บทที่ 417 ช่วยชีวิตของทุกคนไว้ / บทที่ 418 ผู้ร้ายหลังม่าน Ink Stone_Romance
บทที่ 417 ช่วยชีวิตของทุกคนไว้
“เธอตบฉัน…เธอกล้าตบฉันงั้นเหรอ! ของเล่นสกปรกต่ำต้อยอย่างเธอกล้ามาใช้อำนาจนายหญิงกับฉันงั้นเหรอ! กล้ามาสั่งสอนฉันอีก!”
เฝิงชิ่นอวี้โกรธหน้าบวมเป็นสีตับหมู ยกมือหมายจะตบแรงๆ กลับไปที่เยี่ยหวันหวั่น “ชั้นต่ำ!”
วินาทีถัดมา สวี่อี้และสิบเอ็ดขยับขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งพร้อมกัน บังอยู่ข้างหน้าของเยี่ยหวันหวั่นราวกับกำแพงหินสองแผ่น
สิบเอ็ดเอ่ยว่า “คุณหนูเฝิง! อย่าเสียมารยาทกับคุณหนูหวันหวั่น!”
สวี่อี้กล่าว “ขอคุณหนูเฝิงช่วยระวังคำพูดด้วย”
เฝิงชิ่นอวี้หน้าตาโกรธเคืองถลึงตาจ้องคนทั้งสอง “ดี…ช่างดีเหลือเกิน…ช่างเป็นสุนัขสองตัวที่ซื่อสัตว์ภักดีเหลือเกิน! พวกนายหลงเสน่ห์ของนังจิ้งจอกคนนี้จนลืมไปแล้วเหรอว่าเจ้านายของตัวเองคือใคร? ถึงได้มาปกป้องคนชั้นต่ำที่รักตัวกลัวตายลืมหน้าที่เนรคุณแบบนี้?”
นัยน์ตาของสิบเอ็ดประกายรังสีสังหาร แววตาไร้ซึ่งความอบอุ่นพลันกล่าว “คุณหนูเฝิงครับ จริงอยู่ที่คุณหนูหวันหวั่นไม่ได้เลือกสู้ตายไปพร้อมกับพวกเรา แต่ว่าเธอช่วยชีวิตของพวกเราทุกคนไว้!”
เฝิงชิ่นอวี้ชะงักงัน แค่นหัวเราะกล่าวเย้ยหยัน “ช่วยชีวิตทุกคน? อาศัยคนอย่างเธอเนี่ยนะ? เพื่อปกป้องนังจิ้งจอกนี้แล้ว คำพูดอะไรพวกนายก็สามารถพูดออกมาได้หมดเลยเหรอ! ถึงขนาดกล้าพูดจาพล่อยๆ ต่อหน้าคุณย่า และต่อหน้าพวกเราทุกคนตั้งมากมายเพียงนี้!”
“ชิ่นอวี้ ใจเย็นก่อน!” คุณหญิงย่าสายตาดุมองไปทางเฝิงชิ่นอวี้ แล้วมองไปทางสิบเอ็ดพลันเอ่ยถาม “สิ่งที่นายพูดเมื่อครู่ เป็นเรื่องจริงไหม?”
เผชิญหน้ากับสายตาความสงสัยของคุณหญิงย่าและผู้อาวุโสทุกคนในที่นี่ สายตาของสิบเอ็ดไม่มีความหวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย “ผมไม่กล้าพูดจาปดเท็จสักคำ หากไม่ได้คุณหนูหวันหวั่นช่วย พวกเราเหล่านี้รวมถึงนายท่าน ในเวลานี้เกรงว่าคงจะกลายเป็นศพกันหมดแล้ว!
คุณหนูหวันหวั่นไหวพริบเหนือธรรมดา ยิ่งต้องชื่นชมในความกล้าหาญ ในตอนนั้นเธอก็แค่แกล้งตามพวกเราหนีไป ถัดมาได้เสนอความคิดให้พวกเราปลอมตัวเป็นกลุ่มอำนาจหนึ่งเดียวที่พันธมิตรเลือดเกรงกลัวมากๆ ออกไปขับไล่พวกพันธมิตรเลือดจนตกใจกลัวล่นถอยไปทั้งหมด พวกเราถึงได้มีโอกาสปลีกตัวหนีออกมาเช่นนี้! เมื่อครู่คุณหนูเฝิงพูดจาดูถูกจาบจ้วงคุณหนูหวันหวั่นเช่นนี้ เป็นการกระทำที่เกินไป!”
