ราชาเยว่จ้องตาแสร้งทำเป็นโกรธ แต่ดวงตาของเขามีความอ่อนโยนอยู่ในนั้น
“แต่มันยากที่จะบอกว่าชีอ้าวชวางจะใช่ราชาไป๋หรือไม่ สรุปคือรอดูการเปลี่ยนแปลงต่อไป ถ้านางเป็นราชาไป๋ก็จะยิ่งจัดการได้ง่ายเลย” มิเชลด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“อีกอย่าง ราชาองค์อื่นๆ ล่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง” ราชาเยว่ถอนหายใจเบาๆ
“อย่ากังวลเลย พวกเขาไม่เป็นไรหรอก คนที่ถูกจัดการได้ง่ายๆ จะเป็นราชาได้หรือ?” มิเชลพูดปลอบ
“ข้าก็หวังอย่างนั้น” ราชาเยว่พยักหน้า
เวลานี้เฟิงอี้เซวียนดูแลชีอ้าวชวางเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและยืนอยู่ข้างเตียงของชีอ้าวชวาง
“เฟิงอี้เซวียน ไม่นึกเลยว่าเจ้าเองก็อายเป็น? เจ้าจะอายอะไร ข้าได้เห็นร่างกายเจ้ามาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องมาว่าข้า เสี่ยวอ้าวชวางของข้าก็เห็นเช่นกัน ไม่เพียงแค่เห็นเท่านั้น แต่เคยสัมผัสด้วย…โอ้ อู้…” ฉางคงอยู่ที่ข้างเตียง
แม้เป็นการหยอกล้อกัน แต่หน้าเฟิงอี้เซวียนก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ปิดปากฉางคงแล้วโยนไปอีกด้านหนึ่ง
“ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก และก็อ้าวชวางต้องพักผ่อน ช่วยเงียบด้วย” ใบหน้าของ เฟิงอี้เซวียนยังคงแดงเถือกตอนพูดเตือนฉางคง
ฉางคงส่งเสียงอย่างเย็นชาและกระโดดไปที่หน้าต่าง ”ข้าจะไปดูเด็กที่น่ารำคาญคนนั้น ถ้าเขาเป็นอะไรคงจะน่าเบื่อ” ก่อนที่เฟิงอี้เซวียนจะตอบอะไร ฉางคงก็กระโดดออกไปแล้ว
ห้องเงียบลง มีเพียงความสงบและลมหายใจของชีอ้าวชวางเท่านั้นที่ยังคงอยู่
“อ้าวชวาง...” เฟิงอี้เซวียนยื่นมือออกไปจับมือของชีอ้าวชวางเบาๆ พลางพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเมื่อครู่ข้าถึงรู้สึกแปลกๆ กับเจ้า? มันเป็นความรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ชีอ้าวชวางยังคงหลับอยู่ แพแตาบนดวงตาที่ปิดยังปิดสนิทสั่นไหวเล็กน้อย ชีอ้าวชวางในเวลานี้เห็นภาพแปลกๆ
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเปลวเพลิง มันร้อนมากจนผู้คนแทบหายใจไม่ออก เปลวไฟพัดผ่านทุกสิ่งราวกับเปลวเพลิงแห่งนรก พัดไปที่ใดที่นั่นก็ราบคาบ มันคือความโกรธ ความโกรธมากๆ อะไรทำให้เกิดความโกรธแค้นมากมายเช่นนี้นะ? นี่เป็นความโกรธของใคร?
มีสิ่งสำคัญมากๆ หายไป มันคืออะไร…
ความเศร้าที่อธิบายไม่ได้ค่อยๆ เข้ามาจนเต็มหัวใจของชีอ้าวชวาง สูญเสียสิ่งที่สำคัญมาก มันคืออะไรกันนะ? มันรู้สึกว่างเปล่า เศร้า โกรธ…
เฟิงอี้เซวียนมองใบหน้าของชีอ้าวชวางด้วยความงุนงง ดวงตาของชีอ้าวชวางค่อยๆ หลั่งน้ำตาออกมา
“อ้าวชวาง เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเห็นอะไร? ตื่นขึ้นสิ เจ้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปเลย” เฟิงอี้เซวียนจับมือของชีอ้าวชวางไว้แน่นราวกับว่าเขารู้สึกได้ถึงความเศร้าที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ชีอ้าวชวางเห็นอะไรถึงทำให้นางเป็นแบบนี้?
เฟิงอี้เซวียนนั่งอยู่ข้างเตียงและจับมือของชีอ้าวชวางในท่านี้อยู่ตลอดทั้งคืน
ในตอนเช้า ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลืมตาขึ้นและขยับมือเบาๆ เฟิงอี้เซวียนรู้สึกได้ทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างกังวล ชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ หันไปมองเฟิงอี้เซวียนที่เต็มไปด้วยความกังวลนั้นและพูดอย่างอ่อนโยน “อี้เซวียน เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
“เจ้า เจ้าตื่นได้ก็ดีแล้ว” เฟิงอี้เซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ลังเลและถาม “เจ้า เจ้าจำไม่ได้หรือว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้?”
