษัทมีหนอนบ่อนไส้
และหนอนบ่อนไส้คนนี้…ก็คือสวี่อี้คนสนิทที่ซือเยี่ยหานเชื่อใจและไว้วางใจที่สุด…
เพราะตำแหน่งและอิทธิพลของสวี่อี้ ทำให้ในเวลานั้นตกใจกันทั้งตระกูลซือ
เวลานั้นซือเยี่ยหานยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ผู้ที่จัดการเรื่องนี้คือคุณหญิงย่า ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทรวมทั้งผู้อาวุโสของตระกูล
พนักงานระดับสูงภายในหลายคนร่วมมือกันสืบสวน สุดท้ายตัดสินว่าหลักฐานเชื่อถือได้
อุปกรณ์ถูกขโมย ทีมบอดี้การ์ดทั้งหมดกับบอดี้การ์ดลับเสียหายอย่างหนัก มีคนเจ็บและตายนับไม่ถ้วน ตัวซือเยี่ยหานก็ยังสลบไสลไม่ได้สติจนถึงตอนนี้ ความผิดใหญ่หลวงเช่นนี้ ส่วนวิธีลงโทษสวี่อี้คนทรยศคนนี้ของตระกูลซือแค่คิดก็รู้แล้ว
เวลานั้นสวี่อี้พยายามอธิบายสุดชีวิต ขอร้องคนไปทั่ว ปฏิเสธว่าเขาไม่เคยทำเรื่องพวกนี้ แต่ภายใต้หลักฐานเช่นนั้น ไม่มีใครเชื่อเขาหรือยืนอยู่ข้างเขาเลย
สุดท้าย สวี่อี้ที่หัวเดียวกระเทียมลีบถูกฆ่าล้างตระกูล มีเพียงตัวสวี่อี้เองที่โชคดีรอดไปได้
แต่สำหรับสวี่อี้แล้ว การมีชีวิตอยู่เจ็บปวดยิ่งกว่าตายเสียอีก
ต้องแบกรับชื่อว่าเป็นคนทรยศที่ไม่อาจล้างมลทินชั่วชีวิตและความเจ็บปวดที่ถูกฆ่าล้างตระกูล ชีวิตที่เหลือล้วนอยู่ในความเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด…
เยี่ยหวันหวั่นจำได้ว่าตอนที่ซือเยี่ยหานหาตัวเขาพบ สวี่อี้พิการขาขวาไปแล้ว นอนสกปรกอยู่ใต้สะพานลอย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจล่องลอย
แม้ว่าหลังจากซือเยี่ยหานฟื้นขึ้นมาและสืบรู้ถึงผู้ร้ายหลังม่านตัวจริง แต่ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้สำหรับสวี้อี้ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว
จากนั้น ซือเยี่ยหานก็รับสวี่อี้กลับไป ส่งคนคอยดูแลรักษา แต่ว่าผ่านไปไม่นาน สวี่อี้ก็หายตัวไปในคืนที่ฝนตกหนัก นับแต่นั้นก็ไม่ปรากฏตัวอีก ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย…
หลังจากนั้น ข้างกายซือเยี่ยหานก็ไม่มีคนใกล้ชิดเช่นนี้อีกเลย ชื่อสวี่อี้ชื่อนี้ กลายเป็นคำต้องห้ามที่ทุกคนไม่กล้าเอ่ยถึง
ดังนั้นพูดได้ว่า จุดจบของสวี่อี้ในชาติที่แล้วจึงน่าเวทนามากจริงๆ…ไม่ใช่น่าเวทนาธรรมดา…
เมื่อชาติก่อน เรื่องทุกอย่างของเธอก็เป็นสวี่อี้ที่ดูแลรับผิดชอบทั้งหมด เวลานั้นเธอแทบจะก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน คนที่มาเก็บกวาดแก้ไขล้วนเป็นสวี่อี้เสมอ
แม้ว่าสวี่อี้จะมีท่าทีระแวดระวังเธอ แต่ก็รับผิดชอบหน้าที่อย่างสุดความสามารถตลอด ทั้งยังช่วยปกปิดเรื่องรนหาที่ตายของเธอไม่น้อย พยายามบรรเทาความขัดแย้งและแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับซือเยี่ยหาน นับตั้งแต่ที่สวี่อี้จากไป คืนวันของเธอในตระกูลซือก็ลำบากมากยิ่งขึ้น
และในชาตินี้ สวี่อี้ก็ช่วยเธอมากมาย…
หากสามารถทำได้ เธอหวังว่าจุดจบของสวี่อี้จะไม่น่าเวทนาขนาดนี้…
“คุณหนูหวันหวั่น… คุณหนูหวันหวั่น…”
ข้างหูพลันแว่วเสียงเรียกของสวี่อี้ ทำให้เยี่ยหวันหวั่นที่กำลังจมอยู่ในความคิดได้สติกลับคืนมา “อะไรเหรอ?”