แม้ว่าการอธิบายซ้ำขึ้นมาในเวลานี้ จะเป็นคำพูดไม่กี่คำของความรู้สึกหลังผ่านความลำบากมาแล้ว ทว่ามีเพียงพวกเขาคนที่เจอเรื่องราวกับตัวถึงจะรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นตื่นเต้นน่าตกใจเพียงใด ความประมาทแม้เพียงเล็กน้อยเท่ากับการไม่มีทางจะฟื้นคืนได้อีกตลอดกาล
สวี่อี้ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเสริม “ในตอนนั้นคนของพวกเราได้ต่อสู้กับพันธมิตรเลือดแล้ว หลิวอิ่งและซ่งจิ้งต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่คุณหนูหวันหวั่นนำทีมสายลับทีม1 มาช่วยไว้ทันเวลา ในตอนแรกพวกเราก็เข้าใจคุณหนูหวันหวั่นผิดไป กระทั่งอันตรายได้จบสิ้นลง สิบเอ็ดและพวกได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง พวกเราถึงได้รู้ความจริง!”
หลังจากที่สิบเอ็ดและสวี่อี้พูดจบ สถานการณ์จมดิ่งสู่บรรยากาศที่เงียบแบบแปลกๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งผู้คนถึงได้สติกลับมา ผู้อาวุโสหลายท่านในที่นี้ต่างสบตามองหน้ากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เรื่องจริงหรือเท็จ? สุดท้ายเป็นเธอยัยเด็กผู้หญิงที่ไปช่วยทุกคนออกมางั้นเหรอ?”
“เป็นไปได้อย่างไร…ฉันนึกว่าเป็นกลุ่มอำนาจที่เก่งกาจอะไรเข้าไปช่วยเหลือเสียอีก…”
……
คุณหญิงย่ามองไปทางหลิวอิ่งที่ไม่พูดอะไรเลยอยู่คนเดียว เอ่ยถามเสียงจริงจัง “หลิวอิ่ง ที่สวี่อี้และสิบเอ็ดพูดเมื่อครู่ เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
หลิวอิ่งเม้มริมฝีปาก แม้ว่าเขาจะไม่พอใจเยี่ยหวันหวั่นอยู่หลายส่วน แต่ก็ไม่อาจพูดโกหกในสถานการณ์แบบนี้ได้ สุดท้ายก็ก้มหน้าตอบกลับด้วยความสัจจริง “เรียนคุณหญิงใหญ่ เป็นความจริงครับ เป็นความคิดของคุณหนูเยี่ยที่ช่วยพวกเราไว้จริงๆ”
ได้ยินหลิวอิ่งตอบเช่นนี้ นัยน์ตาของฉินรั่วซีเป็นระลอกคลื่นอย่างไม่ทันสังเกตได้
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร…” เวลานี้เอง เฝิงชิ่นอวี้หน้าเปลี่ยนไปทันที
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนังสุนัขจิ้งจอกที่เก่งแต่อวดความสวยคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตพี่เก้าพวกเขาไว้…
…………………………………
บทที่ 418 ผู้ร้ายหลังม่าน
เฝิงชิ่นอวี้กัดฟันกรอด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดพึมพำว่า “เจ้าปัญญาอะไรกัน ก็แค่ใช้ไหวพริบทำฉลาดนิดหน่อย! ใครจะทำไม่ได้!”
ได้ยินคำพูดของเฝิงชิ่นอวี้ สายตาของสิบเอ็ดเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แค่ใช้ไหวพริบทำฉลาดนิดหน่อยอย่างนั้นเหรอ? คุณหนูไฮโซในหอคอยงาช้างพวกนี้ ช่างไร้เดียงสาจนโง่เขลาจริงๆ!
