บทที่ 415 อย่างไรแล้วก็เป็นคนนอก / บทที่ 416 เป็นเพียงการสั่งสอน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 415 อย่างไรแล้วก็เป็นคนนอก / บทที่ 416 เป็นเพียงการสั่งสอน Ink Stone_Romance

บทที่ 415 อย่างไรแล้วก็เป็นคนนอก

ได้ฟังรายงานของสวี่อี้แล้ว ผู้อาวุโสตระกูลซือหลายคนที่อยู่ในห้องด้วยต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม

ว่าที่นายหญิงตระกูลซือ ตำแหน่งนี้มีคนหมายปองอยู่ตั้งเท่าไหร่?

ทีแรกข้างกายของซือเยี่ยหานก็ไม่มีผู้หญิงคนไหน ทุกคนก็ยังอยู่ในความสงบไม่มีปัญหาอะไรได้ ใครจะรู้ซือเยี่ยหานจู่ๆ ก็พาผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งไปพบคุณหญิงย่าที่บ้านใหญ่ ทำลายความสงบอันผิวเผินนี้เสียแล้ว

ติดที่กำลังน่าเกรงขามของซือเยี่ยหาน ทุกคนจึงพากันเงียบปากกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในใจจะไม่มีข้อเห็นต่าง ทว่าความขัดแย้งและความไม่พอใจนี้กลับค่อยๆ รุนแรงขึ้นตามกาลเวลา

หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลที่นั่งอยู่ที่โซฟา ในมือยกกาปั้นชาเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “คุณหนูท่านนั้นอย่างไรแล้วก็เป็นคนนอก ความจริงไม่จำเป็นต้องมาลำบากกับเรื่องในตระกูลซือของพวกเรา การกระทำของผู้ช่วยสวี่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉันเองก็เห็นด้วยอย่างมาก”

พูดมาถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสตระกูลซือชำเลืองหางตาอย่างไม่แยแสไปทางเยี่ยหวันหวั่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตอนนี้เป็นการพูดคุยความลับและเรื่องภายในครอบครัวของพวกเรา ขอเชิญคุณหนูท่านนี้กลับไปเถิด”

เยี่ยหวันหวั่นมองไปทางคนที่พูดอยู่อย่างใจเย็น

การแก่งแย่งภายในตระกูลซือระหว่างญาติสายตรงและสายรองเข้มข้นอย่างมาก แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายมากมาย คนผู้นี้ที่พูดอยู่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลฉิน ในชาติก่อนเขาคือหนึ่งในผู้สนับสนุนคนสำคัญของฉินรั่วซี

เดิมทีคนที่มีความหวังจะได้ขึ้นเป็นนายหญิงของตระกูลมากที่สุดก็คือฉินรั่วซี เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์กับตระกูลฉิน คนเหล่านี้ได้ลงทุนเบี้ยต่อรองไปไม่น้อย ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันช่างเหนียวแน่นซับซ้อน ผลประโยชน์ถูกวางตัวไม่อาจเปลี่ยนแปลงไว้แต่แรกแล้ว แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งโผล่ขึ้นมายึดครองตำแหน่งนี้ไป แล้วพวกเขาจะยังนั่งติดเก้าอี้ได้อีกเหรอ?

อีกทั้งคนเหล่านี้เก่งเรื่องพิจารณาคำพูดและการสังเกตสีหน้า เกรงว่าคงจะมองออกที่คุณหญิงย่าไม่พอใจเยี่ยหวันหวั่น จึงใช้โอกาสที่ดีนี้กำจัดเธอเสียเลย

ด้วยคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ ก็ปฏิเสธสถานะของเธอกลางสาธารณชนแล้ว

เป็นตามคาด แม้ว่าคุณหญิงย่าจะขมวดคิ้วย่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดว่าอะไร

ไปก็ไป หลายวันมานี้มีเรื่องอกสั่นขวัญหายอยู่ตลอด เธอง่วงนอนไม่ไหวแล้วอยากจะกลับไปพักเหลือเกิน ไม่สนใจอยากฟังคนพวกนี้ร่ายยาวอยู่ที่นี่สักหน่อย

แต่ว่า…

เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองไปทางสวี่อี้อย่างไม่แน่ใจ ช่วงเวลาในชาติก่อน หนอนบ่อนไส้ตัวจริงต้องการที่จะปกปิดความผิดตัวเอง  คนของซือเยี่ยหานเพิ่งจะกลับมา พวกเขาก็ชิงลงมือกับสวี่อี้ทันที โยนความผิดหนอนบ่อนไส้ให้เขาคาที่ ปล่อยให้เขากลายเป็นแพะรับบาป…