“บาดแผลหลิวอิ่งและซ่งจิ้งได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว พวกเราออกเดินทางได้แล้ว” สวี่อี้เอ่ยขึ้น
“อ้อ โอเค” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าชาติที่แล้วจุดจบของสวี่อี้จะน่าเวทนามาก แต่วงโคจรความเป็นไปของชาตินี้ถูกเธอเปลี่ยนแปลงไปตั้งมากมาย ตามหลักการของทฤษฎีปีกผีเสื้อ ชะตาชีวิตของสวี่อี้เป็นไปได้มากว่าจะเปลี่ยนไปด้วยละมั้ง?
บางทีชาตินี้ เรื่องราวอาจจะไม่ได้เป็นไปแบบนั้นก็ได้
ขอให้เป็นเธอที่กังวลเกินกว่าเหตุไปเองด้วยเถอะ…
ไม่อย่างนั้น ในขณะที่ซือเยี่ยหานกำลังสลบไสลไม่ได้สติ สถานการณ์ของสวี่อี้จะต้องแย่มากแน่ๆ …
………………………………………………………….
บทที่ 414 กลับมาแล้ว
ณ คฤหาสน์ตระกูลซือ
คุณหญิงย่ากำลังหารือด่วนเรื่องช่วยชีวิตอยู่กับฉินรั่วซี บอร์ดบริหาร และเหล่าผู้บุกเบิกของตระกูลทั้งหลาย ก็มีเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบดังมาจากด้านนอกประตู
จากนั้น ประตูห้องหนังสือก็ถูกผลักเปิดเข้ามา สาวใช้สีหน้าตื่นเต้น เอ่ยเสียงหอบหืด “เรียนคุณ…คุณหญิงใหญ่…คุณชายเก้ากลับ…พวกเขากลับมาแล้วค่ะ!”
คุณหญิงย่าอึ้งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่สีหน้าจะแสดงความยินดีอย่างยิ่งพลางถามย้ำ “เธอว่าอะไรนะ? เจ้าเก้ากลับมาแล้ว?”
ฉินรั่วซีก็ลุกขึ้นพรวดพราด เอ่ยถาม “พวกเขาอยู่ที่ไหน?”
“มาถึงหน้าประตูแล้วค่ะ!”
คุณหญิงย่าพยายามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวเร่ง “เร็ว! รีบประคองฉันไป!”
พ่อบ้านรีบมาประคองคุณหญิงย่า เร่งฝีเท้าเดินไปยังประตูใหญ่
หลังจากที่คุณหญิงย่าได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้ก็แทบจะยืนไม่อยู่ เวลานี้ฝีเท้ากลับว่องไวราวกับเหาะ เพราะอยากจะพบหน้าหลานชายใจจะขาด
เป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงด้านนอกประตูมีรถสามสี่คันจอดอยู่ สวี่อี้ หลิวอิ่งและคนอื่นๆ ทยอยลงรถเป็นลำดับ
จากนั้นซือเยี่ยหานก็ถูกประคับประคองหามลงมาจากรถ สีหน้าตื่นเต้นของคุณหญิงย่าพลันเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ “เจ้าเก้าได้รับบาดเจ็บ?”
สวี่อี้รีบปลอบใจ “คุณชายเก้าไม่ได้บาดเจ็บครับ คุณหญิงใหญ่สบายใจได้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้คุณชายโหมงานหนักเกินไปจนหมดสติ ขอคุณหญิงใหญ่รีบเชิญหมอซุนมาดูอาการคุณชายเถอะครับ!”