เวลานี้ สีหน้าของคุณหญิงย่าที่มองเยี่ยหวันหวั่นผ่อนคลายลงไม่น้อย ท่าทางที่เยี่ยหวันหวั่นตบสั่งสอนเฝิงซิ่นอวี้ในฐานะนายหญิงของตระกูลเมื่อครู่นี้ ทำให้เธอต้องมองเยี่ยหวันหวั่นเสียใหม่
“หวันหวั่น ในเมื่อเธอเป็นแค่แฟนของเจ้าเก้า ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลของพวกเรา ตระกูลซือไม่มีสิทธิจะขอให้เธอทำอะไร แต่การที่เธอสามารถรั้งอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้าเก้าได้ ทั้งยังคิดหาวิธีช่วยเหลือทุกคน ข้อนี้ ทำให้ย่าชื่นชมมาก”
หลังจากกลับมาครั้งนี้ เยี่ยหวันหวั่นเห็นอย่างชัดเจนว่าท่าทีของคุณหญิงย่าที่มีต่อเธอเย็นชาลงไปไม่น้อย
เธอไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่า จะต้องมีคนพูดอะไรข้างหูคุณย่าแน่นอน
แต่ว่าเยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ต่อให้เป็นอย่างนี้ ก็ไม่อะไร ในเมื่อชาติก่อนเธอไปพบคุณหญิงย่าด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนั้น คุณหญิงย่ายังสามารถทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยนได้
ขอเพียงเธอไม่หาเหาใส่หัวเหมือนชาติที่แล้ว ไม่ล่วงเกินสิ่งต้องห้ามของคุณหญิงย่า สิ่งที่เรียกว่า “ประวัติดำมืด” พวกนั้น ไม่สามารถสร้างผลกระทบอะไรจริงจังกับเธอได้
ใบหน้าเยี่ยหวันหวั่นเผยความเขินอายเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างเป็นเด็กดี “คุณย่า หนูไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่พูดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น ทุกอย่างล้วนอาศัยความสามัคคีพร้อมใจช่วยเหลือกันของทุกคน ถึงได้พ้นอันตรายครั้งนี้มาได้!”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่รับความดีความชอบ คุณหญิงย่าพยักหน้า “พอแล้ว เธอไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ความดีความชอบของเธอครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ย่าจะจำเอาไว้!”
เวลานี้เอง ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
มีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เลี้ยงเคราสีขาว ดูแก่ที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสด้วยกันเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเนิบๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็พอแค่นี้เถอะ!
ตอนนี้เรื่องด่วนที่พวกเราควรรีบตรวจสอบให้ชัดเจนคือตัวการเบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร ตระกูลซือกับพันธมิตรเลือดองค์กรที่มีชื่อฉาวโฉ่ระบือไกลไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน และยิ่งไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ทำไมพันธมิตรเลือดถึงต้องตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเราตระกูลซือ? เห็นชัดๆ ว่ากากเดนพวกนั้นมีคนคอยบงการ!”
ผู้อาวุโสเสื้อฟ้าพูดสนับสนุนด้วยสีหน้าโกรธขึง “ไม่เลวเลย กล้าลงมือกับนายใหญ่ตระกูลซือของพวกเรา! บ้าระห่ำจริงๆ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ก็ต้องลากตัวคนนั้นออกมาให้ได้!”
“แต่ว่า…ตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลย จะเริ่มสืบจากที่ไหน?” มีคนขมวดคิ้วเอ่ยถาม
ได้ยินถึงตรงนี้ ใบหน้าของคุณหญิงย่านิ่ง มองไปทางสวี่อี้แล้วเอ่ยถาม “ตอนที่พวกนายปะทะกับคนพวกนั้น ได้ข้อมูลอะไรมาบ้างไหม?”
สวี่อี้ได้ยินดังนั้น ก็ย้อนนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นแล้วเล่าว่า “ตอนที่ปะทะกับพวกพันธมิตรเลือด ตอนนั้นผมได้เตือนอีกฝ่ายว่าเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า ถ้าหากพวกมันฆ่านายท่านจริงๆ ก็จะต้องเผชิญกับความโกรธของตระกูลซือ ต่อให้เป็นพันธมิตรเลือด ก็ไม่อาจไม่หวั่นเกรงต่อตระกูลซือ แต่ว่า ท่าทางอวดดีอย่างผิดปกติของอีกฝ่าย ถึงขนาดที่ว่าไร้ซึ่งความหวาดกลัวจนประหลาด…”
เวลานี้เอง นัยน์ตาผู้อาวุโสเคราขาวพลันสว่างวาบ “มีคนหนุนหลังเลยไม่เกรงกลัว? ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่กลัว? พวกเราเดาได้ไหมว่า คนที่อยู่หลังม่านครั้งนี้ จะเป็นคนในตระกูลซือ อีกทั้งตำแหน่งไม่เล็กเลย ถึงขนาดที่ว่ามีสิทธิได้สืบทอดตำแหน่ง คิดวางแผนฆ่านายใหญ่เพื่อรับตำแหน่งแทน! คนของพันธมิตรเลือดถึงได้ไม่กลัวการแก้แค้นของตระกูลซือ!”
…………………………………………………..