“ข้าก็เดาว่าอย่างนั้น” ชีอ้าวชวางจิ้มผลไม้ด้วยส้อมและขมวดคิ้ว “คามิลล์ ชายผู้นี้ดูเหมือนจะมีความสามารถรอบด้านไปหมด ในความทรงจำของข้า พลังของชายผู้นี้เหนือกว่าทุกสิ่งที่ข้ารู้จัก มีเพียงพระบิดาเท่านั้นที่มีพลังที่จะจัดการกับเขาได้” น้ำเสียงของชีอ้าวชวางมีความเป็นกังวลเล็กน้อย
“แล้วทำไมพระบิดาต้องจัดการกับคามิลล์ด้วยล่ะ?” สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนดูนิ่งไป เขาขมวดคิ้วและถาม
“คำถามนี้!” ชีอ้าวชวางกัดผลไม้อย่างดุเดือดและจ้องเฟิงอี้เซวียนแต่สายตาคมกริบและคิ้วก็ขมวดแน่น
แต่ชีอ้าวชวางกลับพึมพำหลังจากทากลืนผลไม้และตอบง่ายๆ ”ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
เฟิงอี้เซวียนพูดไม่ออก
“นอกจากนี้ก็เรื่องของสถาบันดวงดาวด้วย” ชีอ้าวชวางยังคงกินผลไม้และพูดคุยต่อไป “ข้าเริ่มสงสัยว่าราชาองค์ใดในโลกนี้ที่เป็นคนทำ หลังจากได้ยินเรื่องของราชาไป๋ ข้าก็สงสัยว่าราชาไป๋เป็นคนทำ บางทีราชาไป๋อาจจะต้องการดูดซับพลังของคนเหล่านั้นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองมาโค่นล้มราชาแห่งสวรรค์”
“คำอธิบายนี้ดูสมเหตุสมนะ พอเจ้าพูดเช่นนี้ในตอนนี้ ข้าเองก็คิดว่าราชาไป๋เป็นคนทำเช่นกัน” เฟิงอี้เซวียนพยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองนี้
“แต่ข้ารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ มันไม่ธรรมดาเท่าไหร่” ชีอ้าวชวางส่ายหัว ”แต่ข้าก็บอกไม่ได้ว่าทำไม ตอนที่ข้าได้เจออดีตราชาไป๋ผู้เป็นราชาสวรรค์ในตอนนี้ข้าคงจะได้รู้”
“อืม” เฟิงอี้เซวียนพยักหน้า แต่ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด
หลังอาหารเช้า กลุ่มคนทั้งสี่ก็ออกเดินทาง พวกเขากลับมาอยู่ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่อีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวที่ล้อมรอบด้วยทรายสีเหลืองที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
“เราจะไปไหนกันต่อ?” เฟิงอี้เซวียนถาม เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและขมวดคิ้ว
“ไปหาราชาหย่ง” สีหน้าของราชาเยว่เปลี่ยนไปทันทีที่พูด เพราะเขารู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดรอบตัว ท่าทีของมิเชลก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
“ไม่ต้องไปหาแล้ว เพราะเราจะส่งพวกเจ้าไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย” เสียงหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยความดุร้ายดังขึ้นในหูของทั้งสี่คน
“เหราหยู่! หานชวี!” เสียงของมิเชลเปลี่ยนไป
สีหน้าของราชาเยว่ก็ดูย่ำแย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ
ชีอ้าวชวางมองสองคนนั้นที่จู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นที่ข้างหลังของพวกเขาอย่างระมัดระวัง ชายสองคนนั้นมีคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีฟ้า ผมสีดำ แต่คิ้วของเขายาวจนน่าขันเล็กน้อย เขามองดูราชาเยว่และมิเชลอย่างเฉยเมย ส่วนอีกคนคือคนที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้ เขาแต่งชุดสีขาวดำ ใบหน้ายิ้มแย้ม ลิ้นเขาเลียริมฝีปากอยู่และมีเครื่องประดับลิ้นขนาดใหญ่อยู่บนลิ้น ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดมาก เขามองไปที่ราชาเยว่และมิเชลอย่างเย่อหยิ่งราวกับว่าในสายตาของเขา ราชาทั้งสองตายไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือสองคนนี้ไม่ได้มองชีอ้าวชวางและเฟิงอี้เซวียนเลย ในความรู้สึกของพวกเขา สองคนนี้ไม่ได้สำคัญและคงจะเป็นเพียงแค่คนติดตามของราชาเยว่และมิเชลเท่านั้น หลังจากจัดการกับราชาเยว่และมิเชลแล้วก็แค่ฆ่าทิ้งก็จบแล้ว
ชีอ้าวชวางลองคาดเดาตัวตนของคนสองคนนี้ในใจ พวกเขาไม่ใช่ราชาองค์อื่นอย่างแน่นอน และราชาองค์อื่นๆ ก็คงจะไม่พูดคำเหล่านั้นในตอนนี้แน่ คนสองคนนี้จะต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาสวรรค์ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากด้วย ไม่อย่างนั้นสีหน้าของราชาเยว่และมิเชลจะเปลี่ยนไปอย่างมากขนาดนั้นได้อย่างไร อีกประเด็นหนึ่งคือ ชีอ้าวชวางยังสังเกตเห็นด้วยว่าเมื่อราชาเยว่บอกว่าจะไปหาราชาหย่งต่อ ชายคนนั้นบอกว่าไม่ต้องไปหาแล้ว และจะส่งพวกเขาไปหาเขาในไม่ช้านี้เอง หรือว่าราชาหย่งจะถูกชายสองคนนี้ฆ่าแล้ว? เฟิงอี้เซวียนก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน เขาขมวดคิ้ว เพราะเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของชายสองคนที่อยู่ข้างหน้านี้เทียบได้กับพลังของราชาเยว่กับมิเชลเลย หากเป็นเช่นนี้จะต้องยุ่งยากมากแน่ๆ
“เหราหยู่ หานชวี พวกเจ้าทรยศต่อราชาสวรรค์! พวกเจ้าไปพึ่งพิงราชาไป๋จริงๆ หรือ?!” มิเชลตะคอกด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดง
“หรือว่าแม่ทัพทั้งสี่ไปพึ่งพิงคนทรยศคนนั้นทั้งหมด? พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าราชาสวรรค์ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างไร? เขามีความรักใคร่อย่างลึกซึ้งต่อพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็ทรยศเขา!” ราชาเยว่ก็ตะคอกเช่นกัน
“ฮ่าๆๆ ทรยศหรือ? พูดให้ขำอยู่หรือ?” ชายผู้เย่อหยิ่งหัวเราะเสียงดัง “รักใคร่? คือให้เราดูแลทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะหรือ? เรื่องอะไรที่เสียแรงก็ให้พวกเราไปทำหรือ? ใครเก่งกว่าก็ไปทำให้ มีอะไรแปลกล่ะ?”