ในใจของคุณหญิงย่ามีคำถามมากมาย แต่เวลานี้ความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่สุขภาพของหลานชาย จึงรีบสั่งให้พ่อบ้านส่งคนไปเชิญซุนไป๋เฉา แล้วให้คนรีบหามซือเยี่ยหานเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
เพียงครู่เดียว ซือเยี่ยหานก็ถูกรุมล้อมด้วยคุณหญิงย่า ฉินรั่วซี เหล่าผู้บุกเบิกและพวกคนใช้
ไม่นานเยี่ยหวันหวั่นก็ถูกเบียดออกมาอยู่นอกวงแล้ว ได้แต่มองอยู่ข้างหลังไกลๆ
ด้านในห้องนอน
หลังจากย้ำจนมั่นใจแล้วว่าหลานชายไม่ได้บาดเจ็บอะไร เพียงแต่โหมงานหนักจนหมดสติ หัวใจของคุณหญิงย่าถึงได้ค่อยๆ ผ่อนคลายลงไป แต่ได้เห็นใบหน้าซีดโทรมของหลานชาย เพราะเหนื่อยมากจนถึงขั้นโคม่า ขอบตาของเธอพลันแดงกร่ำขึ้นมา มือสั่นเทากุมนิ้วมือของหลานชายไว้แน่น
รอกระทั่งอารมณ์สงบลงไปได้บ้างแล้ว คุณหญิงย่าก็ปรับสีหน้าเป็นปกติทันที พลางหันไปเอ่ยกับสวี่อี้และพวก “สรุปว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่? แล้วพวกนายหนีกลับมาได้อย่างไร?”
สวี่อี้เรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรายงานเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดให้คุณหญิงย่าและผู้คนฟังอย่างเป็นระเบียบชัดเจนรอบหนึ่ง
“วันที่สามระหว่างการเดินทางไปยังประเทศ B ขณะที่กำลังเตรียมจะออกเดินทางนั้น สุขภาพของคุณชายเก้าก็ทรุด หมดสติล้มลงไปกระทันหัน ไม่นานบอดี้การ์ดสายลับก็ได้ข่าวว่าประเทศ B ถูกอำนาจกลุ่มหนึ่งควบคุมอยู่ สุดท้ายสืบหาความจริงจึงได้ทราบว่าอำนาจนั้นก็คือพันธมิตรเลือด
ในตอนนั้นการติดต่อกับภายนอกของพวกเราถูกตัดขาด เกือบอยู่ในสถานการณ์โดนลอบฆ่า คุณหญิงใหญ่ท่านน่าจะทราบดีว่าพันธมิตรเลือดหมายถึงอะไร ต่อให้พวกเราพากำลังคนไปเพิ่มอีกสองสามเท่า ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านั้น
ในสถานการณ์แบบนี้ ผมจึงต้องแบ่งทีมหนึ่งเพื่อให้พวกเขาคอยคุ้มกันพาคุณหนูหวันหวั่นหนีไป เป้าหมายของพวกนั้นชัดเจนว่าคือตระกูลซือ จึงไม่น่าจะสนใจหากคนไม่สำคัญจะหายไปสักคน…”
เพราะกังวลว่าคุณหญิงใหญ่จะตำหนิสวี่อี้ สิบเอ็ดที่อยู่ข้างๆ ได้กล่าวเสริม “สถานการณ์ในตอนนั้น ต่อให้พวกเราจะรั้งอยู่ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ ดังนั้นผู้ช่วยสวี่จึงให้พวกเราคุ้มกันคุณหนูหวันหวั่นหนีไป”
สำหรับวิธีการของสวี่อี้ คุณหญิงย่าไม่อาจตำหนิว่าเขาทำไม่ถูก
“สวี่อี้เป็นคนที่เข้าใจเจ้าเก้าดีที่สุด หากว่าตอนนั้นเจ้าเก้ามีสติอยู่ก็จะต้องทำแบบนี้เหมือนกัน” คุณหญิงย่าแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ก็ยังขมวดคิ้วย่นอยู่หน่อย ภายใต้รอยย่นของคิ้วแฝงไว้ด้วยความผิดหวังหลายส่วน
…………………………………