เธอรู้สึกมีลางสังหรณ์ แม้ว่าผลลัพธ์ของเรื่องราวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะการยื่นมือเข้าไปแทรกของเธอนั้น แต่ว่าเรื่องราวครั้งนี้ตระกูลซือจะต้องสืบหาตัวคนร้ายให้ได้ หลังจากที่แผนการของคนพวกนั้นล้มเหลว มีความเป็นไปได้อย่างมากที่พวกเขาจะลากใครสักคนมาช่วยปกปิดความผิดของพวกเขาเอง

ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมามีความเป็นไปได้ว่าจะเหมือนกับในชาติก่อน…

เห็นเยี่ยหวันหวั่นยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ท่าทางหน้าด้านไม่สนใจ สายตาของผู้อาวุโสประกายความเย็นชาอยู่หลายส่วน พูดซ้ำอีกครั้ง “คุณหนูท่านนี้ยังมีธุระอะไรหรือ? หากไม่มีแล้วก็ขอเชิญคุณออกไปด้วย”

เวลานี้เอง ฉินรั่วซีก็เอ่ยแก้ไขสถานการณ์ “คุณอาเฝิงคะ คุณหนูเยี่ยเป็นแฟนของอาจิ่ว และก็เป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลซือ ไม่ถือว่าเป็นคนนอก”

คำพูดของฉินรั่วซีเพิ่งจะจบลง ก็มีเสียงเย้ยหยันอย่างเย่อหยิ่งเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอกประตู “เหอะ นายหญิงของตระกูล? น่าตลกสิ้นดี! คนแบบเธอคู่ควรด้วยเหรอ?”

ผู้อาวุโสมองไปทางหญิงสาว “ชิ่นอวี้ เธอมาได้อย่างไร?”

“พ่อคะ หนูมาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าค่ะ เมื่อครู่ที่หน้าประตูบังเอิญได้ยินพวกพ่อคุยกันว่าพวกพี่เก้าเผชิญอันตราย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทิ้งพี่เก้าและพวกพ้องหนีเอาตัวรอดคนเดียวไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย!” เฝิงชิ่นอวี้กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

…………………………………

บทที่ 416 เป็นเพียงการสั่งสอน

สวี่อี้ได้ฟังเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เกรงว่าคงต้องเสียมารยาทขัดคำพูดของเฝิงชิ่นอวี้เสียแล้ว พยายามจะอธิบาย “คุณหนูเฝิงครับ เรื่องเมื่อครู่ผมยังเล่าไม่จบเลย ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเข้าใจ…”

ผลที่ออกมา สวี่อี้ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกชิ่นอวี้ตะคอกใส่เสียงแข็งกร้าว “นายเป็นบ้าอะไร! ฉันกำลังพูดอยู่กับคุณพ่อ นายมาพูดแทรกได้อย่างนั้นเหรอ? แม้แต่ปกป้องเจ้านายก็ยังทำไม่ได้ ตระกูลซือเลี้ยงคนอย่างนายไว้จะมีปะโยชน์อะไร?”

สวี่อี้โดนตวาดดุด่าเช่นนี้ สองมือกำหมัดแน่นโมโหจนใบหน้าใบหูแดงกร่ำ สิบเอ็ดที่กำลังเตรียมจะเอ่ยพูดก็สีหน้าแย่ไม่ต่างกัน

เฝิงชิ่นอวี้ส่งสายตาดูถูกดูแคลนมองเยี่ยหวันหวั่นราวกับมองสิ่งต่ำต้อย “ในเมื่อเขาคือว่าที่นายหญิงของตระกูลที่พี่เก้ากำหนดไว้ ในสถานการณ์แบบนี้ก็ควรอยู่เคียงข้างกับคนในตระกูล ต่อให้จะไม่ได้ร่วมเป็นร่วมตายกัน แต่ก็ไม่ควรหนีเอาตัวรอดคนเดียว!

คนที่รักตัวกลัวตายขนาดนี้ ยอมทิ้งพี่เก้าและพรรคพวกหนีเอาชีวิตรอดคนเดียว จะรับหน้าที่นายหญิงของตระกูลได้อย่างไรไหว? ตามกฎตระกูลซือแล้ว เพียงแค่ละทิ้งพรรคพวกข้อนี้ข้อเดียวก็ควรถูกลงโทษทุบตีจนตายแล้วเอาซากไปโยนให้สุนัขกิน!”

จะแค่ให้ขับไล่เธอไปอย่างเดียว จะเป็นการดูถูกเธอเกินไปหน่อยแล้ว!