“อะไร?” ชีอ้าวชวางสงสัย
สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และหลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้ว เขาก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้ชีอ้าวชวางฟัง
ชีอ้าวชวางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน จากนั้นก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด การกระทำก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับภาพที่เห็นเมื่อครู่หรือไม่? หรือเกี่ยวข้องกับตัวเอง?
เมื่อเฟิงอี้เซวียนเห็นชีอ้าวชวางเป็นเช่นนี้ เขาก็พูดอย่างกังวล ”อ้าวชวาง ไม่ต้องคิดแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้า”
ชีอ้าวชวางหันไปมองเฟิงอี้เซวียนแล้วยิ้ม ”อืม อี้เซวียน ขอบคุณนะ”
“เจ้ายังรู้สึกไม่สบายใจในร่างกายของเจ้าอยู่หรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่แล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว” ชีอ้าวชวางตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดี เช่นนั้นก็พักก่อน ข้าจะไปเอาอาหารเช้ามาให้ เจ้าอยากกินอะไรล่ะ?” เฟิงอี้เซวียนก็ยิ้มเช่นกัน
“ปิ้งย่าง” ชีอ้าวชวางเม้มปากและยิ้ม
“จะกินมันเยิ้มแต่เช้าเลยหรือ?” แม้ว่าเฟิงอี้เซวียนจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่ได้จะคัดค้านหรอก
“ข้าอยากกิน ข้าไม่ได้กินเนื้อย่างของเจ้ามานานแล้ว” ชีอ้าวชวางยิ้ม
เฟิงอี้เซวียนยิ้มด้วยความพึงพอใจในดวงตาของเขาและลุกขึ้นยืนหันหลังออกไปเตรียมอาหารเช้า ชีอ้าวชวางลุกขั้นนั่งช้าๆ และมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ
พื้นที่นี้ไม่มีกลางคืนและกลางวัน มันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินอยู่เสมอ ชื่อของราชาเยว่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้แน่ๆ ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกจากเตียงเดินไปที่หน้าต่างและมองไปที่ทะเลสาบอันเงียบสงบไกลๆ นั้นแล้วหลับตาลง ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางไม่รู้สึกผิดไป มันมีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของนางจริงๆ ดูเหมือนว่าในส่วนลึกของจิตวิญญาณจะมีพลังที่ค่อยๆ ไหลออกมา แม้ว่ามันจะเบาบางมาก แต่มันเป็นเรื่องจริง เหมือนเมล็ดพืช แต่ก็เหมือนอ่างน้ำวนเล็กๆ ที่ล้นออกมาอย่างผิดปกติ นั่นคืออะไรกัน?
ชีอ้าวชวางหลุบตาลง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือมันจะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และสิ่งที่นางเห็น
ชีอ้าวชวางพิงกับขอบหน้าต่างและปล่อยความคิดลอยออกไป นางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่นางจะมาถึงโลกแห่งนี้ ตอนนั้นนางยังอยู่ในที่พลุกพล่าน สังคมที่เต็มไปด้วยความใจร้อน อยู่ไปก็ไม่มีอะไรใช่ชีวิตแล้ว แต่หลังจากจบชีวิตตัวเองง่ายๆ ก็ได้เห็นคนอ้วนที่น่าสงสัยคนหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเทพอย่างนั้นหรือ? ตัวนางก่อนหน้านี้ไม่มีวันเชื่อในสิ่งที่ไร้สาระเช่นนั้นเด็ดขาด แต่หลังจากมาที่โลกแห่งนี้แล้ว นางก็พบว่ายังมีเรื่องจริงอีกมากมายที่คนไม่รู้จัก รวมถึงเทพด้วย เช่นนั้นก็ต้องมีเทพเจ้าในโลกที่นางเคยอยู่มาก่อนแน่นอน ไม่อย่างนั้น เหตุใดจึงมีปรากฏการณ์มากมายที่วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันอธิบายไม่ได้ล่ะ?
ช่างเถอะ ไม่ต้องไปคิดแล้ว มันผ่านไปแล้ว เหลิ่งหลิงยวิ๋น คามิลล์ จินเหยียน…จะหาพวกเขาเจอเมื่อไหร่กันนะ?
ในขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะความคิดของชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางหันไปพูด ”เข้ามาสิ”
เมื่อประตูเปิดออก คนที่เดินนำเข้ามาก็คือเฟิงอี้เซวียน เขากำลังถือถาดอาหารขนาดใหญ่ที่มีเนื้อย่าง ผลไม้ ขนมปังและชาหอมอยู่ ราชาเยว่และมิเชลก็ตามมาเช่นกัน พวกเขาทั้งสองไม่ได้เมาแบบเมื่อคืนแล้ว แต่มีสีหน้าเคร่งขรึมแทน
“ราชาเยว่ มิเชล?” ชีอ้าวชวางสับสน
“กินข้าวก่อนเถอะ คุยไปกินไปแล้วกัน” ราชาเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม
เฟิงอี้เซวียนวางถาดอาหารลงบนโต๊ะและหยิบมีดกับส้อมขึ้นมาเริ่มหั่นบาร์บีคิวเป็นชิ้น ประกบมันในขนมปัง แล้วค่อยส่งให้ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางรับมาแล้วยิ้มให้เฟิงอี้เซวียน เฟิงอี้เซวียนก็ยิ้มและลืมหั่นเนื้อย่างให้สำหรับตัวเองไปแล้ว
“ชีอ้าวชวาง เจ้ารู้สึกไม่สบายในร่างกายของเจ้าหรือไม่?” ราชาเยว่ถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง
ชีอ้าวชวางกัดขนมปังและส่ายหัวน้อยๆ
ราชาเยว่และมิเชลชำเลืองมองกันและกันด้วยความสงสัยในสายตาของพวกเขา หรือว่าชีอ้าวชวางจะไม่ใช่ราชาไป๋คนต่อไป?
“เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรหรือ?” เฟิงอี้เซวียนถามเมื่อเห็นท่าทางของคนสองคน
“ไม่มีอะไร เราแค่มีข้อสงสัยว่าชีอ้าวชวางอาจจะเป็นราชาไป๋คนต่อไป” มิเชลก็ดูจริงจังเช่นกัน
“หือ?” เฟิงอี้เซวียนอ้าปากค้างแล้วหันไปมองชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางพูดอย่างเฉยเมย “อะไรทำให้พูดแบบนั้น?” ไม่รู้ว่าทำไม แต่ชีอ้าวชวางมีความรู้สึกว่านางไม่ใช่ราชาไป๋ที่พวกเขาพูดถึง
“เราไม่มีหลักฐานอะไรเลย แค่เป็นการคาดเดา คาดเดาจากปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับเจ้าเมื่อวานนี้” ราชาเยว่อธิบาย
“ข้าไม่ใช่ราชาไป๋ที่พวกเจ้าพูดถึงแน่นอน” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ
“ทำไมเจ้ามั่นใจขนาดนี้?” มิเชลสขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องแบบนี้มันก็ไม่แน่นะ ถ้าเจ้าเป็นราชาไป๋ล่ะ?”
“ไม่มีเหตุผลอะไร ข้าแค่รู้สึกได้” ชีอ้าวชวางจิบชาหอมแล้วพูด “เจ้ามีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”
ราชาเยว่เลิกคิ้วแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม ”เราพร้อมที่จะออกเดินทางไปหาราชาองค์อื่นและเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อเปิดตราประทับแล้ว”
“พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อหรือจะไปกับเรา ขอความคิดเห็นของพวกเจ้าเองนะ เส้นทางนี้อันตรายมาก ลูกน้องของราชาสวรรค์ต้องตามหาเราทุกที่แน่” มิเชลพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เจ้าเอาชนะผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาสวรรค์ไม่ได้หรือ?” ชีอ้าวชวางมองทั้งสองคน
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
ทั้งสองหน้าแดงและพูดพร้อมกัน
“แล้วมันจะอันตรายได้อย่างไรล่ะ?” ชีอ้าวชวางพูด “เช่นนั้นก็เดินทางกันเถอะ อีกอย่างข้าก็ต้องหาเพื่อนที่หลงทางของข้าด้วย”
ราชาเยว่และมิเชลมองหน้ากันและพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นหากเจ้าไม่รู้สึกไม่ผิดปกติในร่างกาย เราก็มาเริ่มเดินทางกันหลังจากกินอาหารเสร็จแล้วกันนะ” แต่มีจุดหนึ่งที่พวกเขาสองคนไม่ได้พูด นั่นคือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายของอดีตราชาแห่งสวรรค์ และความแข็งแกร่งของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย สำหรับเรื่องที่ทั้งสี่แม่ทัพนี้จะเข้ากับราชาสวรรค์องค์ปัจจุบันภายหลังการตายของราชาสวรรค์องค์ก่อนหรือไม่นั้น พวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน หากแม่ทัพทั้งสี่เข้ากับราชาสวรรค์องค์ปัจจุบัน สิ่งต่างๆ ก็จะยุ่งยากมาก
“อืม” ชีอ้าวชวางตอบรับ จากนั้นก็มองราชาเยว่และมิเชลแล้วก็ยิ้มออกมา ”ขอบคุณพวกเจ้านะ”
หลังจากที่ราชาเยว่และมิเชลออกไปแล้ว เฟิงอี้เซวียนก็พูด ”อ้าวชวาง เจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคามิลล์หรือ?”
“ข้าเดาว่ามีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถทำให้คามิลล์เป็นแบบนี้ได้ ไม่สิ อาจมีเพียงคนเดียว” ชีอ้าวชวางพูดและเหล่มองส้อมในมือ “เพราะยังมีอีกคนหนึ่งหลับอยู่”
“เจ้าหมายถึงพระบิดาและพระมารดาหรือ?! ไม่สิ พระบิดาหรือ?! เพราะพระมารดาหลับอยู่ตลอด” เฟิงอี้เซวียนตกตะลึง และเนื้อย่างบนส้อมก็ตกลงบนจานโดยไม่รู้ตัว