“เหราหยู่ อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า รีบจัดการเถอะ” คนข้างๆ พูดออกมาอย่างเย็นชา คนๆ นี้คือลำนำเย็นชา (ความหมายของชื่อ) ตามชื่อเขาเลยจริงๆ การแสดงออกที่เย็นชา คำพูดที่เย็นชา
“เอาละ ไม่ไร้สาระแล้ว พวกงี่เง่าทั้งสอง! ถ้าวันหนึ่งพวกเจ้าเอาชนะเราและฆ่าราชาสวรรค์ได้ เราจะเชื่อฟังเจ้า ฮ่าๆ แต่ตอนนี้ไปตายเสียเถอะ!” เหราหยู่หัวเราะเสียงเย็นและยื่นมือไปในอากาศแล้วดาบยาวก็ปรากฎอยู่ในมือของเขา
หานชวีหรี่ตาเล็กน้อยและยื่นมือออกในอากาศและแส้ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาเช่นกัน
“หึ! ก็ยังไม่แน่นอนหรอกว่าใครจะต้องตาย!” สีหน้าของราชาเยว่ดูมืดมน และนอกจากจะพูดออกมาแล้ว เขายังยื่นมือออกมาและดาบเรียวก็ปรากฏขึ้นหลังจากที่แสงสีเงินสว่างวาบในมือของเขา ตัวดาบเป็นสีขาวและโปร่งใส และทั้งด้ามก็เปล่งแสงสีเงินจางๆ ออกมา ที่ด้ามดาบมีลวดลายเรียบง่าย
ใบหน้าของมิเชลก็เคร่งขรึมเช่นกัน เขาโบกมือแล้วอาวุธก็ปรากฏอยู่ในมือของเขา แต่อาวุธของเขาคือพิณที่สวยงามมาก ตัวพิณเป็นสีเงินและมีสายสีทองส่องประกายอย่างมีเสน่ห์
“หานชวี ราชาหมี่ซิวปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าไม่ชอบหน้าเขามานานแล้ว ทำไมเขาถึงเป็นคนงี่เง่าที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงนักนะ หึ!” เหราหยู่จบประโยคอย่างฉุนเฉียว จากนั้นก็โบกดาบของเขาและรีบตรงมาที่มิเชล
เกิดเสียงดังขึ้น ดาบของเหราหยู่ฟันลงบนทราย เป็นการปลุกทรายสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นขึ้น
มิเชลบินขึ้นไปในอากาศ เขาถือพิณไว้ในมือข้างหนึ่งและมองเหราหยู่อย่างเย็นชา ส่วนราชาเยว่ยังเผชิญหน้ากับหานชวีอยู่ เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางหลบไปจากที่ก่อนหน้านี้แล้ว สถานที่ที่ทุกคนยืนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ไปแล้ว
ชีอ้าวชวางเหลือบมองไปที่หลุมลึก จากนั้นก็มองไปที่อาวุธของเหราหยู่แล้วก็ตระหนักได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นประเภทที่มีพลังและเป็นชายที่หน้าตาธรรมดาที่ดูเหมือนจะเกลียดชังความนิยมของมิเชลต่อเพศตรงข้ามมากด้วย ความริษยาของผู้ชายก็น่ากลัวเช่นกัน!
“ราชาเยว่ ข้าอยากจะเรียนรู้ทักษะของเจ้ามานานแล้ว” เสียงเย็นชาของหานชวีฟังดูแผ่วเบา ตอนนี้บรรยากาศรายล้อมไปด้วยทะเลทรายอันร้อนระอุ แต่เสียงของเขาทำให้คนฟังรู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงหลายองศาโดยไม่มีเหตุผลเลยทีเดียว
“ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีโอกาสเรียนรู้อะไรต่อจากนี้ไป” สีหน้าของราชาเยว่เปลี่ยนเป็นเย็นชายามเอ่ยประโยคนั้น
เกิดเสียงดังขึ้นในอากาศ ทั้งสองฝ่ายเริ่มสู้กันแล้ว แสงสีขาวขนาดใหญ่และเสียงกระทบกันทำให้ดูน่าหวาดกลัว เสียงนั้นดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ดูเหมือนมิเชลจะสู้ในระยะประชิดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เขาจึงสู้กับเหราหยู่ในระยะไกล ส่วนราชาเยว่และหานชวีก็กำลังเผชิญหน้ากัน ราชาเยว่เก่งในการต่อสู้ระยะประชิดและหานชวีเก่งในการต่อสู้ระยะไกล
เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วขณะมองการต่อสู้กลางอากาศนั้น แต่หัวใจของเขาจมดิ่งลงเรื่อยๆ ความแรงของสี่คนนี้เทียบกันได้เลยจริงๆ ถ้ายังสู้แบบนี้ต่อไปก็มีแต่จะเสียพละกำลังเท่านั้น ใครทนไม่ไหวก็แพ้ไป จากความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาเยว่ หากฝ่ายราชาเยว่พ่ายแพ้ ผลที่ตามมาก็…เฟิงอี้เซวียนเริ่มวิตกกังวล เขาหันไปมองที่ชีอ้าวชวางแต่ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
ชีอ้าวชวางมองการต่อสู้ที่ดุเดือดกลางอากาศนั้นด้วยท่าทางสงบ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางทำเพียงแค่เฝ้ามองมันอย่างตั้งใจเท่านั้น
“อ้าวชวาง...” เฟิงอี้เซวียนเรียกเบาๆ แต่ดูเหมือนชีอ้าวชวางไม่ได้ยิน นางยังคงมองการต่อสู้อย่างตั้งใจ
สายลมพัดมา แล้วทรายก็ปลิวไปทั่ว
เฟิงอี้เซวียนสะบัดนิ้ว และลมหมุนเล็กๆ ก็ล้อมรอบชีอ้าวชวางและเขาไว้ แยกทรายสีเหลืองทั้งหมดออกไป ในใจก็กำลังคิดหาวิธีอยู่ การรออยู่แบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี แต่เขาก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เช่นกัน การต่อสู้ของยอดฝีมือ คนที่อ่อนแอเข้าไปก็มีแต่จะแย่ เขาไม่คิดว่าการที่เขาเข้าไปร่วมการต่อสู้จะเปลี่ยนสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้ได้
“ดอกบัว…” ทันใดนั้นดวงตาของชีอ้าวชวางก็พร่ามัวและก็พูดออกมา
“อะไรนะ?” เฟิงอี้เซวียนได้ยินไม่ค่อยชัดเจนจึงขมวดคิ้วและถาม แต่ชีอ้าวชวางไม่พูดอะไรอีก ในไม่ช้า เฟิงอี้เซวียนก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ และอุณหภูมิโดยรอบก็สูงขึ้น!
แววตาของชีอ้าวชวางค่อยๆ กลายเป็นความเศร้า และความว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นในแววตาของนาง นางค่อยๆ ยกมือขึ้นและชี้ไปที่แสงสีขาวสว่างจ้าบนท้องฟ้าซึ่งเป็นแสงจากการต่อสู้อันดุเดือดของทั้งสี่คน
“อ้าวชวาง เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” ความรู้สึกลางไม่ดีผุดขึ้นในใจของเฟิงอี้เซวียน ทำไมถึงรู้สึกว่าชีอ้าวชวางจะกลายเป็นคนที่แปลกไปแบบหน้าก่อนหน้านี้อีกแล้ว?
ชีอ้าวชวางไม่ตอบเฟิงอี้เซวียน สายตาของนางยังคงมองขึ้นไปในอากาศแล้วก็บินไปช้าๆ ผมของนางก็ปลิวอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิโดยรอบทำให้ร่างกายของนางเริ่มแห้ง
“อ้าวชวาง!” หัวใจของเฟิงอี้เซวียนรู้สึกไม่ดี เขาจะดึงมือของชีอ้าวชวาง แต่การเคลื่อนไหวของชีอ้าวชวางกลับเร็วขึ้น และก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตรงเข้าไปที่ทั้งสี่คนที่กำลังต่อสู้กันอยู่
ลมหายใจที่แผดเผาพุ่งไปข้างหน้า และความร้อนก็ทำให้ทั้งสี่หยุดนิ่ง ทุกคนหยุดต่อสู้และมองไปที่ ชีอ้าวชวางที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางพวกเขา
เหราหยู่หัวเราะ คนคนนี้กระตือรือร้นที่จะปกป้องเจ้านายหรือ? หรือว่านางจะเป็นผู้ที่ชื่นชมราชาหมี่ซิว? สีหน้าของเหราหยู่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อคิดถึงมัน และเมื่อมองคนผมดำใกล้ๆ ก็พบว่านางงดงามมาก นางเป็นคนรักของราชาหมี่ซิวหรือ? แถมยังก้าวมาที่ตรงนี้เพื่อคนที่นางชื่นชมโดยไม่คิดชีวิตอีก?! สมควรตาย!