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้ฟังต่างก็เบนสายตาไม่แยแสมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น แสดงออกว่าสนับสนุนกับเรื่องนี้

“ชิ่นอวี้พูดถูกต้อง เมื่อครู่คุณเฝิงเพียงแต่ให้เธอออกไป ก็ถือว่าไว้หน้าเธอมากพอแล้ว”

“ต่อให้ก่อนหน้านี้สถานะของเธอจะเป็นอะไร นับตั้งแต่วินาทีที่เธอทอดทิ้งพรรคพวก เธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับตระกูลซืออีกแล้ว!”

“ในเมื่อเธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนนอก ยังพยายามอย่างไร้ประโยชน์กับสถานะนี้ เช่นนั้นก็สนองความปรารถนาของเธอทำตามกฎตระกูลก็แล้วกัน!”

……

เห็นเยี่ยหวันหวั้นไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้น เฝิงชวี่อี้ค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเธอ เอ่ยพลางผุดขำ “ฮ่า พอพูดถึงกฎตระกูลแล้วก็เงียบไปเลยเหรอ? เธอไม่ได้อยากเป็นนายหญิงของตระกูลหรอกเหรอ? ทำไมมาตอนนี้ก็ไม่กล้ารับแล้วล่ะ?

ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ผู้หญิงอย่างเธอฉันเห็นมามาก เพื่อเงินทองและความมักใหญ่ใฝ่สูงแล้ว ไม่ว่าวิธีการจะน่ารังเกียจแค่ไหนก็ทำออกมาได้ อยากจะได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของตระกูลงั้นเหรอ? ผู้หญิงอย่างเธอต่อให้เป็นแค่ของเล่นของพี่เก้าฉันก็รังเกียจ!”

ได้เห็นกุลสตรีผู้สูงส่งมาพูดจาถากถางตนเองเช่นนี้ นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันเย็นชา ความทรงจำสารพัดในชาติก่อนก็ผุดขึ้นมา

เฝิงชิ่นอวี้ พบกันอีกแล้วนะ…

ความพุ่งพล่านในแววตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันหายวับไป ก่อนจะส่งสายตาบอกเป็นนัยว่าอย่าวู่วามไปให้สวี่อี้และสิบเอ็ด จากนั้นก็ค่อยๆ มองเฝิงชวี่อี้ “คุณหนูเฝิง ไม่ทราบว่าจะขอถามคุณสักคำถามได้ไหม”

เฝิงชวี่อี้เหล่สายตามองเธออย่างไม่รีบร้อนอะไร “ได้สิ ถามมา!”

เธอก็อยากจะเห็นเหมือนกันใกล้จะตายอยู่แล้ว เขายังจะเล่นไม้ไหนได้อีก!

“จากคำพูดทั้งหมดของคุณหนูเฝิงเมื่อครู่นี้ แสดงว่ายอมรับแล้วว่าฉันมีสถานะเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลใช่ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม

เฝิงชิ่นอวี้สองแขนกอดอก หน้าตาแสดงออกถึงความเย้ยหยันและดูแคลน “พี่เก้ากับคุณย่าต่างก็ยอมรับแล้ว ฉันจะกล้าไม่ยอมรับได้ด้วยเหรอ?”

ผู้หญิงโง่คนนี้ มาถึงตอนนี้แล้วก็ยังเบ่งกับสถานะนี้ไม่ยอมปล่อย

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นเหลือบไปพูดกับสวี่อี้ “พ่อบ้านสวี่ กฎตระกูลมีระบุความผิดนี้หรือไม่ว่า คนที่ล่วงเกินนายหญิงของตระกูลจะต้องถูกลงโทษอย่างไร?”

สวี่อี้ตอบไปตามจิตใต้สำนึก “ตามกฎตระกูลแล้ว ผู้ที่ล่วงเกินนายหญิงของตระกูลต้องถูกลงโทษสถานหนัก…”

วินาทีที่สวี่อี้กำลังพูด ก็ได้ยินเสียงดัง “เผี่ยะ!”

เยี่ยหวันหวั่นตบหน้าเฝิงชวี่อวี่ไปหนึ่งฉาดอย่างแรง ท่ามกลางสายตาตะลึงงันของทุกคน

เฝิงชิ่นอวี้ถูกตบจนบื้อไปเลย กุมหน้าตัวเองอึ้งงัน คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก แม้แต่คุณหญิงใหญ่ที่มองดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ตั้งแต่ต้นยังต้องชำเลืองไปมอง

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เยี่ยหวันหวั่นเก็บมือกลับมาอย่างใจเย็น แล้วเอ่ยสบายๆ “โทษหนักไม่ต้องแล้ว ตบนี่ให้ถือว่าเป็นการสั่งสอนคุณหนูเฝิงก็แล้วกัน”

…………………………………